ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 832 อย่าออกหน้า

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 832 อย่าออกหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 832 อย่าออกหน้า

บทที่ 832 อย่าออกหน้า

“ตอนนี้เราควรทำอย่างไรถึงจะช่วยเขาออกมาได้” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างกระตือรือร้น

“เสี่ยวหวาน เจ้าอย่าได้รีบร้อนไป เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับผลประโยชน์อย่างมหาศาล หากเราช่วยเฉินจื่อไป๋ออกจากคุก ทั้งเจ้า ทั้งข้า และครอบครัวของพวกเราอาจจะได้รับอันตราย” เมื่อได้ตกเป็นเป้าหมายของของเจียงอวิ้นหลิ่วแล้ว เมื่อถึงเวลาอาจมีปัญหาใหญ่หลวงตามา หลี่ฝานกล่าวถ้อยคำที่น่าตื่นตระหนก

เจียงอวิ้นหลิ่วยังคงทรมารเฉินจื่อไป๋ตลอดเวลา และไม่แน่เขาอาจจะถูกผีสิ่งอยู่ในใจ เจียงอวิ้นหลิ่วรู้สึกว่าเฉินจื่อไป๋กุมความลับบางสิ่งไว้ แม้เฉินจื่อไปจะไม่พูดอะไร และบอกเพียงว่าเป็นคำพูดที่พ่นออกมาเพราะความโกรธ นอกเหนือจากหวาดระแวงระวังแล้ว เจียงอวิ้นหลิ่วยังมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึก ๆ

ดังคำที่กล่าวเอาไว้ว่า หากไม่ระวังตัวไว้ให้ดีจะสูญเสียทุกสิ่ง ยอมสังหารคนสามพันคน และไม่สามารถปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว

คำพูดของเฉินจื่อไป๋จี้แทงใจดำของเขา

และเขาอยากจะฆ่าเฉินจื่อไป๋ทิ้งเสียมากกว่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยง

หลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวาน และคนอื่น ๆ หากพวกเขายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเฉินจื่อไป๋ เนื่องจากชื่อเสียงและสถานะในปัจจุบันของหลี่ฝานในเมืองหลิวเจีย เจียงอวิ้นหลิ่วอาจมีอคติกับเขา แต่เรื่องนี้ใครจะบอกได้

ตอนนี้เจียงอวิ้นหลิ่วสามารถบรรลุสถานะดังกล่าวได้แล้วด้วยความมั่งคั่งมหาศาล เขาไม่ใช่คนโง่โดยธรรมชาติ

พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเฉินจื่อไป๋ ทำไมพวกเขาต้องยื่นมือเข้าไปช่วย

เมื่อได้ยินเกาเยว่เหมยกล่าวว่ามีชายกลุ่มหนึ่งมีท่าทางดูไม่ธรรมดา เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ฝานก็เล่าด้วยความประหวั่นพลั่นพรึ่งว่า เจ้านายของเขาเกือบจะเสียชีวิตด้วยน้ำมือชายชุดดำเหล่านั้น

เจ้านายของตนไปตรวจสอบเรื่องของเจียงอวิ้นหลิ่ว และถูกโจมตีโดยชายชุดดำ แต่ใครจะรู้ว่าชายชุดดำเหล่านั้นจะใช่ชายชุดดำที่เกาเยว่เหมยและคนอื่น ๆ พบเจอหรือไม่?

ถ้าเรื่องราวเป็นจริงดังว่า ถ้ากู้เสี่ยวหวานอยู่ในจุดรุ่งเรือง เกรงว่าเมื่อถึงเวลา ครอบครัวของนางจะถูกทำลาย

หลี่ฝานมีความกังวลเฉกเช่นเดียวกับฉินเย่จือ

ฉินเย่จือขมวดคิ้วแน่น และหันไปมองกู้เสี่ยวหวาน

เช่นเดียวกัน กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ใช่คนโง่ และยังพบเงื่อนงำจากเรื่องนี้

การลักลอบขายเกลือผิดกฎหมายถือว่าเป็นอาชญากรรม หากปิดปากคนที่รู้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ

กู้เสี่ยวหวานไม่เกรงกลัวต่อความตาย หากนางต้องผลักญาติและคนรอบกายไปเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงเพื่อคนแปลกหน้า กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ใช่แม่พระเช่นนั้น

“ท่านลุงหลี่ เราต้องมีแผนระยะยาวกับเรื่องนี้” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วมุ่น “เราต้องการหาวิธีที่แน่นอนเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตามหาเรา และช่วยเฉินจื่อไป๋ออกจากคุกอย่างปลอดภัย”

ครั้นได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานเข้าใจความหายของตน หลี่ฝานก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ ข้าสามารถคิดได้แค่วิธีเดียวเท่านั้น”

ฉินเย่จือซึ่งยังคงนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา หากแต่ในหัวกำลังคิดเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

องครักษ์ทมิฬที่ซ่อนตัวอยู่คอยเฝ้าประตูโกดังมาเป็นเวลานานทั้งวันทั้งคืน หากแต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ

เป็นไปได้หรือไม่ว่า เจียงอวิ้นหลิ่วกำลังระมัดระวังตัว และพบว่ามีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่?

ได้ยินมาว่าในช่วงเวลานี้ เจียงอวิ้นหลิ่วออกไปข้างนอกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม องครักษ์ทมิฬได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ติดตามเขาไปเรื่อย แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ

ในอีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง หลิวฉงหร่านเรียกหลิวเทียนฉือกลับมาด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

เมื่อได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องการพบนาง ทุกคนในตระกูลหลิวก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ โดยเฉพาะหลิวเทียนฉือที่แต่งตัวสวยงามทุกวัน และรอการเรียกของฮ่องเต้

ทุกคนในตระกูลหลิวรู้ว่าการเรียกตัวของฮ่องเต้หมายถึงอะไร แม้ว่าพวกเขาจะเกิดความอยากรู้ว่าฮ่องเต้ได้ยินใครพูดเกี่ยวกับลูกสาวของตระกูลหลิว และทำไมถึงอยากพบหลิวเทียนจือ

เนื่องจากหลิวเทียนฉือเป็นลูกสาวของอนุภรรยา แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าวังในฐานะนางสนม นับประสาอะไรกับการเข้าเฝ้าฮ่องเต้

หลิวฉงหร่านไม่เห็นถึงความผิดปกติใด และเฝ้ารอราชโองการของฮ่องเต้อย่างใจจดใจจ่อ ทว่า… รอแล้วรอเล่า หลายเดือนผ่านไปจนเกือบจะครึ่งปีก็ยังไม่มีราชโองการจากฮ่องเต้

หลิวฉงหร่านรู้สึกกังวลเล็กน้อย ก็ได้แต่คิดว่าฮ่องเต้คงจะงานยุ่งเกินไป ดังนั้นจึงทำได้แต่รอคอยอย่างอดทน

เมืองหลวงเงียบสงบปลอดภัย ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ภายใต้ความเงียบสงบนี้ ใครจะรู้บ้างว่ามีคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่เกิดขึ้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ขุนนางระดับสูงและเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนในเมืองหลวงบ่นว่าฮ่องเต้กีดกันพวกเขาไม่ให้มีอำนาจในการเป็นขุนนาง

ฉินเย่จือรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เครียดจนเกิดรอยย่นบนหน้าผาก

ครั้นเห็นความเครียดของฉินเย่จื่อ กู้เสี่ยวหวานก็ทนไม่ได้ “พี่เย่จือ”

เมื่อก้าวมาหยุดลงหน้าฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานเอ่ยเรียกอีกฝ่าย และมองไปที่เขาด้วยสายตาเป็นทุกข์

ตอนนี้ฉินเย่จือรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้ากระวนกระวายของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็คลี่ยิ้มทันทีและพูดว่า “หวานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?”

เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน หลี่ฝานจึงผลักประตูเบา ๆ และออกไปอย่างเงียบ ๆ

“เจ้าเหนื่อยหรือ” กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าในช่วงเวลานี้ ฉินเย่จือออกจากบ้านไปแต่เช้าและกลับมาดึกดื่น เขาไปที่เมืองรุ่ยเสียนเป็นครั้งคราวเพื่อตรวจสอบร้านฝูจิ่น ไปที่นั่นในตอนเช้าแล้วกลับมาในตอนดึก

เป็นเพราะเขารู้ว่านางเป็นห่วงสถานการณ์ของร้านฝูจิ่น เขาจึงต้องไปไกลเช่นนั้น

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสะเทือนใจ

นอกจากนี้ สำหรับเรื่องของเฉินจื่อไป๋ ฉินเย่จือกำลังสืบหาเรื่องที่เจียงอวิ้นหลิ่วลักลอบจายเกลือ เรื่องนี้อันตรายอย่างยิ่ง

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทนได้อีกต่อไป หากครอบครัวของนางเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้และเกิดอันตรายต่อคนรอบตัว นางก็คงต้องการผิดสัญญาและไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเฉินจื่อไป๋อีกต่อไป

เมื่อเห็นท่าทางกังวลและทุกข์ใจของกู้เสี่ยวหวาน ไม่ว่าฉินเย่จือจะรู้สึกไม่สบายใจแค่ไหน มันก็สลายหายไปทันที

ชายหนุ่มออกแรงดึงมือของกู้เสี่ยวหวานแผ่วเบา เพียงแค่นั้นร่างกายของกู้เสี่ยวหวานก็ซวนเซล้มลงไปในอ้อมกอดของฉินเย่จือ และล้มลงบนตักของชายหนุ่ม

กู้เสี่ยวหวานไม่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับชายคนอื่นมาก่อน ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที่ราวกับลูกหยางเหมย

“พี่เย่จือ” แม้น้ำเสียงของนางจะสั่นเครือ

ตอนนี้ ความเหนื่อยของฉินเย่จือได้หายไปแล้ว เพียงน้ำเสียงอันนุ่มนวลที่เอ่ยเรียกตนว่าพี่เย่จือ เขาจึงจมดิ่งลงไปในภวังค์ของความนุ่มนวล

กู้เสี่ยวหวานยังเด็ก ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ เนื่องจากได้รับการบำรุงและการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสดใส ดวงหน้าเรียบเนียบ บางทีเพียงแค่สัมผัสมันอาจจะรู้สึกดีเป็นพิเศษ

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

บางทีเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ก็ไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปยุ่งนะเสี่ยวหวาน แต่ก็รับปากแล้วคงจะไม่จะผิดสัญญาใช่ไหมล่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด