ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1591 กุ้ยเฟยฟ้องร้อง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1591 กุ้ยเฟยฟ้องร้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1591 กุ้ยเฟยฟ้องร้อง

…………….

บทที่ 1591 กุ้ยเฟยฟ้องร้อง

กู้เสี่ยวหวานกำลังวิ่งเต้นเพื่อตระกูลหลี่ และภายในราชสำนักตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

โหยวกุ้ยเฟยคุกเข่าอย่างสงสารนอกประตูวัง และร้องไห้ราวกับจะขาดใจ

ภายในตำหนัก ซูเทียนซื่อกำลังถือตัวหมากรุกและปะทะฝีมือกับคนตรงกันข้าม เขาพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู่มาหลายครั้งแล้ว

ซูเทียนซื่อสุ่มทิ้งหมากในมือลงในตะกร้าหมากรุก ทำให้หมากบนกระดานกระจัดกระจายไปทั่ว มือเรียวยกตัวหมากขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วใส่กลับเข้าไปในตะกร้า ท่ามกลางบรรยากาศของทั้งสองนั้นเงียบงัน ไม่มีผู้ใดเอ่ยสิ่งใดออกมาสักคน

“เย่จือ ข้าเล่นแพ้มาสามรอบแล้ว ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป ข้าเสียหน้าแน่” แม้ว่าน้ำเสียงของคนพูดจะยังดูไร้เดียงสา แต่ด้วยตำแหน่งที่สูงส่งกลับขจัดสิ่งเหล่านั้นไปจดหมดและทำให้ผู้คนรู้สึกถึงการกดขี่ที่มองไม่เห็น

ขันทีฉีที่รออยู่ด้านข้างรู้สึกว่าคำพูดที่เกรี้ยวกราดของฝ่าบาทจะต้องสร้างความขุ่นเคืองให้กับทั้งสองเป็นแน่แท้ แต่เมื่อมองไปที่ผู้สำเร็จราชการฉือที่อยู่ตรงข้ามกับฮ่องเต้มีท่าทางสงบนิ่ง จึงเดาว่าไม่ได้เก็บเอาคำพูดของฮ่องเต้มาใส่ใจ

“ฝ่าบาท หมากรุกก็เหมือนชีวิต การเดินหมากก็สามารถเดินใหม่ได้ ตาต่อไปก็ยังพลิกชะตาต่อไปได้ แต่ชีวิตนี้มีแค่ครั้งเดียว” เสียงที่ทุ้มและไพเราะราวกับสายน้ำใสในหุบเขา และพระพักตร์ของฮ่องเต้ก็สงบลงมาก “ถูกต้อง ข้าพูดเสมอว่าเป็นการดีกว่าสำหรับท่านที่จะเรียนรู้ทักษะหมากรุกเพิ่มเติม และในตาต่อไปข้าจะฆ่าท่านโดยไม่เหลือหมากไว้สักตัว”

“ฝ่าบาททรงรอคอยด้วยความหวาดกลัว” ม่านสีขาวปลิวไสวไปตามแรงลม เผยให้เห็นรูปโฉมอันหล่อเหลาสองคนนั่งอยู่หลังม่าน แม้จะไม่ได้เห็นได้อย่างชัดเจนก็ตาม

เสียงร้องไห้ของโหยวกุ้ยเฟยบริเวณด้านนอกดังกึกก้องขึ้นเรื่อย ๆ ขันทีฉีก้มตัวลงพลางเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก และมองดูการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่ข้างใน

หากฮ่องเต้ไม่เริ่ม ผู้น้อยจะกล้าได้อย่างไร

เสียงร้องไห้ด้านนอกก็ปล่อยให้ดำเนินไปเช่นนั้น

ในขณะที่คิดแบบนี้ ซูเทียนซื่อก็เดินออกมาจากหลังม่านและได้ยินเข้ากับเสียงร้องไห้อย่างน่าสมเพชข้างนอก จึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “วันนี้ข้าแพ้ติดต่อกันสามครั้งให้กับผู้สำเร็จราชการฉิน และบุคคลนี้สมควรได้รับการยกย่อง ขันทีฉี ให้นางเข้ามาเถอะ ถ้ายังร้องไห้แบบนี้ต่อไป ข้าอาจจะเบื่อนางขึ้นมา”

“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ขันทีฉีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หมุนกายวิ่งออกไปนอกวัง พลางหลุบตามองไปที่โหยวกุ้ยเฟยที่คุกเข่าร้องไห้และค่ำครวญ “กุ้ยเฟย ฝ่าบาทเชิญท่านเข้าไปด้านใน”

ดวงตางดงามของโหยวกุ้ยเฟยแดงก่ำ ครั้นได้ยินถ้อยคำของขันทีฉี น้ำตาที่ไหลนองหน้าก็ดูเหมือนจะหยุดลงทันที “ข้ารู้ว่าฝ่าบาทจะต้องไม่ใจร้าย”

ไม่ใจร้าย

ขันทีฉีมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าอย่างงดงาม แม้ว่ามันจะงดงาม แต่ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน ไม่ว่าท้องฟ้ายามที่พระอาทิตย์กำลังตกจะสวยงามเพียงใด มันก็จะหายไป

แสงยามเช้าและแสงตะวันสาดส่องวันแล้ววันเล่า วันนี้ผ่านไป พรุ่งนี้ก็มาถึง ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ขันทีฉีก็นึกถึงเสียงอันแผ่วเบาของผู้สำเร็จราชการเมื่อครู่นี้

“กุ้ยเฟย เชิญพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีฉีโบกไม้ตีในมือและพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โหยวกุ้ยเฟยยืนขึ้น แต่เนื่องจากนางคุกเข่านานเกินไป ทำให้ขาของชาเล็กน้อย จนเกือบจะซวนเซล้มลง โชคดีที่มีนางกำนัลพยุงนางไว้ทัน และประคองนางเดินเข้าไปในตำหนัก

ซูเทียนซื่อกำลังอ่านหนังสืออยู่ เมื่อเขาเห็นโหยวกุ้ยเฟยเข้ามาก็เหลือบมองนางเล็กน้อย จากนั้นจึงวางหนังสือในมือลง และได้ยินเสียงโหยวกุ้ยเฟยคุกเข่าลงและตามมาด้วยเสียงร้องไห้ หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอพลันไหลรินลงมา “ฝ่าบาท ท่านต้องเป็นผู้ตัดสินใจให้หม่อมฉัน!”

“ผู้ตัดสินใจ?” ซูเทียนซื่อถามกลับ รีบก้าวเข้าไปประคองโหยวกุ้ยเฟยมานั่งข้าง ๆ สัมผัสมือเล็กของนางด้วยความเสน่หาและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “กุ้ยเฟย วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ปกติเจ้ามักจะมีแต่ใบหน้าอันสดใส เหตุใดวันนี้จึงกลายเป็นเช่นนี้ได้”

“ฮือ ฝ่าบาท น้องชายของข้าถูกฆ่าตาย ฮือฮือฮือ”

“น้องชายหรือ” ซูเทียนซื่อถามอย่างสงสัย

เมื่อซูเทียนซื่อได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแน่น “ผู้ใดกันที่ทำการอุกอาจเช่นนี้”

แม้แต่ฉินเย่จือผู้ซึ่งนั่งข้างในและฟังอย่างเงียบ ๆ ก็ยังเงี่ยหูฟังเพื่อฟังการเคลื่อนไหวข้างนอก หลังจากได้ยินคำพูดของโหยวกุ้ยเฟย ฉินเย่จือผู้ไม่เคยแสดงอารมณ์หรือความโกรธใด ๆ ก็รู้สึกตกใจ

“ฝ่าบาท น้องชายของข้าถูกวางยาที่ร้านจิ่นฝู เขาถูกวางยาพิษและอีกสามคนที่อยู่กับเขาล้วนเสียชีวิต”

กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าและแสดงท่าทางน่าสงสาร ดวงตาผลซิ่งคู่นั้นบวมแดงจากการร้องไห้กลับขับให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น

เมื่อได้ยินชื่อร้านจิ่นฝู ฉินเย่จือก็ขมวดคิ้วและได้ยินโหยวกุ้ยเฟยพูดต่อไปว่า “ตอนนี้คนจากกองกำลังรักษาความสงบได้จับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดในร้านจิ่นฝูไว้และกำลังสอบปากคำพวกเขา หลายปีมานี้อาณาจักรต้าชิงของเราสงบสุขมาตลอด ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้มีคนสี่คนเสียชีวิตภายใต้การดูแลของฮ่องเต้ และพวกเขาทั้งหมดถูกว่างยาพิษ ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่การทำลายความสงบสุขของต้าชิงหรอกหรือ?”

“เสียชีวิตสี่คน?” ซูเทียนซื่อไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะร้ายแรง เขาขมวดคิ้วและคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับสิ่งที่โหยวกุ้ยเฟยพูด นางพูดถูก ตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ มันไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้เกิดขึ้น

มือของซูเทียนซื่อกำแน่นภายใต้เสื้อคลุมมังกร ภายในหัวของเขาเต็มไปด้วยความคิด โหยวกุ้ยเฟยพิงแขนของซูเทียนซื่อ โดยก้มหน้าลงและนางมองไม่เห็นดวงตาของซูเทียนซื่อ เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของซูเทียนซื่อ นางดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกทำร้ายและต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วยล้างแค้นให้นาง

“กุ้ยเฟยอย่าเพิ่งร้องไห้ คนจากกองกำลังรักษาความสงบจะให้ความยุติธรรมกับน้องชายของเจ้าในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” ซูเทียนซื่อปลอบโยนนาง

“แต่ฝ่าบาท คนในร้านจิ่นฝูวางยาพิษคนที่ทานอาหารในร้านจิ่นฝู มีทั้งพยานและหลักฐานว่าพบสารหนูในอาหารของพวกเขา ได้โปรดฮ่องเต้ประทานความยุติธรรมแก่น้องชายของข้าโดยเร็ว เพื่อที่วิญญาณของน้องชายข้าจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์” โหยวกุ้ยเฟยสะอื้นไห้ นางมองไปที่ซูเทียนซื่ออย่างน่าสงสาร พลางกัดริมฝีปากสีแดงเบา ๆ เผยให้เห็นฟันขาว ท่าทางนี้ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกเป็นทุกข์

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด