ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1617 เขาเกลียดนาง
บทที่ 1617 เขาเกลียดนาง
……….
บทที่ 1617 เขาเกลียดนาง
เนื่องจากความสูงและขาที่ยาวของเขา ทุกย่างก้าวเขาจึงทิ้งคนรับใช้ไว้ข้างหลัง ด้วยท่าทางที่กระตือรือร้นนั้นทำให้คนรับใช้รู้สึกร่าเริง
คนผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญยิ่งในหัวใจของจวิ้นจู่ ถ้าเขามาหาจวิ้นจู่ด้วยท่าทีกระตือรือร้นเช่นนี้ จวิ้นจู่จะต้องอารมณ์ดีมากแน่ ๆ
นิสัยของจวิ้นจู่นั้นไม่แน่นอน เมื่อใดที่รู้สึกไม่มีความสุข นางจะระบายความร้ายกาจเหล่านั้นกับเหล่าคนรับใช้ หากผู้ใดเผลอกระตุ้นให้จวิ้นจู่ขุ่นเคืองเมื่อใด ไม่ว่าจะตายหรือบาดเจ็บ จุดจบพวกเขาต่างไม่ดีทั้งนั้น
คนใช้วิ่งนำหน้าซูจือเยว่ไปทางศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ด้านตรงข้ามของจวน “นายน้อยซู เชิญทางนี้ จวิ้นจู่กำลังเพลิดเพลินกับดอกเบญจมาศอยู่ที่นี่”
จวนหมิงอ๋องมีขนาดกว้างขวางและหรูหรา ในจวนปลูกแมกไม้หายากนานาพันธ์และแปลกใหม่ที่ถูกส่งมาจากทั่วดินแดน ครั้งก่อนซูจือเยว่มอบดอกเบญจมาศหลายสิบกระถางเพื่อให้นางได้ทำการเพาะปลูก
คนสวนจวนหมิงอ๋องมีประสบการณ์มาก และดูแลดอกไม้ด้วยความใส่ใจ แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนไปทิศทางไหน ดอกเบญจมาศเหล่านี้ก็ยังคงออกดอกงดงาม
ซูจือเยว่เดินเข้ามาในขณะที่ซูหมิ่นก้มศีรษะลงสูดดมกลิ่นหอมสดชื่นจากดอกไม้ ดวงหน้าสดใสงดงาม หากแต่ความงามนั้นถูกแววตาอันดุร้ายบดบังจนแทบลดลง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูจือเยว่ขมวดคิ้วมุ่น ความรู้สึกหดหู่ก่อขึ้นในใจด้วยเหตุบางอย่าง และมันก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
รอบด้านเจือเสียงหัวเราะ ซูเฉี่ยนเยว่พูดคุยกับซูหมิ่นอยู่ในสวนดอกไม้อย่างสนุกสนานจนไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของซูจือเย่ว
ดูเหมือนว่าคนรับใช้ผู้นั้นจะไม่ได้รายงานซูหมิ่น
คนแรกที่สังเกตเห็นซูจือเย่วคือไฉ่เยว่คนรับใช้ข้างกายซูหมิ่น ครั้นนางเห็นซูจือเยว่เดินเข้ามา หัวใจของนางก็โลดแล่นรีบรุดหน้าไปรายงานซูหมิ่นทันที หลังจากได้ยินคำของคนรับใช้ซูหมิ่นก็หันกลับมาด้วยแววตาเปี่ยมความสุข และเห็นซูจือเยว่กำลังเดินมาหาตน
ใบหน้าของนางสดใสขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความตื่นเต้น และซูเฉี่ยนเยว่ที่อยู่ด้านข้างก็คลี่ยิ้มกว้าง ทั้งยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของซูจือเยว่ แต่พวกนางยังเอาแต่กระซิบกระซาบหัวเราะคิกคักสองคน และทำให้ซูหมิ่นหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
แต่หลังจากหันไปมองซูเฉี่ยนเยว่ด้วยรอยยิ้มแล้ว ก็เดินออกจากสวนดอกไม้ไปหาซูจือเยว่ด้วยความดีใจ พลางขานเรียกเสียงดัง “พี่จือเยว่!”
ไม่รู้ว่าทำไมซูจือเยว่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซูหมิ่นเขาก็คลี่ยิ้มออกมา “หมิงตูจวิ้นจู่”
“พี่จือเยว่ เหตุใดถึงยังเรียกข้าว่าจวิ้นจู่อยู่อีก?” ซูหมิ่นพูดด้วยความไม่พอใจ “ท่านเรียกข้าว่าหมินเอ๋อร์ก็ได้เจ้าค่ะ”
“หมิ่นเอ๋อร์” ซูจือเยว่กำมือแน่น พยายามบังคับให้ตนอยู่ในอารมณ์ปกติ
ซูหมิ่นเงยหน้าขึ้นมองซูจือเยว่ด้วยความประหลาดใจ “พี่จือเยว่ เมื่อครู่เรียกข้าว่าอะไรนะเจ้าคะ”
“พี่หมิ่น ท่านเป็นไข้หรือไร ท่านเป็นคนบอกให้พี่ชายเลิกเรียกท่านว่าจวิ้นจู่ พี่ชายข้าก็ทำตามที่ท่านต้องการแล้ว ท่านมีความสุขมากจนลืมสิ่งที่เพิ่งพูดไปแล้วหรือ” ซูเฉียนเยว่แหย่ซูหมิ่นจากด้านข้าง
ซูหมิ่นจ้องมองนางอย่างตำหนิ ดวงตาเปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ
“หมิ่นเอ๋อร์” ซูจือเยว่เอ่ยปากเรียกนางอีกครั้ง และรู้สึกว่าความคับแค้นในใจนี้ไม่มีท่างหายไปได้ในชั่วพริบตา
“พี่จือเยว่” ซูหมิ่นได้ยินซูจือเยว่เรียกชื่อตนอีกครั้ง ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างามยิ่ง
ชายผู้นี้มีการศึกษาโดดเด่นด้าน ทักษะศิลปะการต่อสู้สูง รูปโฉมหล่อเหลาและอ่อนโยน ชายผู้นี้เป็นชายในฝันของหญิงสาวหลายคน
นางไล่ตามมานานกว่าครึ่งปี และตอนนี้เขาเรียกตนเองว่าหมิ่นเอ๋อร์แทนที่จะเป็นหมิงตูจวิ้นจู่ ไม่ใช่ซูหมิ่น ไม่ใช่จวิ้นจู่ แต่เป็นชื่อที่มีเพียงบิดาและพี่ชายเรียกเท่านั้นที่เรียกตัวเองว่าหมิ่นเอ๋อร์
ใบหน้าของซูหมิ่นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานภายในใจ
แก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อน่าหลงใหล มือกำผ้าเช็ดหน้าราคาแพงด้วยความเขินอาย “พี่จือเยว่ ท่านพี่มาที่นี่มีอะไรงั้นหรือ”
เหตุใดเขาถึงมาโผล่ที่นี่
ซูจือเยว่พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อระงับความเกลียดชังในใจ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องการพบท่าน”
รอยยิ้มของซูหมิ่นนั้นงดงามราวกับดอกเสาเย่า และบดบังดอกไม้ที่ชูช่อเบิกบานอยู่ด้านหลังไป
ใบหน้าที่งดงามเช่นนี้ แต่ความเกลียดชังในดวงตาทำให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยงโดยไม่มีเหตุผล
คนทั่วไปมักกล่าวว่าหมิงตูจวิ้นจู่คือหญิงงามอันดับหนึ่งในต้าชิง และไม่มีใครเทียบได้ เขาไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน แค่คิดว่าความงามนั้นมาจากการแต่งหน้าเพื่อปกปิดหน้าตาเดิมของนาง
ทุกครั้งที่เห็นหมิงตูจวิ้นจู่ นางมักจะทาปากด้วยสีแดงสด ผัดแป้งหนาเตอะแทบมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง ราวกับสวมหน้า ไม่มีใครมองเห็น หรือสัมผัสตัวจริงของนางได้
อย่างไรก็ตามเขานั้นมีคนปลาบปลื้มอยู่ในใจ ริมฝีปากแดงระเรื่อสีธรรมชาติ ใบหน้าขาวสะอาดโดยไม่ต้องประโคมเครื่องสำอาง ดวงตาที่เปล่งประกาย และกลิ่นกายที่หอมกรุ่นโดยไม่ต้องใช้เครื่องหอมใด ๆ งดงามโดยธรรมชาติ
เขาสามารถเห็นภาพสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจนในดวงตาที่เปล่งประกาย ดวงตาแววระยับนั้นทำให้เขาเกิดความลุ่มหลง
ซึ่งไม่เหมือนกัน ตอนนี้ซูหมิ่นเดินเข้ามาทีละก้าว กลิ่นของแป้งฉุนเสียทำให้เขาแทบจะผงะถอยหลัง แต่ก็ยังบังคับให้ตัวเองยืนอยู่ที่เดิม เขาเห็นซูหมิ่นเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ และท้ายที่สุดนางก็หยุดลงห่างจากเขาเพียงหนึ่งก้าว
……….
Comments