ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1567 เจ้าเป็นของข้า
บทที่ 1567 เจ้าเป็นของข้า
…………….
บทที่ 1567 เจ้าเป็นของข้า
แม้จะอยากดุด่าว่ากล่าวอีกฝ่ายเพียงใด แต่ความจริงแล้วในใจของนางไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนหากแต่ร้อนแรงจนร่างกายของนางอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
พระจันทร์สว่างไสว ทิวทัศน์สวยงาม และข้าตกหลุมรักนาง
“คุณหนู มื้อเย็นมาแล้วเจ้าค่ะ” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากนอกประตู สองร่างที่คลอเคลียอยู่บนพรมนุ่มดีดตัวออกจากกันอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ
โค่วตันมาพร้อมกับอาหารมื้อเย็น กู้เสี่ยวหวานจำได้ว่าคืนนี้ตัวเองได้เตรียมอาหารมื้อเย็นไว้สำหรับฉินเย่จือโดยเฉพาะ เพราะกลัวว่าเขาจะหิว
ความอ่อนโยนเมื่อครู่ทำให้นางลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น
นางเงยหน้าขึ้นมองฉินเย่จือ และเห็นเขามีท่าทางเหมือนตนเอง ใบหน้าหล่อเหลาสีแดงก่ำนั้นกำลังมองมาที่ตนเองด้วยสายตาอ่อนโยน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกร้อนวาบไปทั่วร่างกาย และรู้สึกเหมือนมีความปรารถนาบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
“โค่วตันมาแล้ว” กู้เสี่ยวหวานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามระงับความรู้สึกภายในใจ แต่เสียงน้ำยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยน มันฟังดูคันยุบยิบราวกับว่าอุ้งเท้าของลูกแมวกำลังข่วนหัวใจของฉินเย่จือ
อารมณ์ของกู้เสี่ยวหวานปั่นป่วนเพราะสายตาของฉินเย่จือ และรู้เพียงว่าถ้านางนั่งลง นางอาจไม่คิดจะเปิดประตูนี้ด้วยซ้ำ
“ข้าจะไปเปิดประตู” กู้เสี่ยวหวานจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและยืนขึ้น ความอ่อนโยนบน ใบหน้าที่แดงก่ำทำให้หัวใจของคนข้างตัวนางเต้นรัว
เท้าเล็กเหยียบลงบนพรมนุ่ม กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้นและเหยียดเท้าออกเตรียมที่จะก้าวไปข้างหน้า
ทว่าทันใดนั้นก็เกิดลมกระโชกแรงพัดผ่านที่ด้านข้าง และก็เห็นว่าฉินเย่จือซึ่งควรจะนั่งอยู่บนพรมได้ยืนอยู่ตรงหน้านางแล้วและขวางร่างกายของนางไว้จนมิด
จมูกของนางสัมผัสกับหน้าอกกว้างจนได้กลิ่นหอมจาง ๆ กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉินเย่จือที่ก้มศีรษะลงแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของนางเบา ๆ ลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ ทำให้กู้เสี่ยวหวานเกิดความหลงใหลอีกครั้ง
จนกระทั่งลืมสิ่งที่ต้องทำอีกครั้ง และรู้สึกเพียงว่ากลิ่นที่คุ้นเคยทำให้นางหลงใหล
นางยกมือขึ้นเผยให้เห็นแขนขาวนวล กำไลหยกขาวจึงเลื่อนลงมาที่ข้อมือของนาง นางกดหน้าผากของตัวเองเบา ๆ กับหน้าผากของเขา จมูกแตะจมูก และพวกเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของกันและกันอย่างชัดเจน
“หวานเอ๋อร์…” น้ำเสียงของฉินเย่จือฟังดูเลื่อนลอยราวกับคนเมา เขาลืมตาขึ้นและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานตรงหน้า สภาพของนางไม่ได้ดีกว่าเขานัก
ใบหน้านั้นขึ้นสีแดงระเรื่อ มองดูแล้วมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล
“พี่เย่จือ” เสียงของกู้เสี่ยวหวานแหบพร่าราวกับคนอยู่ในอาการเมามาย เสียงของนางนุ่มนวลเหมือนกับสุราชั้นดีที่บ่มไว้เป็นเวลานาน เพื่อรอให้คนตรงหน้านางเปิดและชิม
“อื้อ!”
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานต้องการพูดถูกกลืนหายไปกับริมฝีปากอุ่น ฉินเย่จือประคองใบหน้ากู้เสี่ยวหวานอย่างอ่อนโยน จูบริมฝีปากบางอย่างตะกละตะกลาม
ไม่มีคำใดที่สามารถอธิบายได้ว่ารสชาตินั้นวิเศษเพียงใด
ฉินเย่จือลิ้มเลียริมฝีปากหวานและงับเบา ๆ เป็นครั้งคราว
“หวานเอ๋อร์ เจ้าเป็นของข้า และจะเป็นของข้าตลอดไป” หลังจากที่ฉินเย่จือพูดจบ เขาก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมกอดแน่น แรงกระตุ้นในร่างกายของเขาไม่ได้แตกต่างจากนางสักเท่าไรนัก
ความงดงามและกลิ่นหอมกรุ่นนี้ทำให้เขาลุ่มหลงจนสูญเสียสติไป ในใจเขาคิดอยู่อย่างเดียวคือ ตัวเองเป็นเจ้าของนาง นางเป็นของเขา
เมื่อนึกถึงความคิดที่ค่อนข้างขาดความรับผิดชอบ ฉินเย่จือก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เมื่อได้ยินรายงานของอาโม่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉินเย่จือก็แทบจะเสียสติ เขารู้สึกทั้งมีความสุขและเศร้าเล็กน้อย
แมวน้อยของตัวเองไม่เหมือนใครในโลก ด้วยความงามและพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบนางได้ ไม่ว่าเมื่อไรและที่ไหน ลูกแมวมักจะทำให้ผู้คนประหลาดใจเสมอ
ฉินเย่จือพยายามสงบสติอารมณ์ และยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบผมของนางด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ภายในวังหลวงเต็มไปด้วยข่าวลือเกี่ยวกับเสี้ยนจู่อันผิง และแม้แต่ไทเฮาก็ต้องการพบนาง แม้ว่านางจะไม่ได้อธิบายอะไร แต่ฉินเย่จือก็รู้ว่าลูกแมวตัวนี้ต้องเข้าวังในเร็ววัน ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันเกิดของไทเฮาด้วยซ้ำ
พระราชวังนั้นดูโอ่อ่าและสูงส่ง แต่ก็ไม่สามารถปกปิดพฤติกรรมสกปรกที่อยู่ข้างใต้ได้
เขาไม่ต้องการให้ลูกแมวของเขาเข้าไปพัวพันเรื่องในราชสำนักเช่นเดียวกับเขา ตราบเท่าที่เขาพบฆาตกรที่ฆ่าท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาและจัดการกับผู้ทรยศที่ต้องการโค่นล้มอาณาต้าชิงได้สำเร็จ เขาก็จะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง แล้วตามลูกแมวกลับไปยังสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์และใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย
“หวานเอ๋อร์ ช่วงนี้อย่าติดต่อกับสมาชิกของตระกูลซู และอย่าติดต่อกับหมิงตูจวิ้นจู่อีก” ฉินเย่จือก้มศีรษะลงและกระซิบด้วยความเสน่หาที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา เสียงแหบของเขาฟังดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
กู้เสี่ยวหวานเดาว่าฉินเย่จือต้องรู้ทุกอย่าง ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและซบศีรษะไว้ที่อกของเขา “พี่เย่จืออย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ไปไหนในช่วงเวลานี้จนกว่าจะถึงวันฉลองวันเกิดของไทเฮา”
…………….
Comments