ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1573 งดงามเหนือกาลเวลา
บทที่ 1573 งดงามเหนือกาลเวลา
…………….
บทที่ 1573 งดงามเหนือกาลเวลา
ถานอวี้ซูรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง นางคิดว่าหนิงผิงนั้นเขียนจดหมายมาเพียงฉบับเดียวเท่านั้น แต่ไม่คาดคิดว่าจะยังมีจดหมายอีกฉบับหนึ่งที่เขียนถึงตนเอง
เมื่อเห็นจดหมายที่จ่าหน้าถึงตนเองในมือ นางก็รับรู้ได้ทันทีว่ากู้เสี่ยวหวานไม่ได้กำลังโกหกตน
กู้หนิงผิงเขียนจดหมายถึงตัวเองจริง ๆ
ถานอวี้ซูสูดหายใจเข้าลึก ๆ กอดจดหมายอย่างตื่นเต้นราวกับกอดสมบัติล้ำค่า เด็กสาวยิ้มทั้งน้ำตาและเริ่มปลอบกู้เสี่ยวหวาน “ท่านพี่ ข้าจะแสดงจดหมายนี้ให้ท่านดูด้วย”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินดังนั้นก็โบกมืออย่างรวดเร็ว “นี่คือจดหมายรักที่หนิงผิงเขียนถึงเจ้า หากนำมาให้ข้าดู มันคงไม่ดีเท่าใดนัก”
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าในจดหมายฉบับมีเนื้อความว่าอย่างไร น้องชายของตนก็เขียนมันถึงถานอวี้ซูเพียงคนเดียวและยังปิดผนึกอย่างแน่นหนา นั่นก็หมายความว่าเขาต้องการให้ถานอวี้ซูอ่านจดหมายฉบับนี้แต่เพียงผู้เดียว กู้เสี่ยวหวานไม่มีความอยากรู้อยากเห็นจดหมายรักของผู้อื่น
จดหมายรัก…
เมื่อถานอวี้ซูได้ยินสองคำนี้ ใบหน้านวลพลันขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย รีบซ่อนจดหมายไว้ใต้แขนเสื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นคลี่ยิ้มเขินอายและวางแผนจะอ่านมันในภายหลังตอนอยู่คนเดียว
เมื่อเห็นว่านางเก็บจดหมายไว้อย่างดี กู้เสี่ยวหวานก็เดาได้ว่านางวางแผนที่จะอ่านมันตอนอยู่คนเดียว แต่คนรักคนนี้ส่งจดหมายมาให้ นางอดทนไม่เปิดมันทันทีได้อย่างไรกัน?
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเบา ๆ และไม่ต้องการให้นางรออีกต่อไป จึงดึงกู้เสี่ยวอี้และพูดว่า “ชุดที่เจ้าทำให้ข้าครั้งล่าสุดเสร็จหรือยัง”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า “เกือบจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
“ไปไปไป ไปดูกันเถอะ” กู้เสี่ยวหวานจูงมือกู้เสี่ยวอี้แล้วพาน้องสาวเดินออกไปจากตรงนั้น เมื่อเห็นสิ่งนี้ ถานอวี้ซูก็ตามสองพี่น้องไปด้วย หากแต่กู้เสี่ยวหวานหันกลับมายิ้มและขวางอีกฝ่ายเอาไว้ “หนิงผิงเขียนจดหมายมา เจ้าอยู่ที่นี่แล้วอ่านมันเถอะ”
ตอนนั้นเองที่ถานอวี้ซูตระหนักว่ากู้เสี่ยหวานตั้งใจออกไป โดยปล่อยให้ตัวเองอ่านจดหมายตามลำพัง ดังนั้นจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
หลังจากที่พวกนางออกไปแล้ว ถานอวี้ซูก็เปิดซองจดหมายอย่างระมัดระวัง จากนั้นหยิบจดหมายข้างในออกมา ตัวอักษรที่นางคุ้นเคยก็ปรากฏบนหน้ากระดาษอย่างชัดเจนราวกับเห็นบุคคลนั้นอยู่ตรงหน้าของนาง
หัวใจของถานอวี้ซูเต้นรัว ใบหน้าแดงก่ำและเริ่มอ่านทันที
สองสามย่อหน้าแรกของจดหมายยังกล่าวถึงสถานการณ์ของเขาในกองทัพโดยไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าพี่สาวของตนเองจะนำจดหมายที่เขียนถึงนางให้ตัวเองดู ดังนั้นเขาจึงกล่าวเพียงสั้น ๆ
ในจดหมาย กู้หนิงผิงแสดงความรักและความปรารถนาของเขาที่มีต่อถานอวี้ซู
ไม่ได้เจอกันมาสองสามเดือนแล้ว และความปรารถนาก็เหมือนกระแสน้ำที่กระทบหัวใจของถานอวี้ซูอย่างต่อเนื่อง นางจ้องมองทุกคำทุกประโยคและรู้สึกว่ากู้หนิงผิงโหยหานางจริง ๆ
เขาคิดถึงนาง เหมือนที่นางคิดถึงเขา
เขาคิดถึงนาง ทำไมนางจะไม่คิดถึงเขา
มันยากที่จะมีความรักทางไกล คนหนึ่งเป็นห่วง อีกคนคิดหนักเพียงเพื่อหาเหตุผลที่จะอยู่ด้วยกัน
ถานอวี้ซูรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออ่านจดหมายแล้วก็รู้สึกสบายใจที่กู้หนิงผิงเขียนจดหมายมาหานาง แต่ในความเป็นจริง ชีวิตในกองทัพนั้นไม่ง่ายเลย
ฝึกฝนทั้งกลางวันและกลางคืน ลาดตระเวนและยืนยามทั้งกลางวันและกลางคืน สอดแนมสถานการณ์ของศัตรูทั้งกลางวันและกลางคืน และป้องกันการซุ่มโจมตีของศัตรู แม้กระทั่งยอมเสี่ยงชีวิตได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าถานอวี้ซูจะไม่เคยมีประสบการณ์ทั้งหมดนี้ แต่นางก็ได้เห็นและรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
ดังนั้นจึงยกมือปิดหน้าและร้องไห้ออกมา
ทุกข์ใจ ตื้นตันใจ คิดถึง สารพัดความรู้สึกรุมเร้า ทำให้นางเศร้าเสียใจ สุดท้ายจึงล้มตัวลงนอนบนโต๊ะทั้งน้ำตา
อาอวี้ยืนอยู่ข้างนอกและได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากข้างใน นางจึงต้องการเข้าไปหาคุณหนู แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางก็ลดมือที่ยกขึ้นเตรียมจะเคาะประตูลง
คุณหนูคิดถึงนายน้อยกู้มากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และเมื่อเห็นจดหมายของนายน้อยกู้ในวันนี้ เกรงว่ายิ่งจะทำให้ความคิดถึงนั้นทวีคูณมากยิ่งขึ้น ดังนั้นปล่อยให้คุณหนูร้องไห้ต่อไป
กู้เสี่ยวหวานตามกู้เสี่ยวอี้ไปที่ห้องของน้องสาว และเมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นผ้า ตะกร้า งานเย็บปักถักร้อยและอื่น ๆ ที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย
กู้เสี่ยวหวานจึงนำไข่มุกราตรีหลายเม็ดมาวางไว้ที่นี่ เพียงเพราะกลัวว่านางทำงานในตอนกลางคืน ความมืดจะทำร้ายดวงตาของนางได้ อย่างไรก็ตาม นางมักจะบอกกู้เสี่ยวอี้ว่าอย่าทำงานในตอนกลางคืน
“ท่านพี่มานี่สิ เสื้อผ้าอยู่ข้างใน”
บริเวณด้านนอกเป็นที่ที่กู้เสี่ยวอี้ใช้ปักผ้า และเพื่อไม่ให้สับสนจึงวางเสื้อผ้าที่ทำให้กู้เสี่ยวหวานไว้ในห้องด้านหลัง
“ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ” กู้เสี่ยวอี้ดึงผ้าชุดนั้นออกมา ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นเสื้อผ้าสีเทาผืนนั้นเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ผ้าสีเทาที่ดูน่าเบื่อผืนนั้น ตอนนี้มันถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือที่ของกู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกได้ทันทีว่ามันมีความน่าแปลกใจและคาดไม่ถึง
ลวดลายดอกฝูหร่งสีแดงถูกปักลงบนผ้าสีเทา ดอกฝูหร่งสีแดงสดขนาดใหญ่ตัดกับสีของผ้า เช่นเดียวกับดอกฝูหร่งซึ่งบอบบางและสวยงามที่ผลิบานในทะเลทรายอันแห้งแล้ง มองแล้วดูน่าทึ่งยิ่งนัก
ผ้าสีเทาผืนนี้มีความมันแวววาว เมื่อถูกแสงแดดตกกระทบลงบนนั้น มันจึงส่องแสงเปล่งประกายระยิบระยับ
กู้เสี่ยวหวานเคยเห็นวัสดุที่ดีและเสื้อผ้าที่ดีมามากมาย เช่นครั้งที่แล้วผ้าหลิวเซียงที่มีกลิ่นหอมซึ่งผู้คนในเมืองหลวงต่างก็อิจฉา หลังจากเห็นชุดนี้แล้ว นางก็ถอนหายใจ “งดงามมากจริง ๆ”
กู้เสี่ยวอี้ชอบเรียนรู้ หลายปีมานี้นอกจากการเรียนเย็บปักถักร้อยจากพี่สะใภ้ฝูแล้ว นางก็เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ด้วยตนเอง
กู้เสี่ยวหวานซื้อหนังสือให้นางหลายเล่ม เด็กคนนี้จึงกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และเรียนเย็บปักถักร้อยด้วยตัวเอง
แม้ว่าทักษะการเย็บปักถักร้อยของนางจะไม่ดีเท่าท่านอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญผู้โด่งดัง แต่อาศัยการศึกษาด้วยตัวเองแล้ว การจะมีฝีมือขนาดนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย
“ท่านพี่ มันดูดีใช่หรือไม่?” กู้เสี่ยวอี้พูดอย่างภาคภูมิใจ
“วันนั้นข้าดูวัสดุนี้และคิดว่าเมื่อจับคู่กับดอกฝูหร่งสีแดงสดคงจะเข้ากับนิสัยของท่านพี่ที่สงบนิ่ง”
“อุ๊บ…” กู้เสี่ยวหวานมองกู้เสี่ยวอี้ที่พูดคำนั้นอย่างจริงจังและหัวเราะลั่น “ตอนนี้เจ้าชมคนอื่นเก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเรียนรู้มาจากใคร”
Comments