ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1592 หนีปิ่งได้รับบาดเจ็บ

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1592 หนีปิ่งได้รับบาดเจ็บ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1592 หนีปิ่งได้รับบาดเจ็บ

…………….

บทที่ 1592 หนีปิ่งได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโหยวกุ้ยเฟยจะมีรูปลักษณ์น่าสงสารและมีเสน่ห์ แต่สีหน้าของซูเทียนซื่อก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง หากแต่ไม่ได้มองข้ามความงามตรงหน้าแต่อย่างใด แววตาเหยียดหยามฉายชัด แต่ก็ยังลูบหลังปลอบโยนนาง “อย่ากังวลไปเลยกุ้ยเฟย คนจากกองกำลังรักษาความสงบมีความยุติธรรมเสมอ ข้าจะให้เวลาพวกเขาสามวันในการค้นหาฆาตกรและให้ความยุติธรรมกับน้องชายของเจ้า”

“แต่ฝ่าบาท น้องชายของข้า…” โหยวอวี่เยียนรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ยังคงบอกว่าจะรอคำตัดสินจากกองกำลังรักษาความสงบ

แต่คราวนี้ซูเทียนซื่อขัดจังหวะนาง และหันไปพูดกับขันทีฉี “ขันทีฉี ส่งคำสั่งให้กองกำลังรักษาความสงบตามหาฆาตกรภายให้ได้ภายในสามวัน ไม่เช่นนั้นหนีปิ่งจะถูกปลดจากตำแหน่ง”

ขันฉีรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว

ภายในตำหนัก ซูเทียนซื่อยังปลอบโยนกุ้ยเฟย “กุ้ยเฟยยังโกรธอยู่หรือไม่ ข้าให้เวลาพวกเขาแค่สามวัน ตามการทำงานอันรวดเร็วของหนีปิ่งแล้ว ข้าจะให้คำอธิบายแก่ตระกูลโหยวได้ในไม่ช้า หากเขาทำไม่สำเร็จก็จะต้องถูกปลดจากผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ”

โหยวกุ้ยเฟยขยับริมฝีปากราวกับต้องการจะพูดบางอย่าง แต่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปจะต้องทำให้ฮ่องเต้โกรธอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดปากให้สนิท และวางมือบนหน้าอกของฮ่องเต้ จากนั้นเอนกายสู่อ้อมกอดอีกฝ่าย พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

หลังจากนั้นไม่นานก็เห็นขันทีฉีกลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังแสดงความใกล้ชิดต่อกัน เขาก็โค้งคำนับและพูดว่า “ฝ่าบาท วันนี้ผู้บัญชาการหนีกำลังเดินทางไปไขคดี ระหว่างทางม้าเกิดพยศและเหวี่ยงเขาลงจากหลังม้า ผู้บัญชาการหนีขาหักและศีรษะแตก ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ตามที่ท่านหมอระบุ ผู้บัญชาการหนีต้องการนอนพักรักษาตัวสามเดือน”

“ว่าอย่างไรนะ?” ซูเทียนซื่อขมวดคิ้วแน่นและทวนคำพูดของขันทีฉีอีกครั้ง รอยยิ้มเย็นเยือกกระตุกขึ้นมุมปาก กลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากร่างกายทำให้อีกสองคนสั่นสะท้าน

“ตอบกลับฝ่าบาท ใช่แล้ว ตอนนี้อาการของผู้บัญชาการหนีค่อนข้างสาหัส และงานทั้งหมดของเขาอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรองผู้บัญชาการเซี่ยงเป็นการชั่วคราว” ขันทีฉีกล่าวต่อ

ซูเทียนซื่อโบกมือและพูดว่า “เอาล่ะ ตราบใดที่ยังมีคนอยู่ ภายในสามวันต้องหาตัวฆาตกรให้ได้”

หลังจากที่เห็นโหยวกุ้ยเฟยจากไปด้วยท่าทางลำบากใจ ซูเทียนซื่อก็รู้สึกปวดหัว และเมื่อกลับเข้าไปหลังม่านก็ไม่พบผู้ใดนั่งอยู่ที่นี่ คนที่เล่นหมากรุกกับเขาเมื่อครู่นี้หายไปแล้ว

“เย่จือล่ะ?” เขายังคงวางแผนที่จะชนะ

“ตอบกลับฝ่าบาท ผู้สำเร็จราชการฉินออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีฉีกล่าวอย่างนอบน้อม

หลังจากฉินเย่จือรู้ว่าหลี่ฝานในร้านจิ่นฝูถูกใส่ร้าย เขาก็รีบพาตนเองออกมาจากตรงนั้นทันที ลองคิดดูแล้ว แมวน้อยของเขาคงจะกำลังหวาดกลัวมาก เขาจะต้องรีบไปจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด

สถานะของเขานั้นพิเศษ และเขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้จนกว่าจะถึงขั้นตอนสุดท้าย

ฉินเย่จือเผยรอยยิ้มอย่างไม่แยแสที่มุมปาก ความเย็นชาในดวงตาของเขาทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

……

ด้านสวนชิง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าหนีปิ่งตกจากหลังม้าและยังไม่ได้สติ

“เจ้าบอกว่าผู้บัญชาการหนียังไม่ได้สติหรือ” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ถานอวี้ซูและถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าได้รับข่าวจากท่านปู่ว่า เมื่อตอนผู้บัญชาการหนีกำลังจะไปตัดสินคดี จู่ ๆ ม้าก็พยศและเหวี่ยงผู้บัญชาการหนีลงจากหลังม้า ทำให้เขาขาหัก ศีรษะของเขากระแทกพื้นจนเลือดไหลนองไปทั่ว แต่โชคดีที่ท่านหมอบอกว่าไม่อันตรายถึงชีวิต และตอนนี้ก็แค่หมดสติ แต่สิ่งที่หมอกังวลยิ่งกว่านั่นคือ ผู้บัญชาการหนีจะต้องพักฟื้นเป็นเวลาสามเดือนและไม่สามารถทำงานได้” ถานอวี้ซูกล่าวพร้อมกับถอนหายใจยาว

หลังจากพบคนที่รู้จักและไว้ใจได้ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา และคนที่จะรับช่วงต่อจากผู้บัญชาการหนี…

ถานอวี้ซูมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังเป็นกังวล และตัดสินใจว่าจะเป็นการดีหากบอกเรื่องนี้กับกู้เสี่ยวหวาน “ผู้รับผิดชอบตอนนี้คือรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ เซี่ยงหย่วนหลิน ผู้เป็นลูกเขยคนโตของตระกูลกัวทางตอนใต้ของเมืองหลวง”

ตระกูลกัวทางตอนใต้ของเมืองหลวง

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนี้ ราวกับว่านางเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยหวานไม่ได้พูดอะไร ถานอวี้ซูจึงพูดต่อ “ท่านพี่ ข้าได้ยินมาว่าลวี่เทาจากเมืองหลิวเจียเป็นลูกเขยคนที่สามของตระกูลกัวทางตอนใต้ของเมืองหลวง”

เช่นนี้นี่เอง

ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักว่าลวี่เทาตายแล้ว ตระกูลกัวจะใช้เรื่องนี้เพื่อแก้แค้นหรือไม่?

“อย่าพูดถึงว่าตระกูลกัวจะแก้แค้นเป็นการส่วนตัวหรือไม่ แต่เซี่ยงหย่วนหลินคนนี้ ข้าได้ยินมาว่าเขาโหดร้าย ในสายตาของเขา ใครก็ตามที่เข้าไปในห้องขังของกองกำลังรักษาความสงบล้วนเป็นคนบาป ข้าเกรงว่า…”

ถานอวี้ซูไม่ได้พูดต่อ กู้เสี่ยวหวารรู้สึกเป็นกังวลจนใบหน้าเศร้าหมอง

“หมายความว่า ท่านกลัวว่าเซี่ยงหย่วนหลินจะทรมานลุงหลี่และผู้คนในร้านจิ่นฝูอย่างนั้นหรือ” ย้อนกลับไปในตอนนั้น ร้านจิ่นฝูยืนอยู่ข้างนางเพื่อต่อต้านลวี่เทา และต่อมานางก็กลายเป็นคนดูแลร้านจิ่นฝู เกรงว่าทุกคนในตระกูลกัวก็รู้เรื่องนี้

“ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเซี่ยงหย่วนหลิน แต่เป็นไปได้มาก”

ถานอวี้ซูพูดอย่างเป็นกังวล

ความคิดของกู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้นางรู้สึกหนักใจเล็กน้อย

อย่างแรกคือมีคนตายในร้านจิ่นฝู ต่อมาหลี่ฝานก็ถูกจับ จากนั้นคนจากตระกูลโหยวก็ขวางประตูบ้านตระกูลหลี่ และหนีปิ่งก็ตกจากหลังม้า ทุกคนล้วนประสบกับคราวเคราะห์ไปทีละคน ๆ ราวกับว่ามีบางอย่างควบคุมพวกเขาไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเหนือการคาดเดาของนางมาก

“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วง ข้ากลัวว่าคนในร้านจิ่นฝูจะทนไม่ไหว ถ้าพวกเขายอมรับขึ้นมาจะทำอย่างไร” ถานอวี้ซูยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้า “ภัยพิบัติไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

…………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด