ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1575 เสี่ยวหวานใจลอย
บทที่ 1575 เสี่ยวหวานใจลอย
…………….
บทที่ 1575 เสี่ยวหวานใจลอย
ราวกับว่าคนที่ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการเล่นกับแหวนหยกและปิ่นปักผมในตอนนี้ไม่ใช้กู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นท่าทางปกติของอีกฝ่าย อาจั่วจึงคิดว่าคุณหนูหายดีแล้ว แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน…
กู้เสี่ยวหวานกลับมารู้สึกหดหู่ใจอีกครั้ง และเมื่อใดก็ตามที่นางรู้สึกหดหู่ใจก็มักจะหยิบจดหมายที่ถูกเขียนด้วยกู้หนิงอันและกู้หนิงผิงมาอ่าน จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะราวกับตนเองนั้นอยู่ในอารมณ์ปกติ แต่เมื่ออ่านจบก็จะหยิบแหวนหยกและปิ่นปักผมไม้ออกมามองด้วยท่าทางเหม่อลอย
อาจั่วมองไปที่คุณหนูและติดตามนางทุกย่างก้าว การแสดงออกและการเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวานตกอยู่ในสายตาของนางตลอดเวลา
แม้ว่าตนเองจะอยู่กับกู้เสี่ยวหวานมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคุณหนูตกอยู่ในภวังค์ อาจั่วรู้สึกหมดหนทาง นางควรจะปลอบโยนคุณหนูอย่างไร?
ตอนที่อ่านจดหมายครั้งแรก นางเองก็ส่งเสียงหัวเราะร่าเริง ทำไมตอนส่งจวิ้นจู่กลับไปจึงดูเหมือนเป็นคนละคน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อาจั่วเริ่มอยู่ไม่สุข นางเกาศีรษะอย่างงงงวย และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับนางหากจะฆ่าใครสักคน แต่การเดาใจของคุณหนูนั้น… ราวกับพระจันทร์ส่องแสงเปล่งประกายในน้ำ ล้วนแต่เป็นภาพลวงตาที่จับต้องไม่ได้
หลังจากคุณหนูเข้าห้องไปพักผ่อน ในที่สุดคุณหนูก็บอกว่าไม่ต้องอยู่คอยปรนนิบัตินางแล้ว ดังนั้นอาจั่วจึงจากไปด้วยความโล่งใจ แต่แทนที่จะกลับไปที่ห้องของตัวเอง นางกลับไปปรึกษากับอาโม่ว่าควรทำอย่างไรดี
“เจ้ามาพูดกับข้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร ข้าไม่ใช่ผู้หญิง ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูเป็นอะไร” หลังจากได้ยินเรื่องนี้ อาโม่ก็รู้สึกปวดหัว เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู ทำไมถึงมองดูของที่นายท่านทิ้งไว้ให้เสมอ?
คิดถึงนายท่านงั้นหรือ?
นั่นคงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาเพิ่งจะแยกจากกันเมื่อเช้า
เมื่อก่อนตอนที่นายท่านและคุณหนูไม่ได้เจอกันหลายเดือน นางไม่เคยมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน
“อย่างนั้นช่วยข้าวิเคราะห์แล้วกัน คุณหนูเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”
“ข้าจะช่วยวิเคราะห์ได้อย่างไร เจ้าขอให้ข้าไปฆ่าคนเสียยังดีกว่ามานั่งเดาความคิดของผู้หญิง ข้าเป็นคนหยาบกระด้าง ข้าจะเดาออกได้อย่างไร” อาโม่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เขาจะเดาความคิดของผู้หญิงได้อย่างไร โดยเฉพาะความคิดของคุณหนู?
คุณหนูมีอิสระมากเหมือนกันกับนายท่าน เขาอยู่กับนายท่านมาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่เคยเดาใจนายท่านได้เลย แล้วเขาจะเดาใจนายหญิงได้อย่างไร
อาจั่วรู้ว่าสิ่งที่นางพูดกับอาโม่นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่นางก็กังวลเกี่ยวกับอารมณ์ของคุณหนู หากคุณหนูไม่มีความสุข นายท่านของเขาเองก็คงจะไม่มีความสุขเช่นกัน
“แล้วเราควรทำอย่างไรดี คุณหนูดูใจลอยตลอดเวลาราวกับว่าไม่มีความสุขเอามาก ๆ” อาจั่วถอนหายใจและพูดอย่างหมดหนทาง
“มีอะไรผิดปกติกับร่างกายหรือเปล่า” อาโม่ถาม
อาจั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้ ก่อนที่ท่านจวิ้นจู่จะกลับไป คุณหนูยังดูมีความสุขดีอยู่เลย นางอยู่ในห้องและพูดคุยกับท่านจวิ้นจู่ตามลำพังเป็นเวลานาน หลังจากนั้นก็มีท่าทางเหมือนตอนนี้”
“คุณหนูพูดอะไรกับท่านจวิ้นจู่”
“ข้าไม่รู้ พวกนางกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน ข้าไม่ได้เฝ้าอยู่หน้าห้องจึงไม่ได้ยินว่าพวกนางคุยอะไรกัน แต่น้ำเสียงที่เขินอายของจวิ้นจู่และเสียงหัวเราะเริงร่าของคุณหนูสามารถได้ยินจากในห้องเป็นครั้งคราว”
เฮ้อ พวกเขาจะเดาใจคุณหนูได้อย่างไร
เมื่อครู่ยังหัวเราะอยู่เลย แต่ทันทีที่ท่านจวิ้นจู่จากไป แดดก็เปลี่ยนเป็นฝน ตามมาด้วยลมพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำ
อาโม่ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยกมือขึ้น “หากไม่ได้ผลจริง ๆ พรุ่งนี้เจ้าจะต้องถามคุณหนูให้ได้คำตอบ”
อาจั่วหยุดชั่วขณะด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก และทำได้เพียงพูดว่า “อาโม่ดูแลคุณหนูให้ดี ข้าจะไปหานายท่านและอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟัง เพื่อที่ข้าจะได้รู้ว่าเรื่องที่คุณหนูไม่มีความสุขในวันนี้ นายมีความคิดอย่างไร”
“นั่นเป็นวิธีเดียว” อาโม่พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อไปถึงสถานที่ที่ฉินเย่จืออยู่ องครักษ์หลายคนถือหอกอันแหลมคมคอยคุ้มกันทุกส่วนของพระราชวัง
ฉินเย่จือมีท่าทางสงบนิ่ง นอกจากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทั่วทั้งพระราชวังก็เงียบสงัด
นางเป็นองครักษ์ส่วนตัวของฉินเย่จือและยังเป็นสายสืบลับ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับพระราชวังเป็นอย่างดี และในไม่ช้าก็มาถึงหน้าห้องของฉินเย่จือ
อาจั่วรออยู่ที่ประตู และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย
แต่เหมือนคุยกับอากาศ
“นายท่านอยู่หรือไม่” น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง
อาจั่วพยักหน้า “อยู่”
จากนั้นก็หันกลับมาเคาะประตูอีกครั้ง และพูดเบา ๆ ข้างนอก หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มีคนเอ่ยว่า “นายท่านสั่งให้เจ้าเข้ามาได้”
ทันทีที่สิ้นคำพูด สายลมกระโชกแรงก็พัดผ่านมา หากแต่ไม่เห็นเงาใด ๆ
อาจั่วยืนห่างออกไปเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง
อาจั่วเคยเป็นองครักษ์ลับส่วนตัวของนายท่านและไม่เคยมีผู้ใดรู้มาก่อน อาเว่ยและอาโม่ก็เช่นกัน ดังนั้นคนนอกจึงไม่รู้ว่าคนเหล่านี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายท่าน และไม่เคยเห็นคนเหล่านี้
ตอนนี้นายท่านส่งสามคนนี้ไปปกป้องคุณหนู ในเวลานี้เมื่ออาจั่วมาที่นี่ นางต้องรายงานเรื่องของคุณหนูทันที
ทั้งห้องเงียบสงัด
ไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ส่องสว่างทั่วทั้งห้อง
เมื่ออาจั่วเข้ามา นางไม่ได้เอ่ยอะไรและเอาแต่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ด้านข้าง
ห้องมีขนาดใหญ่มาก มีชั้นหนังสือทำจากไม้หวงฮวาหลีทั้งสามด้าน ชั้นมีทั้งหมดแปดชั้น นอกจากของเก่าล้ำค่าหนึ่งหรือสองชิ้นที่ตกแต่งบนตู้เป็นบางที่ ตู้ทุกหลังอัดแน่นไปด้วยหนังสือ และห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของหนังสือและน้ำหมึก
กลางห้องมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ บนโต๊ะมีที่วางพู่กันหินซุ่ยซานและมีพู่กันขนหมาป่าหลายเล่มที่มีความหนาต่างกันวางอย่างเรียบร้อยอยู่บนนั้น ถัดไปเป็นหินฝนหมึกคุณภาพเยี่ยม
เรือนผมสีดำของฉินเย่จือถูกมัดด้วยปิ่นปักผมลายมังกรคู่ มีผมบางส่วนตกลงมาจากทั้งสองด้าน สยายบดบังผิวที่เหมือนหยกของเขา เขากำลังตรวจสอบเอกสารตรงหน้าอย่างระมัดระวัง และเขียนด้วยพู่กันในมือเป็นครั้งคราว
…………….
Comments