ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1589 พวกเจ้าไม่เชื่อในตัวฮ่องเต้
บทที่ 1589 พวกเจ้าไม่เชื่อในตัวฮ่องเต้
…………….
บทที่ 1589 พวกเจ้าไม่เชื่อในตัวฮ่องเต้
“มันคือยารักษาหัวใจ” หลี่เมี่ยวเมี่ยวเทยาออกมาหนึ่งเม็ด และพูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องการสิ่งนี้”
“วันนี้ข้าไปที่กองกำลังรักษาความสงบมา และได้พบกับลุงหลี่”
“ท่านได้เจอท่านพ่อของข้าหรือ” การแสดงออกของหลี่เมี่ยวเมี่ยวเคร่งขรึมขึ้นทันใด “ท่านพ่อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เมี่ยวเมี่ยวไม่ต้องกังวล สถานการณ์ของลุงหลี่ในตอนนี้ค่อนข้างดี เขายังสบายดี และข้าก็บอกผู้บัญชาการของกองกำลังรักษาความสงบว่า อย่ากระทำรุนแรงกับท่านลุงมากเกินไป”
หลังจากกู้เสี่ยวหวานพูดจบ ใบหน้าง้ำงอของเมี่ยวเมี่ยวก็ดูสนใสขึ้นมา และคว้ามือของกู้เสี่ยวหวานมาจับไว้แน่น “ท่านพี่รีบไปเถอะ ระวังอย่าให้ถูกพวกเขาจับได้ล่ะ ถ้าท่านถูกพวกเขาจับไป ความหวังของพวกเราคงจบสิ้น”
หลี่เมี่ยวเมี่ยวกำขวดยาที่กู้เสี่ยวหวานมอบให้นางแน่น และผลักกู้เสี่ยวหวานออกจากวงล้อม ทันใดนั้นก็ตวาดขึ้นเสียงดังด้วยแววตาดุร้าย “เจ้ากำลังพูดอะไร เจ้าจะมาขอยืมเงินของข้าอีกแล้วหรือ ครอบครัวของข้าตกอยู่ในสภาพนี้ เจ้าไม่ช่วยไม่ว่า แต่ยังจะทำตัวไร้ยางอายมาขอยืมเงินข้าอีก ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าเสีย!”
กู้เสี่ยวหวานที่โดนผลักออกมาเข้าใจว่าเด็กหญิงกำลังทำอะไร ดังนั้นจึงมองตาเมี่ยวเมี่ยวอย่างจริงจัง เมื่อเห็นความหวังในดวงตาของนาง นางก็พยักหน้าเตรียมจะจากไป
ทันใดนั้นก็น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นทางด้านหลัง “เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่ ห้ามปล่อยใครออกไปแม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงนั้นเย็นเยือกราวกับธารน้ำแข็งในฤดูหนาว กู้เสี่ยวหวานมองต้นตอของเสียงก็เห็นโหยวซวงยืนขึ้นทั้งที่น้ำตานองหน้า สายตาเย็บเหยียบทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างกะทันหัน
“ท่านพี่ของข้าเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าผู้ใดก็ต่างเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลหลี่ หรือญาติสนิทมิตรสหายก็ต่างเป็นผู้ต้องสงสัย” โหยวซวงมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างเย็นชา
นางไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงบทกวีครั้งล่าสุด ทำให้นางไม่รู้จักกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นจึงมองกู้เสี่ยวหวานเหมือนศัตรู
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ถ่อมตัวและไม่โอนอ่อน กลิ่นอายแผ่ออกมาจากร่างกายของนางทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก แม้แต่โหยวซวงที่โกรธอยู่ในขณะนี้ก็รู้สึกเครียดขึ้นมา
นางไม่ได้บอกหรอกหรือว่านางเป็นญาติของตระกูลหลี่?
หากว่าเป็นญาติกัน ดังนั้นนางคงจะเป็นคนจากครอบครัวธรรมดา ๆ อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายที่แข็งแกร่งของนางทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
นางคือใครกันแน่
ไม่เพียงแต่โหยวซวง สีซื่อและเหลียนเอ้อร์เท่านั้นที่พบว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากผู้คนที่ยืนอยู่รอบ ๆ บรรยากาศรอบตัวนางทำให้ผู้คนรู้สึกถูกกดดันและรู้สึกเหมือนตกลงไปในธารน้ำแข็งเย็นเยือก
“ซวงเอ๋อร์พูดถูก เฉียนเอ๋อร์ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถเป็นฆาตกรได้” สีซื่อย้ำคำของโหยวซวงและพูดกับตัวเอง จากนั้นตะโกนว่า “พวกเจ้า จับพวกเขาไว้ รอให้นายท่านมาจัดการ”
“ไม่…” เมื่อเห็นว่ามีคนต้องการจับพวกเขา หลี่เมี่ยวเมี่ยวรีบตะโกนลั่น “ท่านจะมาจับคนมั่วซั่วไม่ได้ นางเป็นเพียงคนรู้จักของข้า ชอบมาขอยืมเงินบ้านข้าเป็นครั้งคราว ท่านพ่อไม่ค่อยชอบขี้หน้านางเท่าไรนัก รีบไล่พวกนางออกไปเสีย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาง”
“ไม่สำคัญว่านางจะยืมเงินเจ้าหรือไม่ บางทีคนตรงหน้าเจ้าอาจเป็นคนฆ่านายน้อยของข้าโดยทีพ่อของเจ้าไม่รู้ หากเราหาตัวคนร้ายได้ พ่อของเจ้าก็จะถูกปล่อยตัว” เหลียนเอ้อร์เดินขึ้นไปเพื่อเผชิญหน้ากับกู้เสี่ยวหวาน ขณะที่พูดคุยกับหลี่เมี่ยวเมี่ยว
แต่หลี่เมี่ยวเมี่ยวกลับเอาตัวขว้างกู้เสี่ยวหวานเพื่อป้องกันไม่ให้ใครแตะต้องนางได้ โดยไม่สนใจคำพูดของเหลียนเอ้อร์เลย
ยิ่งหลี่เมี่ยวเมี่ยวเป็นแบบนี้ ท่าทางของกู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ยืนอยู่ข้างหลังราวกับต้นไผ่เขียว ความเกลียดชังทั้งหมดรอบตัวนางทำให้โหยวซวงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายอย่างที่ติด ดังนั้นความคิดที่จะจัดการกู้เสี่ยวหวานยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“ท่านพี่ ท่านรีบไป ท่านรีบไป!” หลี่เมี่ยวเมี่ยวร้องไห้อีกครั้งพลางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและพูดอย่างกังวล
“มีข่าวลือกระจายไปทั่วเมืองหลวงว่าตระกูลโหยวปฏิบัติต่อเด็กทุกคนในครอบครัวอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงสถานะ พวกเขาปฏิบัติต่อสาวใช้และคนรับใช้ในครอบครัวราวกับว่าเป็นสมาชิกในครอบครัว ข้าคิดเสมอว่าตระกูลโหยวนั้นมีความชอบธรรม แต่เมื่อเห็นเจ้าในวันนี้ก็พบว่าเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดา” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่คนของตระกูลโหยว
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” เมื่อสีซื่อได้ยินใครสงสัยในตระกูลโหยว นางจึงรีบตอบโต้ “เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาสงสัยตระกูลโหยวของข้า เจ้าไม่กลัวถูกตัดลิ้นหรือ”
“แน่นอนว่าข้าไม่กลัว ดูสิ ลิ้นของข้ายังอยู่ในปากของข้าไม่ใช่หรือ” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานพูดจบ นางก็แลบลิ้นและพูดติดตลก
“เจ้า…” สีซื่อโกรธมาก แต่นางไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ดังนั้นจึงถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวไว้ในมือและชี้ไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างคับแค้นใจ
“ต่อหน้าตระกูลโหยวของท่าน ข้ามาเยี่ยมคนของตระกูลหลี่ นั่นคือความเมตตาของข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องทำเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลหลี่ทำร้ายใครหรือไม่ แต่คนจากกองกำลังรักษาความสงบกำลังเร่งรีบไขคดีและหาตัวฆาตกร แต่พวกเจ้ากลับลากศพมาที่ประตูบ้านตระกูลหลี่ นี่พวกเจ้าไม่เชื่อในความสามารถของกองกำลังรักษาความสงบหรอกหรือ? พวกเจ้าคิดว่าคนของตัวเองจะตัดสินแทนกองกำลังรักษาความสงบได้อย่างนั้นหรือ ตัดสินผู้คนโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ โหยวไท่ซือรู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังทำเรื่องแบบนี้ที่นี่” กู้เสี่ยวหวานพูดออกมาอย่างเหลืออด ทันใดนั้น การแสดงออกของสมาชิกในครอบครัวโหยวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ้า…เจ้าหมายความว่าอย่างไร ลูกชายของข้าตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ข้ามาที่นี่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายของข้า แล้วมันจะเกี่ยวกับสามีของข้าได้อย่างไร” สีซื่อพูดอย่างตะกุกตะกัก เห็นได้ชัดว่ารู้สึกตกตะลึงกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้
“โหยวไท่ซือดูแลทุก ๆ เรื่องในตระกูลโหยว ทุกคนและทุกคำพูดล้วนเกี่ยวข้องกับเกียรติของโหยวไท่ซือ การที่พวกเจ้าไม่เห็นกองกำลังรักษาความสงบอยู่ในสายตาและต้องการตัดสินคดีด้วยตัวเอง แสดงว่าพวกเจ้าไม่เชื่อในความสามารถของกองกำลังรักษาความสงบ เช่นนั้นแล้วหากไม่เชื่อในความสามารถของกองกำลังรักษาความสงบ แสดงว่าไม่เชื่อในการจัดการของฮ่องเต้” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างเย็นชา ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวนางก็เย็นลง และเห็นสีซื่อเสียหลักกำลังจะล้มลงบนพื้น แต่โชคดีที่โหยวซวงพยุงนางไว้ได้ทัน
…………….
Comments