ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1553 กลับกันดีหรือไม่

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1553 กลับกันดีหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1553 กลับกันดีหรือไม่

…………….

บทที่ 1553 กลับกันดีหรือไม่

ครั้นเห็นถานอวี้ซูพะว้าพะวังเกี่ยวกับตนเองขนาดนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกโล่งใจอย่างมาก แม้ว่าซูหมิ่นจะมีอำนาจเหนือตนเอง แต่นางก็ยังมีสมองนึกคิด และยังไม่ลงมือกับตนเองตอนนี้

“อย่าได้กังวลใจไปเลย ซูหมิ่นแค้นข้ามาก แต่คงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งหรอก” กู้เสี่ยวหวานปลอบถานอวี้ซู “นอกจากนี้ข้ายังมีผู้เก่งศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่เคียงข้าง ซูหมิ่นเองก็รู้ดีว่าหากส่งคนมาฆ่าข้าจริง ๆ นางจะไม่มีวันชนะคนของข้าได้”

“แต่… ซูหมิ่นใจผู้ใจไม้ไส้ระกำ ผู้ใดจะรู้เล่าว่านางจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบใด” ถานอวี้ซูยังเป็นกังวล

“อย่าได้กังวลไป ข้ายังอยู่ในตำแหน่งเสี้ยนจู่อันผิงระดับห้าซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ นางคงไม่กล้ากระทำการอย่างอุกอาจ” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

การตายของสาวใช้ไม่เหมือนกับการตายของเสี้ยนจู่

ซูหมิ่นเป็นคนเฉลี่ยวฉลาด และเนื่องจากคำเตือนของฮ่องเต้ นางคงยังไม่กล้าลอบตลบหลังตนเองอย่างโจ่งแจ้งหรอก

“นางคำนึกถึงสถานะจวิ้นจู่ของตนเอง ดังนั้นนางจะไม่ทำอะไรข้าอย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าซูหมิ่นบุกมาจริง ๆ ข้าจะไปที่บ้านตระกูลถาน และขอให้เจ้าปกป้องข้าดีหรือไม่”

เมื่อเห็นอาการกระวนกระวายของถานอวี้ซู กู้เสี่ยวหวานจึงรีบปลอบโยนนาง

“ถ้าท่านพี่รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อใดต้องรีบบอกข้าทันที ทันทีที่ข้ากลับถึงจวน ข้าจะขอให้ท่านปู่ส่งองครักษ์มาที่นี่อย่างเร่งด่วน” แม้ว่าถานอวี้ซูจะพูดแบบนั้น แต่หัวใจก็ยังหวาดผวา

“ตกลง” กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจของถานอวี้ซูได้ จึงได้แต่จำใจพยักหน้าตอบตกลง

เนื่องจากวันนี้เหนื่อยกับเรื่องในตระกูลซูแล้ว ถานอวี้ซูจึงขอตัวกลับก่อน

กู้เสี่ยวหวานเองก็รู้สึกเหนื่อยล้าและอยากจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ แต่จู่ ๆ เสียงของกู้เสี่ยวอี้ก็ดังขึ้นจากนอกประตู “ท่านพี่กลับมาแล้วหรือ?”

“คุณหนูเหนื่อยเล็กน้อย และตอนนี้กำลังพักผ่อน” เสียงของอาจั่วเอ่ยอย่างแผ่วเบา

เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินสิ่งนี้ก็หมุนตัวเตรียมกลับห้องของตนเองเพราะไม่ต้องการรบกวนพี่สาว แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนเรียกตนเองดังขึ้น “เสี่ยวอี้ เข้ามาเถอะ”

จากนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออก กู้เสี่ยวอี้ก้าวเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ เด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดสีฟ้าอ่อน บนศีรษะมีเพียงปิ่นปักผมสีเขียวปักไว้อย่างหลวม ๆ แม้ว่าจะดูเรียบง่าย หากแต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์

กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้นนั่งและมองกู้เสี่ยวอี้ที่กำลังเดินมาหาตนเองด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันในบ้านตระกูลซูได้หายไปหมดแล้วเมื่อเห็นหน้าน้องสาวตัวเล็ก

ตรงหน้าคือเด็กหญิงที่นางเลี้ยงมากับมือโดยลำพังตั้งแต่อีกฝ่ายอายุเพียงสี่ขวบ วันนี้นางเติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงวัยสิบสองที่สวยสง่า

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่น้องสาวเพียงคนเดียว ยิ่งมองอีกฝ่าย นางก็ยิ่งรู้สึกถึงความอิ่มเอมในใจ

เสี่ยวอี้เปรียบดังลูกสาวของตน

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนให้กำเนิด แต่ตนก็เลี้ยงนางมากับมือ พี่สาวคนโตเป็นเหมือนแม่ ดังนั้นนางก็ถือว่าเป็นแม่ของเด็กเหล่านี้ไม่ใช่หรือ

เมื่อมองกู้เสี่ยวอี้ที่เปรียบดังดอกไม้ที่บอบบาง หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกพึงพอใจ “เสี่ยวอี้ มานี่เร็วเข้า”

ตอนที่กู้เสี่ยวหวานกลับมาถึงสวนชิง เสี่ยวอี้หลับอุตุอยู่ในห้อง ไม่รู้เรื่องว่าพี่สาวของตนกลับมาแล้ว พอตื่นขึ้นจึงรู้ว่าพี่สาวกลับมาแล้วจึงรีบอาบน้ำและมาหานางทันที

กู้เสี่ยวอี้เดินเข้าไปหากู้เสี่ยวหวาน จากนั้นมองไปที่รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่สาวและเห็นความสิ้นหวังเล็กน้อย นางรู้อยู่ในใจว่าการเดินทางไปบ้านตระกูลซูครั้งนี้ อีกฝ่ายต้องพบเจอความเลวร้ายอย่างแน่นอน

“ท่านพี่ ทำไมถึงไม่รีบพักผ่อนล่ะเจ้าคะ ข้าจะกลับมาทีหลังดีหรือไม่?” น้ำเสียงของกู้เสี่ยวอี้นุ่มนวล ทำให้ผู้คนฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข

“ตอนนี้ข้าแค่เหนื่อยเล็กน้อย แต่พอเห็นเจ้า ได้ยินเสียงเจ้า ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นก็ยื่นมือออกไปและจับปอยผมของกู้เสี่ยวอี้ทัดไปด้านหลังหู เมื่อมองไปที่เด็กคนนี้ นางอายุน้อยกว่าตัวเองเพียงสี่ปีและถูกตัวเองเลี้ยงดูจนเติบโตมาอย่างดี นางก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก และเอาแต่มองเสี่ยวอี้อยู่อย่างนั้น

“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” กู้เสี่ยวอี้ไม่เคยเห็นพี่สาวของนางเป็นแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ท่านพี่ไม่เป็นไรใช่ไหม”

กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าและจับมือของน้องสาวไว้ “ข้าสบายดี แต่พอเห็นเสี่ยวอี้โตมาอย่างดี ข้าก็มีความสุข”

“ท่านพี่” กู้เสี่ยวอี้รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เด็กหญิงเอนกายพิงไหล่ของกู้เสี่ยวหวานและพูดเสียงกระเง้ากระงอด “ท่านพี่ ท่านพ่อกับท่านแม่จากไปตั้งแต่เรายังเด็ก ท่านเป็นคนเลี้ยงดูข้ากับพี่ชายอีกสองคน ตอนนี้เราอาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด พี่หนิงอันกำลังเรียนหนังสือ พี่หนิงผิงก็เข้าร่วมกองทัพ เสี่ยวอี้ไม่เคยคิดภาพที่เราจะมีวันนี้มาก่อน”

“เสี่ยวอี้ ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้า” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

กู้เสี่ยวอี้เบิกตากว้างมองพี่สาว จากนั้นพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าเราออกจากเมืองหลวงและกลับไปอยู่เมืองหลิวเจียเหมือนเดิน เจ้าจะชอบหรือไม่” สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานฉายแววจริงจัง แต่หัวใจของนางเต้นระส่ำราวกับมีคนรัวกลอง ไม่ใช่ว่านางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ครั้งอดีตนางคิดว่ามันไม่จำเป็น แต่เมื่อนึกถึงซูหมิ่นที่มองว่าตัวเองเป็นขวากหนามที่คอยขัดขวางนางในวันนี้ วันนี้จึงต้องพูดเรื่องนี้ออกมา

“ท่านพี่ ทำไมท่านพูดแบบนั้น เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเราหรือเปล่า” กู้เสี่ยวอี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอีกฝ่ายก็รู้สึกไม่สบายใจ

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่น้องสาวและรีบปลอบประโลมอารมณ์ที่กำลังปั่นป่วนให้สงบลง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ครอบครัวของเราสบายดี”

กู้เสี่ยวอี้ยังคงไม่เชื่อและพูดอย่างดื้อรั้น “ท่านพี่ บอกข้าเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น อย่าจัดการเรื่องนี้เพียงคนเดียว แม้ว่าพี่หนิงอันและพี่หนิงผิงจะไม่อยู่ แต่ท่านสามารถแบ่งปันปัญหากับข้าได้”

ความดื้อรั้นฉายชัดบนใบหน้าของกู้เสี่ยวอี้ซึ่งเหมือนกับกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานปัดผมที่ปรกอยู่ข้างหน้าของน้องสาวไปทัดหูแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา แต่เมื่อได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองและความหลากหลายในเมืองหลวงก็คิดถึงความเงียบสงบในเมืองหลิวเจีย ข้าแค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเราออกจากเมืองหลวงและกลับไปยังที่นั่น เจ้าจะชินกับมันไหม”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด