ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1515 ความลับที่น่าหวาดกลัว

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1515 ความลับที่น่าหวาดกลัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1515 ความลับที่น่าหวาดกลัว

บทที่ 1515 ความลับที่น่าหวาดกลัว

ฮูหยินซูจำความลับขึ้นมาได้

เกี่ยวกับหมิงตูจวิ้นจู่

ย้อนกลับไปในตอนนั้น หมิงตูจวิ้นจู่ยังเด็ก นางเอาแต่ใจและหยิ่งยโสอยู่แล้ว นางอยากได้อะไร นางต้องได้มันมา และถ้านางไม่ได้…

ครั้งหนึ่งเมื่ออยู่บนถนน หมิงตูจวิ้นจู่ตกหลุมรักตุ๊กตาตัวเล็กที่อยู่ในมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มันดูน่ารักมาก นางจึงไปที่ร้านเพื่อซื้อมัน

แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าตุ๊กตาตัวสุดท้ายถูกเด็กหญิงคนนั้นถือเอาไว้แล้ว หมิงตูจวิ้นจู่จึงมีความคิดที่จะคว้ามันไว้ แต่เด็กหญิงคนนั้นจะมอบสิ่งของมีค่าของตัวเองให้คนอื่นได้อย่างไร นางปฏิเสธที่จะให้และเกิดการโต้เถียงกันขึ้น สุดท้ายหมิงตูจวิ้นจู่ก็ฉีกขาตุ๊กตาตัวนั้นจนขาด

เด็กหญิงคนนั้นร้องไห้ฟูมฟาย และทุกคนต่างกล่าวหาหมิงตูจวิ้นจู่เพราะไม่รู้สถานะของนาง นางก็เอาแต่ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง

เมื่อยังเห็นผู้คนว่ากล่าวตนเอง หมิงตูจวิ้นจู่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ทำเพียงมองเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้อย่างเย็นชาและจากไปตัวเปล่า

ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้คงผ่านพ้นไปแล้ว และคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยระหว่างเด็กสองคนที่แย่งตุ๊กตากัน แต่ใครจะรู้เล่าว่า หลังจากนั้นเด็กหญิงคนนั้นก็หายตัวไปทันที

เมื่อพวกเขาพบนาง ขาของนางก็หายไปข้างหนึ่ง เช่นเดียวกับตุ๊กตาตัวนั้นที่ขาข้างหนึ่งถูกตัดออก ต่อมามีขุนนางคนหนึ่งนำเรื่องนี้รายงานต่อเบื้องบน

เมื่อก่อนมักรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนนิทานหลอกเด็ก เมื่อได้ฟังแล้วก็มักจะปล่อยผ่านไป

มันไม่ง่ายเลยที่นางจะตั้งคำถามหรือคาดเดาไปเอง เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นหมิงตูจวิ้นจู่ ลูกพี่ลูกน้องเพียงคนเดียวของฮ่องเต้ แต่ตอนนี้หลังจากได้ยินคำพูดของซูเฉี่ยนเยว่และคิดถึงเหตุการณ์นี้ ฮูหยินซูก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนและเหงื่อออกพลั่ก ๆ

เมื่อเห็นท่าทางตกใจของมารดา ซูเฉี่ยนเยว่ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และคิดกับตัวเองว่า ในที่สุด งานที่ท่านพี่หมิ่นมอบหมายให้นางก็เสร็จสิ้นแล้ว

ซูเฉี่ยนเยว่ไม่ได้คาดคิดว่าฮูหยินซูจะตกใจมาก นางจึงพูดต่อ “ท่านแม่ นับเป็นพรของครอบครัวเราที่ได้รับความรักจากท่านพี่หมิ่น ได้โปรดอย่าให้ท่านพี่ทำพรนี้ของตระกูลเราหายไป”

ดูเหมือนว่าถ้อยคำของซูเฉี่ยนเยว่จะไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อครู่แล้ว แต่ทว่าฮูหยินซูกลับไม่สามารถผ่อนคลายลงได้เลย

ซูเฉี่ยนเยว่ไม่รู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าหมิงตูจวิ้นจู่ตัดขาของเด็กหญิงคนนั้น ซูเฉี่ยนเยว่ไม่รู้ถึงความชั่วร้ายหลายอย่างของจวิ้นจู่ที่ถูกปกปิดไว้ มีคนไม่มากนักในเมืองหลวงที่รู้เรื่องนี้ ซูเฉี่ยนเยว่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง นางจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

เกรงว่านางจะรู้แค่ว่าหมิงตูจวิ้นจู่เป็นคนที่มีอารมณ์ร้ายและชอบลงโทษผู้อื่น แต่ไม่มีใครรู้ว่าหมิงตูจวิ้นจู่นั้นโหดร้าย ไร้ความปรานี และปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนไม่ใช่คน

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า แม้ว่าซูจือเยว่จะได้รับความรักจากหมิงตูจวิ้นจู่ ทว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่ายินดีเลย แต่กลับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากกว่า

ฮูหยินซูตกใจมากจนจิตใจปั่นป่วน และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา นางแสร้งทำเป็นนิ่งสงบและกลืนน้ำลายลงคอ “เฉี่ยนเยว่ เจ้าลงไปก่อน แม่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย คงเพราะช่วงนี้มีเรื่องเยอะเกินไป แม่อยากพักผ่อนสักหน่อย”

เมื่อเห็นว่านางนำคำพูดของซูหมิ่นมาด้วย ซูเฉี่ยนเยว่ไม่ได้คิดเรื่องอื่น ดังนั้นนางจึงพูดอย่างเชื่อฟัง “ท่านแม่พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”

ซูเฉี่ยนเยว่จากไปอย่างเชื่อฟัง ส่วนฮูหยินซูได้แต่นวดคิ้วตนเองอย่างกระสับกระส่าย

เมื่อนึกถึงซูจือเยว่ก็ต้องนึกถึงหมิงตูจวิ้นจู่ และเมื่อนึกถึงหมิงตูจวิ้นจู่ก็นึกถึงใบหน้าที่สดใสและอดีตที่น่ากลัวของนาง

ซูจือเยว่กลับไปที่ห้องอย่างไม่พอใจ

หลายชิ่งเดินตามหลังตลอดเวลา เมื่อเห็นว่านายน้อยอารมณ์ไม่ดี เขาจึงไม่กล้าเข้าไปรบกวน เขาเข้าไปในลานบ้านและเตรียมน้ำให้ซูจือเยว่อาบทันที

ซูจือเยว่ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาอาบน้ำ ดังนั้นหลายชิ่งจึงต้องรอข้างนอกตลอดเวลา แต่เขารู้สึกงงงวยในใจ นายน้อยมีความสุขมากเมื่อเขากลับมา แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณหนูพูด นอกจากจะโกรธแล้ว เขาก็ดูเหมือนจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย

หลายชิ่งพยายามคาดเดาเหตุผล ในขณะที่ซูจือเยว่กำลังเพลิดเพลินกับความสบายที่ได้รับจากการอาบน้ำ

น้ำอุ่นอาบลงบนร่างกายของเขา และร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลง แต่ความเศร้าโศกในใจของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเมฆหมอกหนาทึบ และในที่สุดก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมองไปที่หมอกหนาทึบ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้น สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์เสีย

เมื่อหลายชิ่งเห็นนายน้อยออกมา เขาก็ไปเช็ดตัวให้ซูจือเยว่ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดทันที แต่ซูจือเยว่ส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ลงไปเถอะ”

“นายน้อยกำลังกังวลเกี่ยวกับงานขับร้องบทกวีในอีกเจ็ดวันใช่หรือไม่ ถ้านายน้อยไม่ชอบก็ลองบอกฮูหยินดีหรือไม่ นายน้อยควรออกไปเดินพักผ่อนสักหน่อย” นายน้อยไม่เคยชอบการนัดพบแบบนี้มาก่อน และหากหลบได้ เขาจะหลบ

หากเป็นก่อนหน้านี้อาจจะสามารถซ่อนตัวได้ แต่คราวนี้จัดขึ้นที่บ้านของตัวเอง ถ้าเจ้าบ้านไม่ได้อยู่ที่นั่น แล้วคนอื่นจะว่าอย่างไร

ดังนั้นหลายชิ่งจึงเสนอคำแนะนำเพื่อขอลาฮูหยินแล้วจึงจากไป เพราะหากบอกเหตุผลว่ายังจัดการเรื่องไม่เสร็จสิ้นจึงต้องไปอีกรอบ เพียงเท่านี้ฮูหยินก็จะไม่สามารถพูดอะไรได้

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ซูจือเยว่ก็รู้สึกว่าข้อเสนอแนะนี้ดีและพยักหน้า “ใช่ ข้าไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้จริง ๆ และหากออกไปจากที่นี่ได้ หูของข้าคงจะปลอดโปร่ง”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลูบหว่างคิ้วราวกับว่าเขาตัดสินใจแล้วว่าจะจากไป

เมื่อหลายชิ่งเห็นว่านายน้อยอารมณ์เสียแล้วจึงพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินและคุณหนูใช้ความคิดอย่างมากกับงานเลี้ยงครั้งนี้ หญิงสาวและนายน้อยทุกคนจากครอบครัวของขุนนางที่อยู่ระดับห้าขึ้นไปในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถเข้าร่วมได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูจือเยว่ดูเหมือนจะงุนงงเล็กน้อย “ตราบใดที่บุตรชายและบุตรสาวของขุนนางระดับห้าขึ้นไปสามารถเข้าร่วมได้ ผู้ที่มีตำแหน่งของตนเองสามารถเข้าร่วมได้หรือไม่”

ในขณะนี้ซูจือเยว่เองไม่รู้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นเล็กน้อย และแม้แต่เสียงของเขาก็สั่นไปหมด

หลายชิ่งรู้สึกงงงวยเล็กน้อย ทำไมนายน้อยถึงถามคำถามนี้ เขาตัดสินใจไม่เข้าร่วมแล้วไม่ใช่หรือ?

แต่เขายังคงพูดว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินและคุณหนูได้ส่งเทียบเชิญไปแล้วหลายร้อยฉบับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด