ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1579 เกิดเรื่องที่ร้านจิ่นฝู

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1579 เกิดเรื่องที่ร้านจิ่นฝู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1579 เกิดเรื่องที่ร้านจิ่นฝู

…………….

บทที่ 1579 เกิดเรื่องที่ร้านจิ่นฝู

ยามนี้ล่วงเลยเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง และอากาศก็เริ่มเย็นลง กู้เสี่ยวหวานเตือนท่านอาว่าอย่าลืมให้เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไว้สำหรับทุกคน

“ปีนี้ข้าเกรงว่าเราคงต้องฉลองวันขึ้นปีใหม่ที่เมืองหลวง ท่านอา เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแล้ว เรารีบเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อมเถอะ”

วันพระราชสมภพของไทเฮาคือวันที่ 18 เดือน 12 และจะมีเวลาอีกราว ๆ ครึ่งเดือนก่อนจะถึงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ ตามกำหนดการเดินทางครั้งนี้แล้ว ครอบครัวนางไม่มีทางกลับเมืองหลิวเจียทันช่วงปีใหม่ และการเฉลิมฉลองปีใหม่ในเมืองหลวงนั้นเป็นหนทางเดียว หลังจากนั้น หากกู้หนิงอันคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงแล้ว พวกเขาพิจารณาที่จะกลับไปยังเมืองหลิวเจีย

เมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดี มีทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดี แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง หากแต่กู้เสี่ยวหวานยังคงชอบสถานที่อันเงียบสงบและไร้ซึ่งความวุ่นวาย

อย่าได้กล่าวว่านางไม่มีความทะเยอทะยาน ไม่หรูหรา เป้าหมายในชีวิตของนางคือการมีชีวิตที่มั่งคั่ง ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ เป็นเจ้าของผืนดินมากมาย สามารถทำทุกอย่างได้เท่าที่ต้องการจนทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความอิจฉา

เมืองหลิวเจียเป็นเมืองที่ดีมาก มีภูเขาที่งดงาม ธารน้ำที่ใสสะอาด และประเพณีพื้นบ้านที่เรียบง่าย แม้จะมีคนก่อปัญหาบ้าง แต่ก็นับว่าประปรายเท่านั้น แต่ด้วยชื่อของนางในฐานะเสี้ยนจู่อันผิง ผู้ใดเล่าจะกล้าท้าทายนาง

กู้เสี่ยวหวานนับนิ้วเพื่อคำนวณว่าอีกนานเท่าไรจึงจะถึงวันพระราชสมภพของไทเฮา

“เสี่ยวหวาน เจ้าไม่ต้องกังวลไป พรุ่งนี้ข้าจะหาช่างตัดเสื้อมาวัดขนาดตัวของทุกคน” กู้ฟางสี่พยักหน้าพลางเขียนลงในสมุดบันทึก

กู้ฟางสี่ไม่รู้หนังสือ แต่หลังจากติดตามกู้เสี่ยวหวานมาเป็นเวลานาน กู้เสี่ยวหวานก็คิดว่าคนคนหนึ่งจะไม่รู้หนังสือได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงบังคับให้กู้ฟางสี่เรียนการเขียนอักษรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่านางจะยังไม่รู้คำศัพท์มากนัก แต่ก็สามารถใช้คำทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ แม้ว่าลายมือของนางจะไม่ได้สวยนัก แต่กู้เสี่ยวหวานก็พอใจเช่นกัน

“อาจั่ว อาโม่ โค่วตัน โค่วไห่ และคนอื่น ๆ ก็ต้องวัดตัวด้วย เตรียมเสื้อผ้ากันหนาวสองชุดสำหรับพวกเขา และต้องเลือกวัสดุที่มีคุณภาพดี” กู้เสี่ยวหวานกล่าว

นางไม่ได้ขาดเงิน และคนเหล่านี้ล้วนอยู่เคียงข้างคอยปรนนิบัตินาง กู้เสี่ยวหวานมองเห็นความจงรักภักดีของพวกเขา ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดีโดยธรรมชาติ

กู้ฟางสี่พยักหน้าและจดบันทึกเอาไว้

“เสี่ยวหวาน ครั้งสุดท้ายที่เราซื้อด้ายสีทองจากร้านขายผ้าหลานชิง สิ่งของในร้านของพวกเขามีราคาถูกและคุณภาพไม่ได้แย่กว่าสิ่งของบนถนนกว่างอันนัก ที่สินค้ามีราคาถูกนั้นเพราะว่าร้านตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ดีนัก ข้าจะส่งคนไปยังร้านขายผ้าหลานชิง และเสื้อผ้าฤดูหนาวจะสั่งทำจากร้านของเขา”

“ร้านขายผ้าหลานชิงหรือ” กู้เสี่ยวหวานถามกลับ

“มันเป็นสถานที่ที่เสี่ยวอี้ช่วยชีวิตผู้คนเมื่อครั้งที่แล้ว” กู้ฟางสี่กล่าว

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ตกลง ร่างกายของพวกเราต่างก็โตขึ้น จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทุกปี บอกให้โค่วไห่ไปหาพวกเขาในวันพรุ่งนี้เถอะ”

“เสื้อผ้าของหนิงผิงให้ทำจากผ้าที่หนาและคุณภาพดีที่สุด อย่างไรเสียค่ายทหารก็ไม่ได้สะดวกสบายไปกว่าที่บ้าน” กู้เสี่ยวหวานเป็นกังวลเกี่ยวกับน้องชายของตนเอง

“แม้ว่าข้าจะไม่ทราบขนาดตัวของเขา แต่คาดคะเนจากปีก่อนแล้ว เขาคงจะตัวใหญ่ขึ้นเล็กน้อย”

“เจ้าต้องการเตรียมสิ่งของสำหรับเทศกาลขึ้นปีใหม่หรือไม่” กู้ฟางถามขึ้นอีกครั้ง

“พวกเราค่อย ๆ เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ เถอะ แม้ว่าครอบครัวเราจะมีจำนวนคนไม่มาก แต่หากฉุกละหุกหาซื้อของช่วงใกล้เทศกาล มันอาจจะสายเกินไป ดังนั้นการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าจึงเป็นการดีที่สุด สิ่งใดซื้อได้ก็ซื้อไว้ มันไม่เสียหายอันใด เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายนัก”

กู้ฟางสี่อยากจะเอ่ยบางอย่าง แต่ก็ได้ยินโค่วตันตะโกนมาจากข้างนอก “คุณหนู เถ้าแก่สามร้านจิ่นฝูมาหาเจ้าค่ะ ทั้งยังบอกว่ามีเรื่องด่วนที่จะต้องรายงานคุณหนู”

อาจั่วอยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานทุกวัน แต่โค่วตันนั้นแตกต่างออกไป นางจะไปที่ลานของกู้เสี่ยวอี้เป็นครั้งคราวเพื่อดูแลกู้เสี่ยวอี้ หากมีสิ่งใดเร่งด่วนนางก็จะทำด้วยตัวเอง

และตอนนี้นางก็มาส่งข่าวว่าเถ้าแก่ร้านจิ่นฝูมาถึงแล้ว

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าเถ้าแก่สามคนนั้นคือผู้ใด เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เสี่ยวเซิ่งจื่อได้รับการเลื่อนตำแหน่งและกลายเป็นผู้ดูแลร้านคนที่สามของร้านจิ่นฝู

เจ้าของร้านคนที่สองคือกู้เสี่ยวหวาน

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานรีบสั่งให้คนพาเขาเข้ามา เสี่ยวเซิ่งจื่อเข้ามา นางเห็นว่าใบหน้าของเขาดูซีดเซียว และแม้แต่ท่าทางการเดินก็ดูไร้เรี่ยวแรง หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

“คุณหนู เกิดเรื่องขึ้นที่ร้านจิ่นฝูแล้วขอรับ”

เสี่ยวเซิ่งจื่อคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมคำนับกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานมุ่นหัวคิ้ว

“อย่าเพิ่งร้องไห้ไปเลย บอกข้าเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นที่ร้านกันแน่” อาจั่วพูดอย่างใจเย็น

“วันนี้ร้านจิ่นฝูเปิดให้บริการตามปกติ ลูกค้าแขกเหรื่อก็เข้าร้านของเราตามปกติ แต่เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม มีลูกค้าโต๊ะหนึ่งเกิดน้ำลายฟูมปากอย่างไม่ทราบสาเหตุ และยังไม่ทันได้ตามหมอ ลูกค้าโต๊ะนั้นก็หมดลมหายใจไปเสียก่อน”

“ว่าอย่างไรนะ?” กู้ฟางสี่ตกใจ “ทั้งโต๊ะเลยหรือ?”

“ใช่แล้วขอรับ ทั้งสี่คนนี้เป็นลูกค้าประจำของร้านจิ่นฝูและร้านฝูจิ่น พวกเขามากินอาหารที่ร้านของเราเกือบทุกวัน และทุก ๆ วันก็ดูปกติดี แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้ถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น” เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกตกใจมากเมื่อนึกภาพที่ลูกค้าสี่คนนั้นน้ำลายฟูมปากแล้วล้มลง

“ท่านลุงล่ะ ตอนนี้สถานการณ์ที่ร้านจิ่นฝูเป็นอย่างไรบ้าง” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างใจเย็น

“เถ้าแก่ถูกคนของทางการพาตัวไปแล้วขอรับ ลูกจ้าง พ่อครัว และแม่ครัวในร้านอาหารเองก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน ลูกค้าในร้านเจอแบบนี้ก็หนีหายกระเจิงไปหมด ร้านของเราจึงถูกปิด ข้าฉวยโอกาสจากความวุ่นวายและแอบหนีมา”

เสี่ยวเซิ่งจื่อไม่คาดคิดว่าเมื่อเช้าเริ่มวันอย่างสงบสุข แต่ในชั่วพริบตาร้านจิ่นฝูถูกปิดลงเพราะมีคนเสียชีวิตในร้าน ตอนนี้ชื่อเสียงของร้านจิ่นฝูถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

ประเด็นคือตอนนี้เถ้าแก่ ลูกจ้าง พ่อครัว และแม่ครัวถูกพาตัวไป ไม่รู้ว่าชีวิตในคุกของพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

“อย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนมาที่นี่มีใครเห็นท่านไหม” กู้เสี่ยวหวานถามอย่างใจเย็น

“ไม่ ข้าแอบออกมา ข้าไม่ได้ไปที่บ้านของเถ้าแก่ แต่รีบตรงมายังสวนชิงทันที” เสี่ยวเซิ่งจื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด

ระหว่างทางมาที่นี่ เขาไม่พบใครเลยแม้แต่คนเดียว ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้ว่าเขามุ่งหน้ามาที่นี่

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด