ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1612 ตามหาคน
บทที่ 1612 ตามหาคน
……….
บทที่ 1612 ตามหาคน
แม่ทัพถานตาลุกเป็นไฟด้วยความเข้าใจหลี่ฝานในวันนั้น คนผู้นี้เป็นคนที่ซื่อสัตย์และซื่อสัตย์ต่ออาชีพตนเอง มีจิตใจที่ดีงามและมีความเชี่ยวชาญ เขาจะทำเรื่องอุกอาจเช่นนั้นได้อย่างไร
เฮ้อ เพียงแต่ตอนนี้หากพูดมากเกินไป และยังหาฆาตกรตัวจริงไม่พบ ทุกคนในห้องขังจะตกอยู่ในอันตราย
“เจ้ารีบไปเสียเถอะ ข้าเกรงว่าหากช้าไปกว่าหนึ่งก้าว พรุ่งนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และไม่รู้ว่ามีกี่คนเข้าไปพัวพันเรื่องนี้” หนีปิ่งจิตใจห่อเหี่ยว จึงรีบสั่งให้ถังอี้ออกไป
ทั้งห้องเหลือเขาเพียงคนเดียว หนีปิ่งก็ทุบที่ขาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือจับที่ราวเก้าอี้ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมาในห้องราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
หนีปิ่งกระตุกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย เซี่ยงหย่วนหลินผู้นั้นคิดจริง ๆ หรือว่าใส่หอมเจ็ดลี้ลงไปในหญ้าเลี้ยงสัตว์แล้วจะเอาชนะตนเองได้
อีกฝ่ายเป็นเพียงรองผู้บัญชาการ ดูหมิ่นผู้บัญชาการอย่างตนที่ออกรบฆ่าฟันคนบนหลังม้าคนนี้มากเกินไปแล้ว
เดิมทีม้าตัวนั้นตนเป็นคนเลี้ยงจนเชื่อง และอยู่กับเขามาหลายปี เขาเห็นความผิดปกติของมันตั้งนานแล้ว เพียงแต่เก็บเงียบไว้และปล่อยไปตามสถานการณ์เท่านั้น
เซี่ยงหย่วนหลินผู้นั้นเห็นตนหมดสติไปไม่ฟื้น จึงรีบเข้ามายึดคุมอำนาจ บอกว่าจะรีบตามหาฆาตกรให้เร็วที่สุด และรีบผลักตนเองให้ออกมาไกล ๆ
เซี่ยงหย่วนหลินผู้นี้ เดิมทีไม่พูดไม่จานิ่งเงียบมาตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะทำเช่นนี้ได้
หึ หมาป่าตาขาวจะมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างงั้นเรอะ และหนีปิ่งไม่คิดว่าวิธีคิดของคนผู้นี้จะแนบเนียนไม่มีที่ติ ไม่แน่ว่าหลินซื่อจื่อน้อยผู้นั้นอาจจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็เป็นไปได้
หลินซื่อจื่อน้อยบอกแล้วไม่ใช่หรือ
หลังเสร็จสิ้นเรื่องนี้ ตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบก็จะเป็นของเซี่ยงหย่วนหลิน
นี้มันคือเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้หนีปิ่งยังไม่กล้าตัดสินใจ แต่ตำแหน่งผู้บัญชากองกำลังรักษาความสงบ ต้องเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง เขาจะปล่อยให้คนโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างเซี่ยงหย่วนหลินครอบครองมันได้อย่างไร
เมืองหลวงแห่งนี้เป็นบ้านเมืองของโอรสสวรรค์ กองกำลังรักษาความสงบปกป้องทุกคนที่อยู่ในเมืองหลวงทุกตารางนิ้ว หากเกิดการก่ออาชญากรรม คนของกองกำลังรักษาความสงบจะไปตรวจสอบให้เข้าใจชัดเจน เขาจะไม่ปล่อยให้คนเลวลอยนวลแน่นอน และไม่ปล่อยให้คนดีได้รับความไม่ยุติธรรม การให้ทุกคนมีสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมนั้น เป็นเรื่องที่กองกำลังรักษาความสงบสมควรทำ
ยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหว เรื่องนี้มีเพียงคนชั้นต่ำที่สามารถทำได้ อีกทั้งยังเกิดเรื่องเพราะถูกผู้มีอำนาจกดดัน หากคนอื่นได้ยินก็จะคิดว่ากองกำลังรักษาความสงบแห่งนี้ฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้า บอกว่ากองกำลังรักษาความสงบไม่ดีพอ ๆ กันกับฮ่องเต้ที่ไม่ดี
เขาจะไม่ให้คนเหล่านี้และเรื่องพวกนี้มีอิทธิพลกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และยังมีผู้สำเร็จราชการ…
นี่เป็นแผ่นดินที่อสูรหน้าหยกผู้นั้นแทบจะสละชีวิตแลกมันมา แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หลายปี แต่กลับบูชาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เหมือนเทพเจ้า เมื่อก่อนเขาเคยติดตามกองทัพไปฆ่าคน อสูรหน้าหยกผู้นั้นขี่ม้าศึก เป็นคนแรกที่พุ่งเข้าหาศัตรู ชั่วพริบตาเสื้อเกราะก็เต็มไปด้วยเลือดเปียกโชก
แต่ว่านี่ไม่ได้มีอิทธิพลกับอสูรหน้าหยกที่มีฐานะสูงส่ง
ยังมีฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้อายุยังน้อยแต่กลับมีทัศนคติที่ชัดเจน แต่งตั้งคนตามสมควร คนที่มีความสามารถมีความรู้รอบตัวและคนทั่วไปได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ฉวยโอกาสและทำเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้ว่าไม่ได้ตรวจสอบ แต่จะไม่มีวันปล่อยคนเช่นนี้ที่เอาตัวรอดไปวันๆ
ยศตำแหน่งสิ่งที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้ แน่นอนว่าเขาต้องช่วยฮ่องเต้ดูแลทุกคนให้ดี เขาไม่สามารถให้คนมาทำลายชื่อเสียงกองกำลังรักษาความสงบได้ตามอำเภอใจ ไม่มีทาง!
หนีปิ่งขมวดคิ้วมุ่น กำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ไม่นานหนีปิ่งก็เข้าไปในห้อง ผ่านไปครู่เดียวก็วิ่งออกมา แต่งกายด้วยชุดสีดำสนิท ทั้งตัวท่อนบนถูกรัดอย่างแน่นหนาจนเหลือไว้เพียงดวงตา
ในชั่วพริบตา ร่างกายที่แข็งแรงกระฉับกระเฉงก็หายไป
และในตอนนี้อาโม่ก็สวมชุดดำรัดกุม เฝ้าร้านจุ้ยอวี้กู่ไจอยู่ด้านนอกเช่นกัน
ตอนนี้ใกล้จะรุ่งสางแล้ว บนท้องถนนนิ่งเงียบไร้ผู้คน แต่ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจยังคงมีไฟสว่างไสว และมีคนขี้เมาสองสามคนที่แต่งตัวงดงามเดินออกมาจากข้างในด้วยท่าทางเมามาย “ข้าไม่เมา ข้ายังดื่มได้อีก ดื่มอีก ดื่มอีก”
ไม่นานร้านจุ้ยอวี้กู่ไจที่ครึกครื้นก็ค่อย ๆ เงียบลง หลังจากนำเอาป้ายมาแขวนไว้หน้าประตูว่าปิดร้าน คนในร้านก็กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดร้านจุ้ยอวี้กู่ไจ อาโม่รออยู่ข้างนอกตลอดพร้อมกับดวงตาที่จ้องไม่กะพริบ แต่กลับไม่เห็นมีคนออกมาจากข้างในเลย
คนนั้นที่ชื่ออู๋เทียน เขาเคยพบอีกฝ่ายมาหลายครั้ง และเขาเองก็รู้จักอีกฝ่าย
เมื่อทำความสะอาดเก็บกวาดข้างในร้านจุ้ยอวี้กู่ไจเสร็จ ลูกจ้างในร้านก็ทยอยกันกลับไป หากแต่อู๋เทียนยังไม่มีวี่แววจะออกมา
จนกระทั่งไฟในร้านจุ้ยอวี้กู่ไจถูกดับจนหมด อาโม่ก็ยังไม่เห็นอู๋เทียนผู้นั้น
“เป็นไปไม่ได้ที่จะไปแล้ว” อาโม่ยืนเฝ้าอยู่บริเวณนั้นตลอดเวลา แม้แต่ตาก็ไม่ได้กะพริบ เป็นไปไม่ได้ที่อู๋เทียนผู้นั้นจะออกไปต่อหน้าต่อตาได้
หรือว่ายังอยู่ข้างใน
อาโม่กวาดสายตามองดูรอบ ๆ ชุดสีดำสนิทท่ามกลางความมิดมืด ทำให้ผู้คนมองเห็นได้ไม่ชัด และเขาก็เข้าไปในร้านจุ้ยอวี้กู่ไจแล้ว
ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจมีขนาดกว้างขวาง มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นสามใช้เป็นห้องรับรองสำหรับคนในจวนหมิงอ๋องเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและจัดอาหารเครื่องดื่ม หากว่าอู๋เทียนผู้นั้นยังไม่ได้จากไป เป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่ที่นี่ ส่วนชั้นสองเป็นห้องใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา นอกจากนี้ ตอนที่เขากินข้าวอยู่ที่นี่ก็เคยแอบไปตรวจสอบชั้นสองแล้ว ซึ่งไม่มีที่ให้ผู้ใดนอนได้
และชั้นหนึ่ง ด้านหลังห้องครัวมีห้องเก็บฟืน ข้างในเป็นห้องอเนกประสงค์ ไม่แน่อาจจะมีคนซ่อนอยู่
อาโม่ลองคิดดู แล้วเดินออกไปทางหลังครัว แน่นอนว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องเก็บฟืน ก็พบคนสองคนนั่งหลับอยู่ที่หน้าประตูพร้อมเสียงกรนสนั่น
หน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่สองคน
อาโม่สังหรณ์ใจว่าข้างในนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่เห็นไม่ได้ซ่อนอยู่แน่นอน
อาโม่แตะไปที่จุดฝังเข็มของทั้งสองคนอย่างง่ายดาย และผลักประตูเข้าไปในห้องเก็บฟืน
ในห้องเก็บฟืนมืดสนิท บริเวณรอบ ๆ ไม่มีหน้าต่าง มีกองฟืนใหญ่ที่วางกันเป็นกอง ๆ อย่างเรียบร้อย หลังจากที่อาโม่เข้ามาแล้ว อาโม่ก็จุดคบไฟแล้วเดินเข้าไป เขาเดินไปเงียบ ๆ ทีละก้าว เดินเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ
เสียงด้านในค่อย ๆ ดังขึ้นและยังรู้สึกได้อีกว่าคนผู้นี้ขดตัวหลบอยู่มุมหนึ่ง ด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
……….
Comments