ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1558 ความโกรธ
บทที่ 1558 ความโกรธ
…………….
บทที่ 1558 ความโกรธ
ดังนั้นหัวใจของเขาจึงไม่เคยหยุดฝันที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด
ซูจือเยว่ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่า ความคิดที่ดื้อรั้นของหมิงอ๋องจะนำปัญหามาสู่ตระกูลซูมากแค่ไหน เขามองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่ดีกับน้องสาวคนนี้ที่เติบโตมาด้วยกัน ทว่าในวันนี้นางกลับสร้างปัญหาให้กับเขา
“ท่านแม่ ไม่มีใครบอกข้า แต่เป็นข้าที่คิดไปเอง” ซูเฉี่ยนเยว่เห็นมารดามองตัวเองด้วยแววตาเคร่งขรึม นางก็กลัวว่ามารดาจะล่วงรู้ความคิดของตัวเอง จึงรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรน
แต่ซูจือเยว่ยิ้มอย่างว่างเปล่า “เจ้าคิดเองจริง ๆ หรือ?”
“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าสิ่งที่เฉี่ยนเยว่พูดไม่ดีใช่ไหม?” ซูเฉี่ยนเยว่ถามอย่างไร้เดียงสา
“ไม่ ๆ สิ่งที่เจ้าพูดนั้นดีมาก ดีมาก ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว” ซูจือเยว่กัดฟันราวกับว่าเขากำลังจะเคี้ยวสิ่งที่ซูเฉี่ยนเยว่พ่นออกมา และกลืนมันลงไปเพื่อทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเสีย
ซูจือเยว่กำลังหงุดหงิด น้องสาวของเขา น้องสาวที่เขาอุ้มมาตั้งแต่ยังแบเบาะ เด็กที่เคยมีจิตใจดี ไร้เดียงสา และน่ารัก เมื่อใดกันที่นางกลายเป็นคนอย่างนี้?
ซูจือเยว่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของซูเฉี่ยนเยว่ และในที่สุดเขาก็ทนการเสียดสีและความเศร้าในใจไม่ไหว ดังนั้นจึงลุกขึ้นยืน ก้าวไปข้างหน้าและเตะเก้าอี้ไม้จื่อถาน “เยี่ยมมาก มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ข้าซูจือเยว่ของตระกูลซูไร้ความสามารถจนต้องพึ่งพาอำนาจและความมั่งคั่งของจวิ้นจู่เพื่อทำให้ตระกูลซูเจริญรุ่งเรือง เยี่ยม ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ใบหน้าของซูจือเยว่มืดมนและเย็นชา
เขาคิดว่าน้องสาวของตนเองนั้นเพียบพร้อม หน้าตาดี และมีชาติตระกูลดี แต่นางกลับคิดว่าพี่ชายของตัวเองช่างไร้ประโยชน์ เขาจะรักษาไว้ความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลซูได้ด้วยการพึ่งพาอำนาจและบารมีจากจวิ้นจู่กับหมิงอ๋องอย่างนั้นหรือ?
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าหมายถึง…”
ซูเฉี่ยนเยว่ไม่เคยเห็นท่าทางเสียสติของซูจือเยว่ นางไม่เคยเห็นท่านพี่ของนางที่มีท่าทางโหดร้ายและเย็นชามาก่อน เหมือนกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าในวันนี้กลายเป็นคนแปลกหน้า
ไม่…ไม่ใช่คนแปลกหน้า ในสายตาของคนแปลกหน้าจะไม่มีความเศร้าโศกและความเกลียดชัง
ซูเฉี่ยนเยว่หวาดกลัวที่จะมองดวงตาคู่นั้น และหวาดยิ่งกลัวเมื่อเห็นท่าทางเสียสติของท่านพี่ในตอนนี้ ซูจือเยว่ในท่าทางเช่นนี้ทำให้นางทั้งแปลกใจและหวาดกลัว
“ท่านพี่” ซูเฉี่ยนเยว่ก้าวไปข้างหน้าและต้องการอธิบายบางสิ่งกับซูจือเยว่ แต่ในขณะนี้เมื่อฮูหยินซูเห็นลูกชายของนางมีพฤติกรรมแปลกไป หัวใจของนางก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด
“พอแล้ว” ฮูหยินซูเปิดปากตะโกนใส่ซูเฉี่ยนเยว่ และดึงซูเฉี่ยนเยว่ออกมา การกระทำของนางหยาบโลนและปราศจากความอ่อนโยน
“ท่านแม่”
“ท่านแม่ ข้าเจ็บ ข้าเจ็บ” ซูเฉี่ยนเยว่ร้องไห้คร่ำครวญ หยาดน้ำตาหลายหยดไหลออกมาจากหางตาราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน และปากของนางก็มุ่ยลงเล็กน้อยซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นทุกข์
เมื่อมองดูลูกสาวที่ถูกกุมมือเพราะอาการเจ็บปวด หัวใจของฮูหยินซูพลันสั่นสะท้านเมื่อเห็นลูกสาวเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่กำลังโกรธซูเฉี่ยนเยว่ นางจึงต้องคิดถึงความรู้สึกของลูกสาวเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าลูกสาวของนางดื้อรั้นแบบนี้ได้อย่างไร นางไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ซูจือเยว่เตะเก้าอี้ ความเจ็บปวดจากร่างกายของเขาทำให้จิตใจของเขาสงบลงชั่วคราว แต่ปมในใจของเขาไม่สามารถแก้ไขได้ไม่ว่าจะทำอย่างไร
ดังนั้นเขาจึงหันหลังกลับและวิ่งออกไปข้างนอก หัวใจของฮูหยินซูสั่นไหวหลังจากเห็นแผ่นหลังนั้น
“หน่วนชิว รีบตามนายน้อยไป” ฮูหยินซูรีบวิ่งไปที่ประตูและตะโกนไล่หลัง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของหน่วนชิว “นายน้อย ช้าลงหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ระวังล้มเอานะเจ้าคะ”
จากนั้นฮูหยินซูก็หันขวับไปมองลูกสาว
นางเคยคิดว่าลูกสาวคนนี้ไร้สมอง ถ้าในอนาคตนางแต่งงานกับครอบครัวชนชั้นสูงที่มีนิสัยใจร้าย นางอาจจะถูกคนอื่นนินทาเอาได้ แต่ตอนนี้…
คำพูดของลูกสาวทำให้นางรู้สึกสั่นสะท้าน
“เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อครู่เจ้าพูดอะไรกับพี่ชายของเจ้า” ฮูหยินซูมองลูกสาวด้วยความเย็นชาและบ่นว่า “ท่านพี่ของเจ้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี ทำไมเจ้าถึงทำร้ายท่านพี่ของเจ้าแบบนี้”
“ท่านแม่ ข้าทำร้ายเขาตรงไหนกัน เป็นเขาที่ทำร้ายเรามาตลอด” ซูเฉี่ยนเยว่กรีดร้องเมื่อได้ยินว่าท่านแม่โทษตนเอง “ตระกูลซูของเราอยู่กับต้าชิงมาเป็นร้อยปีได้อย่างไร ความรุ่งโรจน์นี้ ขอถามได้หรือไม่ว่าในต้าชิงมีตระกูลอื่นอีกกี่ตระกูลที่เป็นแบบเรา? แต่ถ้าความรุ่งโรจน์ดังกล่าวถูกทำลายในมือของเรา เราจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษของตระกูลซูได้อย่างไร เราจะคู่ควรกับรากฐานอายุนับศตวรรษที่พวกเขาวางไว้ได้อย่างไร”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ถูกทำลายในมือของเรา” ฮูหยินซูไม่เข้าใจคำพูดของซูเฉี่ยนเยว่และถามด้วยความประหลาดใจ “ตระกูลซูฉลาดและระวังตัวอยู่เสมอ ข้าขอถามได้ไหมว่า เราไม่เคยมีความแค้นกับผู้คนในราชสำนัก และท่านพ่อของเจ้ายังทุ่มเทให้กับงาน ขยันขันแข็ง และมีมโนธรรม ตระกูลซูจะถูกทำลายด้วยน้ำมือเราได้อย่างไร”
“ท่านแม่ ท่านไม่คิดว่าพฤติกรรมของท่านพี่ในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมากนักหรือ?” ซูเฉี่ยนเยว่ไม่ตอบฮูหยินซูโดยตรง แต่ทันใดนั้นก็พูดอย่างเย็นชา
“ไม่แตกต่าง” เห็นได้ชัดว่าฮูหยินซูก็รู้ดีว่าซูจือเยว่นั้นต่างออกไปจริง ๆ แต่นางยังคงมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจ “จะต่างกันอย่างไร”
“ท่านแม่ ท่านไม่คิดว่าท่านพี่ของข้ากระตือรือร้นกับท่านเสี้ยนจู่อันผิงมากเกินไปหรือ?” ซูเฉี่ยนเยว่พูดออกมาตรง ๆ
…………….
Comments