ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1605 ทรมานหลี่ฝาน

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1605 ทรมานหลี่ฝาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1605 ทรมานหลี่ฝาน

……….

บทที่ 1605 ทรมานหลี่ฝาน

“โอ้ งั้นรึ เถ้าแก่หลี่คาดไม่ถึงว่าเสี้ยนจู่อันผิงจะเกี่ยวข้องกับท่านด้วย เดิมทียังนึกว่าอาหารใหม่ของร้านจิ่นฝูนั้นมีพ่อครัวที่เก่งกาจของร้านจิ่นฝูเสียอีก ที่แท้มีแม่นางคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง เถ้าแก่หลี่ เจ้าว่าถ้าหากข้าแพร่ข่าวนี้ออกไปแล้ว เสี้ยนจู่อันผิงนั้นจะเป็นอย่างไร ในเมื่อสามารถทำอาหารใหม่เพื่อร้านจิ่นฝูเจ้าได้ เช่นนั้นนางก็เป็นคนของร้านจิ่นฝู ทุกคนในร้านจิ่นฝูนั้นล้วนเป็นผู้ต้องสงสัย เถ้าแก่หลี่ ท่านก็รอคอยวันที่จะได้รำลึกความหลังกับเสี้ยนจู่อันผิงที่นี่ให้ดีก็แล้วกัน” เซี่ยงหย่วนหลินหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

“พูดจาเหลวไหล เสี้ยนจู่อันผิงไม่ใช่คนของร้านจิ่นฝูเรา นางเพียงแค่มีประสาทรับกลิ่นไว ข้าแค่ขอให้นางมาลองชิมอาหารเท่านั้น” หลี่ฝานแย้งกลับ

“โอ้ ลองชิมอาหารง่ายดายขนาดนี้เชียว” เซี่ยงหย่วนหลินลูบถ้วยชาในมือด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ

“คำพูดนี้เจ้าไปหลอกเด็กสามขวบก็ช่างเถอะ แต่อย่ามาหลอกข้า เสี้ยนจู่อันผิงนั้นไปลองชิมอาหาร พวกเจ้าทำอาหารจานนี้แล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเจ้าได้วางยาพิษคุณชายโหยวด้วยหรือไม่”

“เหลวไหล” หลี่ฝานพูดเสียงดัง ในใจมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย

บอกว่ามีความตื่นตระหนก แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

นายท่านจะต้องไม่ยอมให้นางเข้ามา เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นนายท่านจะต้องช่วยพวกเขาออกไปได้

“เหลวไหลรึเถ้าแก่หลี่ เจ้าอย่าลืมสิว่าเจ้ากับเสี้ยนจู่อันผิงนั้นเป็นคนจากเมืองหลิวเจีย พวกเจ้ารู้จักกันอยู่ที่เมืองหลิวเจียแล้วล่ะมั้ง ข้าได้ยินมาว่าตอนที่เสี้ยนจู่อันผิงอายุแปดขวบก็ได้รับการว่าจ้างจากเจ้าให้เป็นคนทำบัญชีของร้านจิ่นฝู ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าไม่ธรรมดาเลย” มุมปากเซี่ยงหย่วนหลินเหยียดยิ้มเย้ยหยัน

“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างไร” หลี่ฝานขมวดคิ้วพลางมองผู้ชายที่มีรูปร่างอึมครึมเล็กน้อยตรงหน้า

“ข้ารู้ได้อย่างไร” เซี่ยงหย่วนหลินหัวเราะฮ่า ๆ “น้องเขยที่สมองตายของข้าผู้นั้น ไม่ใช่ว่าถูกทำลายด้วยน้ำมือของเจ้าและเสี้ยนจู่อันผิงหรอกหรือ”

“น้องเขย” หลี่ฝานไม่ตอบสนอง จนกระทั่งตอนที่เซี่ยงหย่วนหลินกล่าวชื่อหนึ่งออกมาหลี่ฝานจึงเพิ่งจะรู้สึกตัว

“เถ้าแก่หลี่เป็นคนที่ขี้หลงขี้ลืมเสียจริง ลวี่เทาน้องเขยที่สมองตายของข้าผู้นั้นตกอยู่ในกำมือของพวกเจ้า อนาคตนั้นล้วนถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว แม้แต่ชีวิตก็ยังไม่เหลือ”

“เขาตายแล้ว” หลี่ฝานถาม

“ไม่ใช่ว่าตายแล้วหรอกรึ” เซี่ยงหย่วนหลินกล่าวอย่างหวาดผวา “หลายวันก่อนน้องเขยมาเข้าฝันข้าพอดี บอกว่าผู้ที่รังแกเขาเมื่อตอนนั้น อย่าได้ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว เจ้าก็เกินคาดไม่ดูตาม้าตาเรือจนมาอยู่ในมือข้า เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องปรนนิบัติเจ้าอย่างดี ถ้าปรนนิบัติต่อเจ้าไม่ดีจะคู่ควรสาสมต่อน้องเขยข้าที่ตายไปผู้นั้นได้อย่างไร คนมาเฆี่ยนให้ข้าเร็ว เฆี่ยนจนกว่าเขาจะยอมรับ”

หลี่ฝานขบฟันแน่น อดทนรับแส้ที่เฆี่ยนตีบนร่างตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เปล่งเสียงออกมาสักคำ

“ปากแข็งดีนัก ไม่พูดรึ ไม่พูดก็เฆี่ยนต่อไป เฆี่ยนจนกว่าเขาจะยอมพูด” เซี่ยงหย่วนหลินไม่คิดว่าเถ้าแก่ร้านอาหารจะกระดูกแข็งขนาดนี้ ถูกเฆี่ยนจนกลายเป็นเช่นนี้แล้วก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “เฆี่ยนให้แรง ๆ หน่อย”

ภายในห้องขังมีเสียงร้องระงมอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งและยังมีเสียงกรีดร้องจากนักโทษ เป็นเหมือนขุมนรกที่ทำให้คนกลัวจนตัวสั่นสะท้าน

เดิมทีผู้คุมขังก็เคยเห็นภาพที่โหดร้ายทารุณมามาก เมื่อเห็นการทรมานที่หนักหน่วงมากเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองไปทางอื่นและไม่กล้ามองดูอีก

ผู้คุมขังหนึ่งในนั้นเห็นภาพที่โหดร้ายทารุณนี้ มือก็ประสานกันแน่นและก้มหัวลง จนปีกหมวกนั้นบดบังสายตาของตัวเองไว้

กู้เสี่ยวหวานกลับมาถึงสวนชิง กู้เสี่ยวอี้และกู้ฟางสี่ต่างก็รอนางอยู่ในห้องของนาง

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกลับมา กู้ฟางสี่ก็จับมือนางอย่างเคร่งเครียดและถามว่า “เสี่ยวหวาน ตอนนี้เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานส่ายหัว “ยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย”

“เถ้าแก่หลี่อยู่ข้างใน จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่” กู้ฟางสี่ถามอย่างเคร่งเครียด

“ใช่แล้ว ลุงหลี่จะไม่เป็นไรใช่หรือไม่” กู้เสี่ยวอี้เองก็ถามด้วยความกังวล

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จะพูดอย่างไร หนีปิ่งกำลังพักผ่อนอยู่ที่จวน เซี่ยงหย่วนหลินจะแก้แค้นเป็นการส่วนตัวหรือไม่

กองกำลังรักษาความสงบก็ไม่สามารถเข้าไปได้

เมื่ออาจั่วกลับมาก็ถือโอกาสไปที่จวนแม่ทัพแล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา

“ท่านอา เสี่ยวอี้ พวกเจ้ากลับไปที่ห้องของตัวเองก่อน ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่พวกเจ้าวางใจได้ข้าจะต้องช่วยลุงหลี่ออกมาแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหนักแน่น

“แต่ว่ากู้เสี่ยวหวาน เจ้ายังเป็นเพียงแค่เด็กอยู่เลย เถ้าแก่หลี่ก็ถูกจับไปอีกแล้ว เจ้าจะช่วยเขาอย่างไร เจ้าต้องดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี อย่าทำให้อาต้องเป็นห่วงเด็ดขาด” กู้ฟางสี่ไม่เต็มใจจะจากไป กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “ท่านอา ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”

เมื่อนั่งรออาจั่วอยู่ในห้อง กู้เสี่ยวหวานก็หยิบปากกาเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง สอดไว้ที่ขาของไป๋เสวี่ยและปล่อยออกไป

นางบอกฉินเย่จือในจดหมายว่า อู๋เทียนอยู่ที่จุ้ยอวี้กู่ไจ

ฉินเย่จือเข้าเฝ้าจักพรรดิที่ท้องพระโรงเสร็จแล้ว ก็นั่งเกี้ยวหลังใหญ่รีบไปที่พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน

ไป๋เสวี่ยตามกลิ่นเข้าไปในเกี้ยว

ฉินเย่จือลืมตาก็เห็นไป๋เสวี่ยอยู่บนราวจับ สีหน้าก็มีความยินดี ความรู้สึกอัดแน่นที่อยู่ในท้องพระโรงเมื่อครู่นี้ พอเห็นไป๋เสวี่ยก็ถูกชำระล้างจนสะอาดแล้ว

แมวน้อยเขียนจดหมายถึงตัวเขาแล้ว

เมื่อเปิดดูก็เห็นว่าด้านบนนั้นเขียนไว้ไม่กี่ตัวอักษร แต่กลับทำให้สีหน้าของฉินเย่จือนั้นเย็นเยียบ

ดูเหมือนว่าอู๋เทียนจะอยู่ที่จุ้ยอวี้กู่ไจ

อู๋เทียน

อู๋เทียนเป็นคนของเขา เหตุใดจึงไปอยู่ที่จุ้ยอวี้กู่ไจ

ฉินเย่จือขยำกระดาษอย่างรุนแรง เพียงไม่นานกระดาษแผ่นเล็ก ๆ นั้นก็กลายเป็นเศษผงแล้ว เมื่อยื่นมือออกไปนอกเกี้ยวสายลมพัดผ่านผงนั้นก็ปลิวหายไปแล้ว

ดวงตาเรียวยาวมีความโหดร้ายต่อศัตรูมากกว่ายามปกติ

เมื่อครู่ที่อยู่บนท้องพระโรง หมิงอ๋องพยายามโต้แย้งอย่างหนัก เกิดคดีฆาตกรรมที่ใหญ่เช่นนี้ ครั้งนี้ร้านจิ่นฝูจะต้องหายไปจากเมืองหลวง บอกว่าจะต้องยึดทรัพย์สินของร้านจิ่นฝูและร้านฝูจิ่น ทุกคนในร้านจิ่นฝูทั้งหมดจะต้องถูกตัดหัว คนแก่ สตรีและเด็กของตระกูลหลี่จะต้องถูกเนรเทศทั้งหมด

เช่นนี้ถึงจะคู่ควรสาสมกับผู้ตาย

โหยวไท่ซือร้องไห้อยู่ในท้องพระโรงอย่างเจ็บปวดใจ ท้องพระโรงที่เงียบสงบในตอนแรกถูกสองคนนี้ร้องห่มร้องไห้ตะโกนจนกลายเป็นเหมือนตลาดผักแล้ว

ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะว่าฮ่องเต้ทนความรำคาญไม่ได้จนต้องรีบออกจากท้องพระโรง เกรงว่าสองคนนี้จะต้องร้องไห้ฟูมฟายไม่จบไม่สิ้นแล้ว

เมื่อมาถึงพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนยังไม่ทันที่จะก้าวเข้าประตู ฉินเย่จือก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากด้านในตำหนักแล้ว

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด