ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1610+1611 รักครั้งที่สองของเซี่ยงหย่วนหลิน/ถังอี้
บทที่ 1610+1611 รักครั้งที่สองของเซี่ยงหย่วนหลิน/ถังอี้
……….
บทที่ 1610 รักครั้งที่สองของเซี่ยงหย่วนหลิน
สิ่งที่โชคร้ายที่สุดก็คือลวี่เทา หลายปีมานี้อยู่แต่เมืองหลิวเจียแทบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด แม้ว่าน้องสามไม่ไปหาก็ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ ในเมื่อยังคบชู้อยู่ที่เมืองหลวง ทั้งยังสวมหมวกเขียวให้กับน้องสาม และกลายเป็นพ่อของคนอื่นอีก
แต่สิ่งนี้มันคือ…
ความอัปยศอดสูครั้งใหญ่หลวงของลูกผู้ชาย
แต่แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ…
ตระกูลกัวร่ำรวย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าตนเองไม่ได้มีฐานสูงส่ง แต่เพราะว่าความร่ำรวยมั่งคั่งจึงไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนมกับขุนนางมากมายหลายคน อีกทั้งการเลื่อนขั้นในก่อนหน้านี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลกัวไม่มากก็น้อย
ก็เป็นเพราะว่ารู้จักขุนนางมากมายพวกเขาถึงก้าวหน้าขึ้นได้เพียงทีละก้าว ๆ
ตลอดปีที่อยู่ภายใต้บุญคุณของตระกูลกัว สำหรับผู้ชายที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง มันเป็นเพียงความอับอายในความอัปยศ
เซี่ยงหย่วนหลินมองหาโอกาสอยู่ตลอด แน่นอนว่าเขาพึ่งพาตัวเองจนลืมตาอ้าปากได้และเฟื่องฟูขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว
มันดีมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของกองกำลังรักษาความสงบ ต่างกันแค่เพียงคำเดียว แต่ยศทางขุนนางนั้นกลับต่างกันมาก
กองกำลังรักษาความสงบสามารถเข้าวังได้
มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมืองหลวงทั้งหมด หากฮ่องเต้ต้องการทราบความเป็นไปและปัญหาในเมืองหลวงก็จะให้กองกำลังรักษาความสงบเข้าวังเพื่อซักถาม
ในฐานะที่เขาเป็นรองผู้บัญชาการ นอกจากจะเดินเข้า ๆ ออก ๆ ในเมืองหลวงทุกวันแล้ว ไหนเลยจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้
หากเป็นผู้บัญชาการแล้วก็สามารถเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ เมื่อได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ก็จะพึ่งความสามารถและสติปัญญาของเขา จะไม่เอาหนีปิ่งที่รู้จักแต่การฆ่าคนตัดหัวลงหลุมคนนั้นเข้าไป เมื่อถึงเวลานั้นฮ่องเต้ก็จะเห็นตระกูลกัวอยู่ในสายตา
เมื่อนึกถึงภรรยาที่อ้วนเหมือนหมูที่อยู่บ้าน พอโกรธขึ้นมาก็มักจะดึงหูเขาบ่อย ๆ ในใจเซี่ยงหย่วนหลินรู้สึกคลื่นไส้มาก
ถ้าหากว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งพรวดพราดรวดเร็ว ก็ไม่ต้องมองหน้าตระกูลกัวอีกต่อไปแล้ว เขาคิดเช่นไรก็จะทำเช่นนั้น
เซี่ยงหย่วนหลินตื่นเต้นไม่หยุด แม้แต่ร่างกายที่คุกเข่าอยู่นั้นก็สั่นเทาเล็กน้อย
ซูหลินไม่รู้ว่าเซี่ยงหย่วนหลินกำลังมีความคิดหลายอย่างอยู่ในใจ จึงดึงเซี่ยงหย่วนหลินขึ้นและพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ทำเรื่องแทนซื่อจื่ออย่างข้าไม่เพียงต้องใช้วิธีคล่องแคล่ว แต่ยังต้องมีความรอบคอบด้วย หากเจ้าไม่เข้าใจ ข้าซื่อจื่อจะบอกเจ้าเอง แม้กู้เสี่ยวหวานผู้นั้นเป็นของล้ำค่า แต่ซื่อจื่ออย่างข้าก็ดูถูกนางไปแล้ว เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าควรทำอย่างไร”
คำพูดของซูหลินทำให้เซี่ยงหย่วนหลินครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะรีบพยักหน้าและพูดว่า “ข้าน้อยรู้แล้ว ขอให้ซื่อจื่อวางใจ ข้าน้อยจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีแน่นอน”
“ดีดีดี ไม่เลว ซื่อจื่ออย่างข้าไม่เคยเห็นเจ้าลิ้มรสผู้หญิงคนอื่น ซื่อจื่ออย่างข้าก็จะไม่เอาความการหยาบคายของเจ้าในเมื่อครู่นี้” ซูหลินตบหน้าอกของเซี่ยงหย่วนหลิน แสดงความภูมิใจออกมาทางสายตาและพูดว่า “หญิงผู้นี้เป็นที่น่าตะลึงบนโลกมนุษย์ มีหน้าอก เอวคอดและใบหน้ารูปไข่ที่งดงาม ของเช่นนี้ล้วนกระตุ้นความอยากครอบครองของผู้ชาย ใต้เท้าเซี่ยง หญิงโหดที่บ้านเจ้าผู้นั้น เหอะเหอะ ไหล่กว้าง เอวหนาเตอะ ดุร้าย ใต้เท้าเซี่ยง ช่างน่าเห็นใจเจ้าจริง ๆ”
“ท่านซื่อจื่อ ข้าน้อย…” เซี่ยงหย่วนหลินไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
หลายปีมานี้ เขาคุ้นชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว แต่เมื่อซูหลินพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
“ใต้เท้าเซี่ยง ท่านดูสิ หญิงงามคนนั้นเป็นอย่างไร” ทันใดนั้นซูหลินก็ถามขึ้น เมื่อเห็นหญิงคนเมื่อครู่เดินเข้ามาอีกครั้ง
เซี่ยงหย่วนหลินหันกลับไปก็เห็นหญิงผู้นั้น ใบหน้าอมชมพู ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ฟันขาวใส ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาสวยหยาดเยิ้ม ตอนนี้มองเซี่ยงหย่วนหลินด้วยความรู้สึกรักใคร่ ราวกับว่าจะดูดวิญญาณเซี่ยงหย่วนหลินไป
เซี่ยงหย่วนหลินกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ซูหลินที่มองอยู่ก็ดีใจไม่หยุด “ใต้เท้าเซี่ยง สาวงามผู้นี้ตอนนี้ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ คืนนี้ก็มอบให้ใต้เท้าแล้วกัน”
“ท่านซื่อจื่อ นี่…” แม้ในใจเซี่ยงหย่วนหลินจะอยากลิ้มรสชาตินั้นเพียงใด แต่ก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ เพราะภรรยาที่บ้านดุร้ายราวกับเสือ
“ที่บ้านข้าน้อย…” กลางคืนไม่สามารถออกไปได้
“ใต้เท้าเซี่ยงวางใจ ข้าจะส่งคนไปที่จวนตระกูลกัวแล้วให้บอกว่าซื่อจื่อมีเรื่องสำคัญจะหารือกับเจ้า เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาคงจะดีใจมาก เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ใต้เท้าเซี่ยงคนในบ้านเจ้าผู้นั้นหาที่นี่ไม่พบเป็นแน่ ห้องรับรองด้านข้างนี้มีเตียง ใต้เท้าเซี่ยงสามารถมีความสุขเพลิดเพลินได้ที่นี่ ไม่ต้องห่วง” ซูหลินกระตุกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นไม่อาจคาดเดาความหมายได้
สายตาคู่หนึ่งมองไปมาที่ร่างกายผู้หญิงคนนั้นกับเซี่ยงหย่วนหลินอย่างคลุมเครือ จากนั้นก็เดินจากไปโดยทิ้งทั้งสองคนไว้ในห้อง
ก่อนจากไปก็ไม่ลืมที่จะพูดว่า “ใต้เท้าเซี่ยงนี่คงเป็นคืนส่งตัวเข้าหอ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตในอนาคต เพลิดเพลินกับมันอย่างทำผิดพลาดล่ะ”
จิตใจเซี่ยงหย่วนหลินเต็มไปด้วยความสุข แต่ไหนแต่ไรมาคิดไม่ถึงเลยว่าซื่อจื่อที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา บอกว่าจะมอบสิ่งที่เขาต้องการ ทำให้เขาได้ระบายความกลัดกลุ้มในตระกูลกัว
สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่การเหยียบย่ำคนในตระกูลกัวแต่ให้อยู่ใต้เท้าของตนหรอกหรือ
ตราบใดที่ยังเป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะต้องลุยน้ำลุยไฟก็ต้องเดินทางนี้ให้ได้
สายตาของผู้หญิงคนนั้นเลือนราง ถอดเสื้อตัวนอกออกเชื่องช้า ข้างในมีเสื้อบาง ๆ หนึ่งชั้น เผยให้เห็นผ้าที่ปิดสะดือหน้าท้องและกางเกงชั้นใน เอวคอดงดงามทำให้เลือดพลุ่งพล่านสูบฉีด
ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือออกมา แขนเสื้อเปิดกว้างก็ลื่นไหลลงมาเรื่อย ๆ มือที่ขาวโอบไหล่เซี่ยงหย่วนหลิน และริมฝีปากสีชมพูขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น เมื่อเห็นท่าทางที่มึนงงของเซี่ยงหย่วนหลินจึงหยุดนิ่ง พลางหัวเราะเขินอาย “ใต้เท้าเซี่ยง ท่านเป็นอะไรไป เป็นเพราะข้าไม่งามหรือ”
เซี่ยงหย่วนหลินไม่เคยสัมผัสผู้หญิงคนอื่นมาก่อน และเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากภรรยาของเขาอย่างสิ้นเชิง
ผู้หญิงคนนี้สวยสดงดงาม น่ารักอบอุ่น ลมหายใจหอมเหมือนกล้วยไม้ ออดอ้อนอย่างเป็นธรรมชาติ
เหมือนไฟเหมือนน้ำ ราวกับน้ำแข็งปะทะเปลวเพลิง ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในน้ำแข็ง สักพักทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในน้ำ
ร่างกายแข็งทื่อจนไม่สามารถขยับตัวได้เลย เขารู้เพียงว่าความกระสันทั้งหมดในร่างกายของเขากำลังพุ่งไปที่ใดที่หนึ่ง
……
บทที่ 1161 ถังอี้
“ข้างามแล้วเหตุใดใต้เท้าไม่จูบข้าละ ปากข้าหอมมากนะ ใต้เท้าไม่อยากลองหรือ” หญิงผู้นั้นคายกานพลูออกมาเผยให้เห็นเรียวลิ้นสีแดงนุ่ม จากนั้นก็ไล้ลิ้มฝีปากเป็นวงกลม ดูเย้ายวน
เซี่ยงหย่วนหลินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง
ในขณะที่เขาจะเอ่ยปากพูด ก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างตีบตันอยู่ที่ลำคอ ทำให้เซี่ยงหย่วนหลินกลืนสิ่งที่อยากพูดในเมื่อครู่ลงไป
เขากลืนน้ำลายอีกครั้งและอุ้มผู้หญิงคนนั้นตรงเข้าไปในห้องข้างใน
ครั้นบุคคลที่อยู่นอกหน้าต่างเห็นการกระทำของทั้งสอง ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำลามไปยังใบหู และไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป เขากระโดดเข้าไปในตรอกแคบที่มีขนาดเท่ากับคนเดียวผ่าน ไม่นานก็มองไม่เห็นเขาอีกต่อไป ใบหน้าของเขาร้อนแผ่วราวกับถูกน้ำร้อนลวก
คนผู้นั้นกำผ้าเช็ดหน้าแน่นจนยับยู่ยี่และขาดออกจากกัน ที่แท้คือถังอี้ เขารีบเดินเข้าไปในตรอกแคบ ๆ วิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
คนนั้นหยุดอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง มองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เคาะประตู ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างใน ถังอี้ก้าวขาเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วถามว่า “ใต้เท้าสบายดีหรือไม่”
ที่ด้านนอกประตูมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่สองตัว ‘จวนหนี’
“หลังจากที่ใต้เท้าตื่นขึ้นมาก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
เมื่อคนคนนั้นตอบ ถังอี้ก็ตอบรับในลำคอ แล้วรีบเดินตามคนเดินนำเข้าไปยังห้องของหนีปิ่ง
เมื่อเข้ามาถึงห้องก็เห็นเพียงหนีปิ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะและถือหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม เมื่อเห็นท่าทางที่สุขใจร่าเริงของเขาแล้ว ไหนเลยจะเหมือนคนที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปก่อนหน้านี้
“ใต้เท้า” ถังอี้ประสานมือแล้วหันไปทำความเคารพหนีปิ่ง
เมื่อหนีปิ่งเห็นเขามาจึงรีบถาม “เจ้ามีเรื่องอะไร”
“ใต้เท้า” ถังอี้เล่าทุกเรื่องที่เซี่ยงหย่วนหลินในกองกำลังรักษาความสงบรวมถึงเรื่องที่ซูหลินพูดและทำที่ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจให้หนีปิ่งฟังอย่างละเอียด จากนั้นก็เห็นสีหน้าของหนีปิ่งกลายเป็นเขียวคล้ำ และโยนหนังสือในมือลงที่โต๊ะอย่างแรง พร้อมกับเอ่ยว่า “เซี่ยงหย่วนหลินผู้นั้นทรมานคนอื่นโดนพลการ”
“ใต้เท้า มีผู้ใดบ้างเล่าที่ทนไม่ไหวกับการถูกลงโทษอย่างหนักจึงได้รับสารภาพมาแล้ว” ถังอี้ตอบ “ดูเหมือนว่าซื่อจื่อน้อยผู้นั้น ต้องการจะจับเสี้ยนจู่เข้าห้องขังและให้เซี่ยงหย่วนหลินไว้ชีวิตนาง เพราะนางยังมีประโยชน์ ลูกจ้างคนนั้นสารภาพว่าอาหารใหม่ที่เปิดตัวในร้านจิ่นฝู ล้วนเป็นความคิดของเสี้ยนจู่อันผิงท่านนี้”
“หึ ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจเปิดมาหลายปีแล้ว แต่มันเป็นเพียงการลอกเลียนแบบผู้อื่น แต่ครั้งนี้เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ซูหลินผู้นั้นหนีจากร้านจุ้ยอวี้กู่ไจไม่พ้นแน่” หนีปิ่งอุทานขึ้นอย่างเย็นชา
“นายท่าน อย่างนั้นพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป” ถังอี้ถามอย่างกังวลเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้แม่ทัพถานเคยกำชับข้าไว้ว่าดูแลหลี่ฝานให้ดี แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นขาข้าก็หัก ไม่สามารถไปพิจารณาคดีนี้ได้ เซี่ยงหย่วนหลินจึงฉวยโอกาสนี้ และลงโทษพวกเขาโดยพลการ ตอนนี้ชีวิตหลี่ฝานเป็นตายไม่แน่นอน ข้าจึงได้แต่ขอโทษสำหรับความไว้วางใจของแม่ทัพถาน เฮ้อ…” หนีปิ่งถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า “เจ้าไปจวนแม่ทัพถานเถอะ ไปหารองผู้บัญชาการเฉิน และบอกสิ่งที่เจ้าได้ยินได้เห็นในวันนี้ให้รองผู้บัญชาการเฉินอย่างละเอียด อย่าปิดบังแม้แต่คำเดียว”
ถังอี้พยักหน้า “ข้าน้อยรับทราบ”
“ใต้เท้า ข้าน้อยยังมีอีกเรื่องจะรายงาน” ครั้งก่อนที่ถังอี้อยู่คอกม้า ได้เห็นว่ามีหอมเจ็ดลี้ปะปนอยู่ในอาหารม้าส่วนหนี่ง
หอมเจ็ดลี้เป็นสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ให้คุ้มคลั่ง หลังจากที่กินเข้าไปแล้วทำให้คนหรือสัตว์เกิดอาการบ้าคลั่ง และมีอารมณ์ฉุนเฉียว
“เจ้าว่าอะไรนะ พบเห็นหอมเจ็ดลี้ที่ไม่สะอาด ทั้งยังไม่ได้ถูกทิ้งอยู่ในคอกม้าข้า” เมื่อหนีปิ่งได้ยินสีหน้าพลันมืดมิดเหมือนก้นหม้อ เขากำหมัดแน่นทุบโต๊ะเสียงดัง และพูดอย่างเคียดแค้น “เซี่ยงหย่วนหลินผู้นี้ช่างกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ๆ”
“ใต้เท้า เรื่องของร้านจิ่นฝูนี้ไม่ง่ายเลย เถ้าแก่หลี่ทุ่มเทกับร้านนี้มาตลอดชีวิต แต่ตอนนี้กลับลงมือฆ่า หลังจากใช้การลงโทษอย่างรุนแรงจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีผู้ใดปริปากเรื่องวางยา ข้าน้อยคิดว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกประหลาด เกรงว่าพรุ่งนี้หากยังใช้การลงโทษอย่างรุนแรงอีก คนพวกนั้นจะยอมรับผิดเพราะทนกับการถูกทรมานไม่ไหว และจะกลายเป็นการใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์” ถังอี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่สบายใจ
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้ากังวล” แต่ไหนแต่ไรมาแม่ทัพถานไม่เคยมองคนผิด อีกทั้งหลายปีมานี้มีเพียงตนเองที่ไปหาแม่ทัพถาน แต่ไหนแต่ไรมาแม่ทัพถานไม่เคยเรียกหาตนเอง แต่ครั้งนี้แม่ทัพถานกลับบอกให้ดูแลตนเองดี ๆ เพียงเพราะร้านอาหารร้านหนึ่ง
ก็แสดงว่าแม่ทัพถานเชื่อว่าหลี่ฝานผู้นี้ไม่ได้ทำผิด
……….
Comments