ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1602 ทานอาหารที่จุ้ยอวี้กู่ไจ
บทที่ 1602 ทานอาหารที่จุ้ยอวี้กู่ไจ
……….
บทที่ 1602 ทานอาหารที่จุ้ยอวี้กู่ไจ
“หลายชิ่ง เจ้าว่าถ้าหากครั้งหน้าข้าเชิญนางอีก นางจะมาหรือไม่” น้ำเสียงของซูจือเยว่สั่นเล็กน้อย สั่นจนทำให้หลายชิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
“คุณชาย…ท่าน” หลังจากที่หลายชิ่งตกตะลึงแล้วก็ชะงักไปสักพัก ทันใดนั้นก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า
“คุณชาย ท่านเป็นคุณชายของจวนซู ตั้งแต่เด็กก็เติบโตขึ้นในเมืองหลวง ท่านเป็นผู้มีความสามารถ ถึงแม้ว่าเสี้ยนจู่จะเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า แต่นางมาจากชนบท ท่านอยากจะพบนาง ขอเพียงไปนัดนางไว้ นางจะต้องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงแน่นอน”
คุณชายเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยนและเฉลียวฉลาด ภูมิหลังตระกูลนั้นก็มีชื่อเสียงและอำนาจ มีผู้คนมากมายตั้งเท่าใดที่อยากได้คุณชายจนตัวสั่น หมิงตูจวิ้นจู่ก็ยิ่งกล่าวตรง ๆ ว่าหลงรักคุณชาย คุณชายเช่นนี้เดิมทีก็เป็นที่หมายปองอย่างมาก เป็นผู้ที่หญิงสาวหลายคนใฝ่ฝันถึง
ตอนนี้เสี้ยนจู่อันผิงผู้นั้น คาดไม่ถึงว่าจะได้รับความรักจากคุณชาย นั่นเป็นพรที่นางสร้างขึ้นมาในชาติก่อนแล้ว เหตุใดคุณชายจึงดูแคลนตัวเองเช่นนี้
ซูจือเยว่ฟังคำพูดของหลายชิ่งแล้วก็ไม่ได้ตอบ มุมปากนั้นมีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างจนใจ
งั้นหรือ
นางจะมาจริง ๆ งั้นหรือ
แม่นางที่ในดวงตาเต็มไปด้วยแสงของดวงดาว ท่าทางดูเย่อหยิ่งขึ้นมาเหมือนกับดวงดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า สามารถมองเห็นได้ตลอดแต่ไม่อาจแตะต้องได้
เขานั่งอยู่ด้านข้างนาง แต่กลับเหมือนอยู่ห่างจากนางเป็นหมื่นลี้
……
บนรถม้าอาจั่วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณหนู ไม่คิดว่าการมาครั้งนี้นั้นจะคุ้มค่าจริง ๆ ทำให้พวกเราได้รู้ข่าวที่ใหญ่มากเช่นนี้เข้า”
มิน่าเล่าคุณหนูจะต้องมาตามที่นัดไว้
“คุณหนู ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใดกัน” อาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่พูดจึงถามอย่างสงสัย
“ไปจุ้ยอวี้กู่ไจ ข้าต้องไปดูว่าอาหารพวกนั้นทำมาจากฝีมือของอู๋เทียนจริงหรือไม่” เสียงของกู้เสี่ยวหวานเย็นเยียบ ทั้งนัยน์ตายังสื่อให้รู้สึกถึงหนาวเย็นราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
เมื่ออาจั่วได้ยินชื่อคนผู้นี้ ทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยความโกรธ จ้องมองอย่างดุดันไปยังทิศทางที่รถม้ากำลังจะไป
ในไม่ช้ารถม้าก็มาหยุดที่จุ้ยอวี้กู่ไจ
จุ้ยอวี้กู่ไจเปิดกิจการโดยหมิงอ๋องและเปิดอยู่บนถนนกว่างหลงซึ่งเป็นที่ที่เจริญรุ่งเรืองและคึกคักที่สุดในเมืองหลวง ตอนนี้เป็นเวลาทานอาหารกลางวันพอดี ประตูจุ้ยอวี้กู่ไจจึงเต็มไปด้วยรถม้าที่จอดไว้ ถนนกว่างหลงที่คึกคักจึงถูกล้อมรอบจนแน่นขนัด
กู้เสี่ยวหวานสวมผ้าคลุมหน้าและเดินตรงเข้าไปในจุ้ยอวี้กู่ไจ แม้ว่าตอนนี้ร้านอาหารทั้งหมดจะเต็ม แต่โชคดีที่ยังมีที่นั่งพิเศษอยู่
ทั้งสามคนเดินตรงไปยังที่นั่งพิเศษ กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วมองรายการอาหารที่ลูกจ้างคนนั้นส่งมา
รายการอาหารแนะนำใหม่ด้านบนนี้ ไม่ต่างจากรายการอาหารของร้านจิ่นฝูเลย และชื่ออาหารยังเหมือนในรายการนี้อีก เห็นได้ชัดว่าตอนที่พวกเขาสามคนทำอาหารด้วยกัน กู้เสี่ยวหวานคิดชื่ออาหารออกมาให้ทุกคนตัดสินใจ
เป็นไปตามคาด อู๋เทียนอยู่ที่นี่จริง ๆ
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นสั่งอาหารจานใหม่และอาหารจานเดิมหลายอย่าง ลูกจ้างคนนั้นเห็นคนทั้งสามสั่งอาหารมากมายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังสั่งรายการอาหารแนะนำใหม่ทั้งหมด จึงคาดเดาในใจว่าแม่นางตัวเล็กตรงหน้าผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
แค่เดาจากกลิ่นอายบนร่างนี้ นางจะต้องเป็นบุตรสาวของตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
“แม่นางตามีแววจริง ๆ อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานใหม่ของที่นี่ ตอนนี้เป็นที่นิยมมาก” ลูกจ้างคนนั้นพูดอย่างภูมิใจ
กู้เสี่ยวหวานพลิกรายการอาหาร แล้วถามด้วยท่าทางดูแคลนเล็กน้อยว่า “ชื่ออาหารนี่ดึงดูดสายตาของผู้คน ไม่รู้ว่าเมื่อเทียบกันร้านจิ่นฝูแล้วรสชาตินั้นจะเป็นอย่างไร ถ้าหากไม่ใช่ว่าร้านจิ่นฝูไม่เปิดทำการในวันนี้ ข้าก็ไปที่ร้านจิ่นฝูแล้ว”
“แม่นางไม่รู้หรือว่าร้านจิ่นฝูถูกปิดโดยราชสำนักแล้ว” ลูกจ้างคนนั้นยังชอบซุบซิบอีกด้วย เป็นไปตามคาดเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหน้าเปลี่ยนสี
“อะไรนะ ถูกปิดโดยราชสำนักแล้ว ข้าไม่ได้มาเมืองหลวงนานมากแล้ว เพิ่งจะมาที่นี่วันนี้ เดิมทีจะหยุดพักและกำลังจะไปทานอาหาร แต่ว่าร้านจิ่นฝูกลับปิดแล้ว ข้าเห็นที่นี่เต็มไปด้วยผู้คน พวกข้าจึงเข้ามาทานอาหารที่นี่”
“จุ๊ ๆ มิน่าเล่าท่านถึงไม่รู้ ร้านจิ่นฝูวางยาพิษลูกค้าสี่คนเมื่อไม่นานมานี้ ทุกคนในร้านจิ่นฝูจึงถูกจับหมด ตั้งแต่เถ้าแก่ ไปจนถึงลูกจ้าง แม้แต่คนตัดฟืนก็ยังไม่เว้น”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ” กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นแปลกใจมาก
“จริงแท้แน่นอน ท่านอาจจะไม่รู้ว่าตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ เมืองหลวงของเราเคยเกิดคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน วันเกิดของไทเฮากำลังใกล้จะมาถึงแล้ว เรื่องที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นกลัวว่าร้านจิ่นฝูจะเป็นอัปมงคลแล้ว” ลูกจ้างคนนั้นซุบซิบกล่าวอย่างไม่ถือตัว
“เช่นนั้นไม่ดีหรือ พวกเจ้าเปิดร้านอาหาร ถ้าหากขาดคู่แข่งไปแขกของร้านอาหารพวกเจ้าก็จะเยอะขึ้นไม่ใช่หรือ อย่างเช่นข้าที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้ว่ายังมีจุ้ยอวี้กู่ไจ แต่ในตอนนี้ไม่ใช่ว่ารู้จักแล้วหรือ” กู้เสี่ยวหวานขยิบตา อาจั่วก็รีบควักเงินออกมาแล้วยัดให้ลูกจ้างคนนั้น
ลูกจ้างคนนั้นเห็นว่ามีเงินอยู่ในฝ่ามือจำนวนเงินนั้นไม่น้อยเลย อย่างน้อย ๆ ก็มีสองสามตำลึง ไม่แปลกใจที่การสนทนาจะดูสูงส่งไม่หยาบคาย ที่แท้ก็เป็นคนรวยจริง ๆ
ลูกจ้างคนนั้นเห็นเช่นนี้ ในหัวก็ยิ่งมีคำพูดมากมายที่พร้อมจะพูดออกมาเรื่อย ๆ
“แม่นาง ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อก่อนร้านอาหารของพวกเราจ้องร้านจิ่นฝูตาเป็นมัน ท่านจะต้องรู้ว่าร้านจุ้ยอวี้กู่ไจของพวกเราเป็นทรัพย์สินของหมิงอ๋อง เมื่อก่อนเป็นร้านที่โดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง แต่หลังจากที่ร้านจิ่นฝูมา กิจการของพวกเราก็ยิ่งย่ำแย่ลง พ่อครัวเหล่านั้นในห้องครัวของเราก็ให้ทุกคนไปร้านจิ่นฝูเพื่อแอบเรียนรู้ แต่ร้านจิ่นฝูมีกฏที่เข้มงวดมากจึงไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ต่อมาก็ได้แต่หาวิธีแย่งชิงคนมาก็เท่านั้น”
“เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องของเถ้าแก่ของจุ้ยอวี้กู่ไจ เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” กู้เสี่ยวหวานดื่มชาและถามอย่างเบา ๆ
ในน้ำเสียงดูเหมือนจะสงสัย ลูกจ้างคนนั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่เชื่อก็รีบพูดเสียงดังว่า “แม่นางไม่เชื่อหรือ ตอนนี้พ่อครัวคนหนึ่งในห้องครัวพวกเรา ได้ยินมาว่าถูกแย่งตัวมาจากร้านจิ่นฝู เงินเดือนของเขาเดือนหนึ่งก็หลายสิบตำลึงแล้วนะ จุ๊ ๆ ทุกวันต้องทำอาหารเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นก็ได้เงินตั้งมากมายขนาดนั้น คนในร้านอาหารพวกเราไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่อิจฉาคนผู้นั้น”
“แย่งตัวมาจากร้านจิ่นฝู… ตอนนี้เขาก็อยู่ที่ร้านอาหารของพวกเจ้าหรือ” กู้เสี่ยวหวานถาม
“ใช่แล้ว วันที่ร้านจิ่นฝูเกิดเรื่องขึ้นวันนั้น เขาก็ทำงานอยู่ในร้านของเราแล้ว” ดูเหมือนว่าอู๋เทียนจะได้ทรยศร้านจิ่นฝูก่อนหน้านั้นแล้ว
……….
Comments