ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1608 เข้าใจถึงสาเหตุ
บทที่ 1608 เข้าใจถึงสาเหตุ
……….
บทที่ 1608 เข้าใจถึงสาเหตุ
จือฉินรู้สึกเสียวสันหลังวาบบาดแผลและความกลัวในจิตใจสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้
“บ่าวรู้เพคะ”
นางหยิบยาทามาจากโหยวกุ้ยเฟย และเดินกะโผลกกะเผลกออกจากตำหนักไป
ทุกคนในวังเห็นและได้ยินอย่างชัดเจน แต่ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นและไม่ได้ยิน ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
หลังจากจือฉินจากไปแล้ว จือซูหนึ่งในสาวใช้ข้างกายโหยวกุ้ยเฟยก็เดินเข้ามาพร้อมอ่างล้างหน้า
……
ด้านกู้เสี่ยวหวาน หญิงสาวรอคอยข่าวคราวจากถานอวี้ซูที่บ้าน หลังจากรอมาครึ่งค่อนวัน และไม่เห็นมีวีแววที่ถานอวี้ซูจะกลับ นางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหม่นหมอง
กู้เสี่ยวหวานพลันใจไม่ดี จิตใจฟุ้งซ่านคิดว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเป็นแน่
เป็นดังที่คิดเอาไว้ ก็ได้ยินถานอวี้ซูเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ กองกำลังรักษาความสงบ แม้แต่จะเข้าก็เข้าไปไม่ได้”
เดิมที หลังจากที่ถานอวี้ซูได้รับข่าวจากกู้เสี่ยวหวาน เพียงแค่ขอให้รองผู้บัญชาการเฉินเดินต่อไป
รองผู้บัญชาการเฉินได้รับคำสั่งจากแม่ทัพถาน เมื่อได้รับคำสั่งจากเด็กสาวเมื่อใดก็จะตรงไปที่กองกำลังรักษาความสงบทันที
จะรู้ได้อย่างไร คราวที่แล้วพวกเขายังสามารถเข้าไปกองกำลังรักษาความสงบได้ มาคราวนี้แม้แต่เฉียดเข้าไปใกล้ยังทำได้ยากเย็น
เซี่ยงหย่วนหลินตรงไปที่กองบัญชาการด้านนอก และปฏิเสธคำขอของรองผู้บัญชาการเฉินเหมิ่ง
ทั้งยังบอกว่าด้านในเต็มไปด้วยฆาตกรโหดเหี้ยม และคดีนี้จะต้องได้รับการสืบสวนเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิต และคืนความสงบสุขให้กับราชวงศ์ชิง
ทั้งยังบอกด้วยว่าผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้าออกตามอำเภอใจ เพราะจะส่งผลต่อการตัดสินคดีของพวกเขา นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าหากส่งผลกระทบต่อการตัดสินของพวกเขา คนดีถูกทำร้าย คนเลวถูกไว้ชีวิต พวกเขาไม่สามารถแบกรับความผิดดังกล่าวได้ และฮ่องเต้มอบภาระหน้าที่นี้ให้กับพวกเขาเพื่อคืนความสงบสุขให้กับเมืองหลวง
ประโยคสองประโยคนี้ ล้วนแต่กล่าวถึงฮ่องเต้ เฉินเหมิ่งก็พูดไม่ออก และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไป
ถานอวี้ซูเห็นว่าไม่มีข่าวคราวใด ๆ จึงทำได้เพียงนำเรื่องนี้มาบอกกล่าวกู้เสี่ยวหวาน
“ท่านพี่ ตอนนี้เราไม่แม้แต่จะเข้าไปในกองกำลังรักษาความสงบได้ เซี่ยงหย่วนหลินต้องการแก้แค้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน ตอนนี้เราคงต้องร่วมมือกัน” ถานอวี้ซูถามอย่างกระตือรือร้น
“ข้าไปตระกูลหลี่ก่อน ข้าต้องไปดูว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง” กู้เสี่ยวหวานพูด
พวกเขามาถึงตระกูลหลี่อย่างรวดเร็ว
ภายในตระกลูหลี่เงียบสงบราวกับร้างผู้คน โค่วไห่กำลังนั่งอยู่ที่ลานบ้าน เช็ดดาบในมือ ในช่วงวันนี้ เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องดูแลความปลอดภัยของตระกูลหลี่ ดังนั้นจึงมาที่นี่ตลอด
“คุณหนู จวิ้นจู่ ท่านมาแล้ว” โค่วไห่ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงรีบเปิดประตูอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวาน รอยยิ้มกว้างพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เมื่อเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวานที่มาแล้วคนรับใช้ตระกูลหลี่จึงกล่าวมาอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “ฮูหยิน ฮูหยิน เสี้ยนจู่มา เสี้ยนจู่มาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินหลี่กับหลี่เมี่ยวเมี่ยวประคองฮูหยินเฒ่าเดินออกมา ตอนเห็นกู้เสี่ยวหวานใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสุข “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน”
กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางสนิทสนมของพวกเขา รู้ว่าพวกนางต้องอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของหลี่ฝานแน่นอน แต่
กู้เสี่ยวหวานฝืนยิ้มและก้าวไปข้างหน้า “ฮูหยินเฒ่า ฮูหยิน เมี่ยวเมี่ยว”
ฮูหยินหลี่เห็นกู้เสี่ยวหวานน้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตา “เสี้ยนจู่ ได้ยินมาครั้งที่แล้วเป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้ ข้าเองก็แก่มากแล้ว หากจะตายก็ต้องตาย อันตรายขนาดนี้แต่ท่านก็ยัง… มันทำให้ข้ารู้สึกเกรงใจนัก”
ฮูหยินเฒ่าพูดด้วยความซาบซึ้งใจ กู้เสี่ยวหวานจึงรีบพูดว่า “ฮูหยินเฒ่าอย่าพูดเช่นนั้นเลย ท่านลุงปฏิบัติต่อข้าเหมือนเป็นลุงแท้ ๆ ท่านก็เหมือนท่านย่าของข้าด้วย”
“เฮ้อออ” ฮูหยินหลี่ปาดน้ำตา “เกิดเรื่องใหญ่กับฝานเอ๋อรเช่นนี้ แม้แต่ครอบครัวเราก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ได้ยินจากเมี่ยวเมี่ยวว่าเจ้าต้องเสาะหาหนทางต่าง ๆ นานา เสี่ยวหวาน ลำบากเจ้าแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ลำบากเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้นางยังคิดวิธีดี ๆ ในการช่วยหลี่ฝานไม่ได้
หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด หากหาตัวฆาตกรไม่ได้ ก็เท่ากับว่าหลี่ฝานยังเป็นผู้ต้องสงสัย และอาจกลายเป็นอาชญากรในสักวัน
กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาคิดเรื่องของคนอื่น จึงจับมือฮูหยินหลี่และพูดว่า “ฮูหยินหลี่ ก่อนเกิดเรื่อง ท่านลุงได้บอกอะไรกับท่านบ้างหรือไม่”
“เรื่องอะไรงั้นหรือ” ฮูหยินถามกลับ
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ร้านจิ่นฝูหรือไม่ ท่านลุงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม
ก่อนที่อู๋เทียนจะไปก็ทรยศร้านจิ่นฝูแล้ว เขาไม่ได้พูดอะไรกับท่านลุงหลี่หรือ
“ไม่มี” ฮูหยินหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างได้ “ใช่แล้ว ก่อนจะเกิดเรื่องเขาบอกว่าในอนาคตกลัวว่ากิจการของร้านเราจะไม่ดี”
“กลัวว่าในอนาคตกิจการจะไม่ดีหรือ?” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้วและพึมพำ หากแต่ยังไม่เข้าใจความหมาย “หมายความว่าอย่างไร”
“ตอนนั้นข้าไม่ได้ถามอะไรมาก” ฮูหยินหลี่รู้สึกเสียใจ เรื่องของกิจการนางไม่เข้าใจเลย และหลี่ฝานก็ดูแลด้วยตัวเองทั้งหมด ตอนนี้ที่กู้เสี่ยวหวานถามตัวเองในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ และไม่สามารถช่วยนางได้ ไม่แม้แต่จะช่วยสามีตนเองได้เลย
ฮูหยินหลี่โทษตัวเองอย่างมาก
“ฮูหยินหลี่ ท่านอย่าเศร้า ข้าแค่ถามไปอย่างนั้น” เมื่อเห็นนางกำลังโทษตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็จับมืออีกฝ่ายแล้วพูดปลอบโยนว่า “ช่วงนี้ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลามาหาพวกท่าน พวกท่านต้องระวังตัวเอาไว้ให้มาก ตระกูลโหยวมีคนถือหางอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาทำเรื่องอะไรไว้บ้าง ช่วงนี้พวกท่านก็อย่าออกไปข้างนอก ข้าให้โค่วไห่อยู่ดูแลพวกท่าน เขามีศิลปะป้องกันตัวสามารถปกป้องพวกท่านได้”
“เฮ้อ พวกเราเข้าใจแล้ว เสี่ยวหวาน เจ้ารีบก็ไปเถอะ เจ้าเองก็ต้องรักษาสถานะของตนเองไว้เช่นกัน” หัวใจของฮูหยินหลี่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดว่ากู้เสี่ยวหวานก็เป็นเจ้าของร้านจิ่นฝูด้วย
ถ้ากู้เสี่ยวหวานสารภาพไป และถูกจับไปจะทำอย่างไร
พวกเขาพูดคุยกันอีกสองสามประโยค ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครในตระกูลหลี่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของหลี่ฝาน และกู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้พูดถึงเช่นกัน
สถานการณ์ปัจจุบันของลุงหลี่ นางมิอาจล่วงรู้ได้
ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี นางต้องหาตัวบงการของเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และให้ความยุติธรรมกับท่านลุง หลังจากกลับมาที่สวนชิง นางก็ไปหาเสี่ยวเซิ่งจื่อทันที เรื่องที่อู๋เทียนทรยศร้านจิ่นฝูแล้วไปที่ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ เสี่ยวเซิ่งจื่อเองก็ยังไม่ชัดเจน
……….
Comments