ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1577 รักและคิดถึงไม่เสื่อมคลาย
บทที่ 1577 รักและคิดถึงไม่เสื่อมคลาย
…………….
บทที่ 1577 รักและคิดถึงไม่เสื่อมคลาย
อาโม่มีจิตใจที่กระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความระแวดระวังสำหรับผู้มาเยือนที่มาอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นเขากำลังจะจับมัน อาจั่วก็รีบเตือนเขาด้วยเสียงต่ำ “เดี๋ยวก่อน! นั่นคือนกพิราบสื่อสารของราชสำนัก”
นกพิราบสื่อสารของราชสำนักจะมีลักษณะที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่อาจั่วก็สังเกตเห็นโดยธรรมชาติ
เมื่อเห็นว่ามันเป็นนกพิราบสื่อสารจากราชสำนัก อาจั่วและอาโม่ก็จ้องมองนกพิราบสื่อสารอย่างระมัดระวัง และเห็นนกพิราบบินผ่านสวนชิงและบินตรงไปที่สวนหลังบ้าน
อาจั่วตามเข้าไปในสวนหลังบ้านและเห็นนกพิราบบินออกไปนอกลานของกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นมันก็หยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่าง กระพือปีกของมันอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดเสียงดัง
อาจั่วต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับนกพิราบตัวนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากในห้อง
จนถึงตอนนี้กู้เสี่ยวหวานก็ยังไม่หลับ นางจึงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอกอย่างชัดเจน
กู้เสี่ยวหวานลุกขึ้น ถือไข่มุกราตรีไว้ในมือแล้วเดินไปที่ขอบหน้าต่าง นางเห็นนกพิราบสีดำสนิทตัวหนึ่งยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง มันมีขนปุยสีขาวเป็นวงกลมรอบคอ กรงเล็บของมันเกาะขอบหน้าต่างไว้แน่น เมื่อเห็นว่ามีคนมาเปิดประตู นกพิราบสื่อสารก็มีท่าทางเชื่อฟังและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
กู้เสี่ยวหวานมองดูนกพิราบตัวนั้นด้วยความสงสัย สงสัยว่านกพิราบจะบินมาที่บ้านของนางกลางดึกได้อย่างไร ดูเหมือนว่านกพิราบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
กู้เสี่ยวหวานยื่นมือออกไปจับมันอย่างระมัดระวัง นกพิราบตัวนี้เชื่อฟังเป็นพิเศษ ยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน และเมื่อมันอยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวาน มันก็ไม่เอะอะหรือกระพือปีก มันยืนอย่างนิ่งสงบ ดวงตาของมันเหมือนกับกำลังจ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นเห็นสิ่งเล็ก ๆ ผูกอยู่ที่ขาของมัน กู้เสี่ยวหวานเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
นี่คือนกพิราบสื่อสาร!
กู้เสี่ยวหวานถอดม้วนกระดาษออกจากขาของนกพิราบสื่อสารอย่างระมัดระวัง และมองดูม้วนกระดาษในมือของนางภายใต้แสงจากไข่มุกราตรี
“เห็นตัวอักษรก็ราวกับเห็นหน้า”
ตัวอักษรที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำหมึกที่คุ้นเคย ทุกคำในจดหมายเปรียบเสมือนตัวเขาเอง
ความหดหู่หลังจากเห็นจดหมายรักของอวี้ซูในบ่ายวันนี้ได้หายไปทั้งหมดเมื่อเห็นม้วนกระดาษนี้
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานนั้นสวยงามเป็นพิเศษ เมื่อนางยิ้ม ดวงตาสีดำของนางจะเหมือนพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงบนท้องฟ้า มีเสน่ห์และน่าหลงใหล
อาจั่วไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า เพียงซ่อนตัวอยู่ที่ทางเดิน เมื่อเห็นว่าคุณหนูปลอดภัยและมีความสุข นางก็รู้อยู่ในใจว่านกพิราบส่งมาจากนายท่าน
ยิ่งกว่านั้น บนม้วนกระดาษที่ผูกขานกพิราบสื่อสารนั้นต้องเป็นจดหมายรักแน่ ๆ
เมื่อเห็นว่าคุณหนูมีความสุข ความกังวลของอาจั่วก็หายไปในทันที จากนั้นก็คลี่ยิ้มกว้างและหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว
อาโม่กำลังรอคำตอบของนาง อาจั่วจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือนกพิราบที่นายท่านส่งมาหาคุณหนู”
อาจั่วหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “นกพิราบสื่อสาร”
“คุณหนูมีความสุขหรือไม่” อาโม่ถามอย่างเป็นห่วง
“มีความสุข มีความสุขมาก นางยิ้มราวกับดอกไม้บาน” อาจั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม และในขณะเดียวกัน อาโม่ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานกำลังมีความสุขอย่างมาก
นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะ กางกระดาษเปล่าออกหนึ่งแผ่น แต่ยังคงถือจดหมายนั้นไว้ในมือและยิ้มอย่างมีความสุข
“การไม่ได้พบกันในหนึ่งวันก็เหมือนฤดูใบไม้ร่วงสามครั้ง ความรักนั้นสูงเท่าแผ่นฟ้า กว้างเท่าผืนดิน ลึกเท่ามหาสมุทร ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
ไม่มีอะไรจะเขียนบนม้วนกระดาษเล็ก แต่เพียงแค่คำไม่กี่คำก็ทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว
เขาบอกว่าเขาคิดถึงนางมาก
กู้เสี่ยวหวานลูบไล้ตัวอักษรที่คุ้นเคยบนกระดาษจดหมาย และหัวใจของนางก็เต้นแรงราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
เขาบอกว่าเขาคิดถึงนาง และตั้งแต่เมื่อวานที่เขาไม่เห็นนาง ความคิดถึงก็ก่อตัวขึ้นในจิตใจ และความคิดถึงของเขาสูงเท่าแผ่นฟ้า กว้างเท่าผืนดิน ลึกเท่ามหาสมุทร เท่ากับใจของเขาที่มีต่อนาง
เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่
คิดถึงหรือเปล่า
คิดถึงแน่นอน
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานอ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การแสงสว่างของไข่มุกราตรี มันดูงดงามราวกับภาพวาด
กู้เสี่ยวหวานหยิบพู่กันขึ้นมา จากนั้นจุ่มมันลงในน้ำหมึกและเริ่มเขียนจดหมายอย่างไม่ต้องคิด
เอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าของฉินเย่จือก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ เขาตรวจดูเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จแล้ว พลางลูบข้อมือที่เกิดอาการเมื่อยเบา ๆ แล้วก็ยกมือขึ้นนวดขมับ จากนั้นลุกขึ้นมาที่หน้าต่าง มองดูกรงนกที่แขวนอยู่ขอบหน้าต่าง
ภายในกรงมีนกพิราบสื่อสารสีขาวราวกับหิมะ หัวของมันซุกอยู่ในปีกอันอ่อนนุ่มของมันและผล็อยหลับไป
“ตอนนี้กี่ยามแล้ว” ฉินเย่จือถามทันทีเมื่อเขานึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
“นายท่าน ตอนนี้ใกล้จะยามจื่อแล้ว*[1] แล้ว” อาโม่เดินเข้ามาในห้องด้วยเสียงแผ่วเบา
ใกล้จะยามจื่อแล้ว มันดึกมากแล้ว
ลูกแมวคงจะนอนหลับไปแล้ว
เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย หลังจากส่งจดหมายรักที่เขาเขียนเป็นครั้งแรก เขาต้องรอจนถึงคืนพรุ่งนี้เพื่อรับการตอบกลับ
ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยและเดินไปรอบ ๆ ห้อง แต่ทันใดนั้น เสียงนกก็ดังขึ้นในค่ำคืนที่เงียบสงบ
นกพิราบขาวหลับสนิทไปแล้วไม่ใช่หรือ?
ฉินเย่จือมองดูและเห็นว่านกพิราบสีขาวยังคงซุกหัวอยู่ใต้ปีกของมัน นอนหลับสนิทและไม่เหมือนจะตื่นขึ้นเลย
เสียงนั่นมาจากไหน?
ในตอนกลางคืน นกพิราบสีดำบินมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง
ฉินเย่จือมีความสุขมาก
มีม้วนกระดาษผูกไว้ที่ขาด้วย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินเย่จือก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย หากแต่เขาก็ยังรอคอย
นกพิราบหานางไม่พบหรือ
หรือนี่คือจดหมายที่แมวน้อยเขียนตอบกลับมา?
ทหารกล้าผู้ที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับนกพิราบสื่อสารสื่อรักกลับนิ้วมือสั่นเทา
ด้วยความตื่นเต้นและกังวล เขาคว้านกพิราบสีดำและนำม้วนกระดาษออกจากขาของมัน
หากแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดมันออก เขาหลับตาและถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตาม ภายใต้แสงของไข่มุกราตรี ลายมือที่สง่างามดูไม่เหมือนใครก็ปรากฏขึ้น
หวังว่าหัวใจของเราจะตรงกัน รักและคิดถึงไม่เสื่อมคลาย
ทันใดนั้น ฉินเย่จือก็ตื่นเต้นเหมือนเด็กและหัวเราะออกมาเสียงดัง
*[1] เวลา 23.00-1.00 น.
…………….
Comments