ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1560 หนามที่อยู่ข้างกาย

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1560 หนามที่อยู่ข้างกาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1560 หนามที่อยู่ข้างกาย

…………….

บทที่ 1560 หนามที่อยู่ข้างกาย

“เจ้ากำลังทำอะไร” ทันใดนั้น น้ำเสียงเกรี้ยวกราดก็ดังมาจากประตู ทำลายความสงบของทั้งสองคนในห้อง มันคือเสียงของอาจั่ว

คนสองคนในห้องมองหน้ากันด้วยความสงสัย กู้เสี่ยวหวานจึงรีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ก่อนจะเปิดประตูออกไปพลางมองไปรอบ ๆ ก็เห็นอาจั่วจับคนผู้หนึ่งไว้และตะโกนเสียงดังใส่คนผู้นั้น “ทำไมเจ้ามายืนแอบอยู่ตรงนี้”

กู้เสี่ยวหวานถามด้วยเสียงแผ่วเบา “อาจั่ว เกิดอะไรขึ้น”

อาจั่วพาสาวใช้เข้ามา และเมื่อเห็นใบหน้าของสาวใช้คนนั้น ปรากฏว่าเป็นคนรับใช้คนสนิทของถานอวี้ซู… อาชิงนั่นเอง!

เมื่อถานอวี้ซูเห็นรูปร่างหน้าตาของคนคนนั้น จึงถามด้วยเสียงต่ำว่า “เกิดอะไรขึ้น”

“จวิ้นจู่ ข้า…ข้าน้อยมาที่นี่เพื่อจะดูว่าท่านทั้งสองต้องการอะไรหรือไม่” อาชิงจับแขนถานอวี้ซูและเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก นัยน์ตาของนางหม่นลงราวกับว่ากำลังตกใจกับสถานการณ์นี้

“อาจั่ว…” เมื่อได้ยินสิ่งที่อาชิงพูด กู้เสี่ยวหวานก็หันไปหาอาจั่วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งและเอ่ยถามขึ้น

เมื่ออาจั่วเห็นสายตานั้นก็ปล่อยอาชิงทันที “คุณหนู จวิ้นจู่ ข้าเพิ่งมาจากห้องครัวเล็กและเห็นอาชิงยืนอยู่ที่นี่ บางทีเมื่อครู่ข้าอาจจะเข้าใจผิด แม่นางอาชิงคงต้องการถามแม่นางทั้งสองคนว่าต้องการอะไร ข้าคงเสียมารยาทเกินไป แม่นางอาชิง โปรดอภัย”

อาชิงลูบแขนที่มีรอยขีดข่วน นางกำลังคิดจะหาข้อแก้ตัวบางอย่างเพื่ออธิบายเรื่องนี้ แต่ระหว่างนั้นก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ขณะที่นางกำลังจะแก้ตัว ทันใดนั้นก็ได้ยินอาจั่วบอกว่านางเข้าใจผิด

อาชิงชำเลืองมองอาจั่วด้วยความประหลาดใจและลดศีรษะลงทันที ไม่มีใครเห็นได้ชัดเจนว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูชำเลืองมองกันและกัน จากนั้นถานอวี้ซูก็พูดว่า “ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไร เจ้าก็ลงไปได้แล้ว ข้าและท่านพี่ไม่ต้องการให้ใครมารอที่นี่ ถ้าต้องการอะไรข้าจะเรียกเจ้าเอง”

อาจั่วรับคำสั่งและหันหลังเดินกลับไป เมื่อครู่อาชิงตกใจมาก แต่ตอนนี้นางสามารถพลิกสถานการณ์ได้จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหลังจากแสดงความเคารพแล้ว นางก็จากไป

เมื่อเห็นอาชิงกำลังจะจากไป กู้เสี่ยวหวานก็พูดเบา ๆ ว่า “อวี้ซู นางอยู่กับเจ้ามานานแค่ไหนแล้ว”

อาจั่วเคยบอกกู้เสี่ยวหวานว่าสงสัยเกี่ยวกับอาชิง และหลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็เก็บมันไว้ในใจ และสงสัยว่าสาวใช้คนนี้กำลังแอบฟังเรื่องที่นางคุยกับถานอวี้ซูอยู่เสมอ แต่นั่นคือสาวใช้ของถานอวี้ซู นางจึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก

แต่ครั้งนี้…

กู้เสี่ยวหวานจงใจปล่อยให้อาจั่วและคนอื่น ๆ ออกไป จนไม่เหลือใครรอบ ๆ และนี่ทำให้อาชิงมีโอกาสอีกครั้ง

ถานอวี้ซูเม้มปากแล้วพูดว่า “นางเพิ่งมาอยู่กับข้าได้ไม่นาน ตอนนั้นเป็นเพราะข้ามีสาวรับใช้เพียงคนเดียวซึ่งก็คืออาอวี้ และมีคนไม่เพียงพอ ต่อมาสาวใช้คนนี้ถูกรังแก ข้าจึงให้นางมาอยู่ข้างกาย ไม่นึกว่าจะเลี้ยงไม่เชื่อง”

“มาดูกันว่าใครอยู่เบื้องหลังนาง การที่นางถูกจับได้ในครั้งนี้ นางคงจะมีแผนการอยู่ในใจแล้ว ข่าวที่นางได้รับจากเราสองคนตอนนี้คงถูกส่งออกไปโดยเร็วที่สุด” กู้เสี่ยวหวานกล่าวพลางมองไปที่ถานอวี้ซู “เรื่องของหวงหรูซื่อไม่ใช่เรื่องลับ เมื่อฟังจากน้ำเสียงของท่านปู่ ข้าคิดว่าคงจะมีข่าวดีเกิดขึ้นในเมืองหลวง ถ้าคิดว่าเรื่องของหวงหรูซื่อและฟางเจิ้งสิงเป็นเรื่องที่น่ายินดี ข้าก็อยากจะบ้าจริง ๆ”

ถานอวี้ซูแอบถ่มน้ำลาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฟางเจิ้งสิงเป็นขุนนางที่มีอำนาจ ตระกูลหวงสำหรับพวกเขาก็ไม่ต่างจากต้นขาที่สามารถกอดได้ หากตระกูลฟางจะมีงานแต่งงานใหม่ก็ต้องมีงานศพก่อนหน้านั้น

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อวี้ซู พรุ่งนี้เราไปที่บ้านตระกูลหลูกันเถอะ ไปดูว่าเพ่ยหยาเป็นอย่างไรบ้าง”

ในวันต่อมา เมื่อกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูมาถึงประตูบ้านตระกูลหลู ร่างหนึ่งกระโดดออกมาจากประตู กู้เสี่ยวหวานตกใจกับท่าทางที่ผ่อนคลายนั้น และเมื่อนางเห็นผู้หญิงในชุดสีเหลืองที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีใบหน้าคุ้นเคย แต่รูปร่างนั้นไม่เหมือนเมื่อก่อน กู้เสี่ยวหวานจึงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เพ่ยหยา”

“ท่านพี่ อวี้ซู ในที่สุดพวกท่านก็มา ข้าได้รับจดหมายเมื่อวานนี้แล้ว วันนี้หลังมื้ออาหารเช้าข้าจึงมารอพวกท่านที่นี่”

ฟางเพ่ยหยาก้าวไปข้างหน้าพลางจับมือกู้เสี่ยวหวานด้วยมือซ้าย และจับมือถานอวี้ซูด้วยมือขวาพลางตะโกนอย่างมีความสุข

แต่ถานอวี้ซูเบิกตากว้างยืนอยู่ข้างหน้าฟางเพ่ยหยาและมองนางอย่างระมัดระวัง

ยิ่งมองมากเท่าไร รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น “เพ่ยหยา เจ้า…เป็นเจ้าจริง ๆ”

“อวี้ซู ข้าลดน้ำหนักได้จริง ๆ ดูสิ!” ฟางเพ่ยหยาอ้าแขนแล้วหมุนตัวต่อหน้าทั้งสองคน รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของนางทำให้ดวงตาของผู้คนเปล่งประกาย

แม้ว่าฟางเพ่ยหยาจะไม่ได้ผอมลงมาก แต่รูปร่างที่อวบอ้วนนี้มีความงามแบบเจ้าเนื้อซึ่งมองดูแล้วน่ารักไม่หยอก

“เพ่ยหยา ตอนนี้เจ้าน่ารักเหมือนกระต่ายเจ้าเนื้อแล้ว” ถานอวี้ซูบีบแก้มของฟางเพ่ยหยา มันทั้งขาวและนุ่มนิ่ม และเพราะนางออกกำลังกาย จึงทำให้ใบหน้านี้ขึ้นสีแดงอมชมพู

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด