ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1626 มาจับคนที่สวนชิง
บทที่ 1626 มาจับคนที่สวนชิง
……….
บทที่ 1626 มาจับคนที่สวนชิง
เรื่องทั้งหมดดูเหมือนจะอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางนี้หาคนตายไม่พบ ทางนั้นก็หาทางบุกช่วยลุงหลี่ไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
โหยวฝ่างฉินเป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบ อาโม่สะกดรอยตามเขาตลอดแต่ก็ไม่ได้รับข่าวคราวใดกลับมา
เขาไม่เคยออกนอกบ้านหรือติดต่อกับบุคคลภายนอก และแทบไม่ได้ติดต่อกับซูหลินเลยเป็นไปได้ไหมว่าเขาจะรู้ตัวว่ามีคนกำลังติดตามตนเอง
ตอนที่หัวสมองของเขากำลังฟุ้งซ่าน ฟางเพ่ยหยาก็มาที่สวนชิง
ตอนที่กู้เสี่ยวหวานเห็นฟางเพ่ยหยา ดวงตาก็เปล่งประกาย เมื่อเทียบกับครั้งล่าสุดที่พบกัน ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะน้ำหนักลงมาหลายจิน เอวเริ่มคอดกิ่ว โครงหน้าคมชัด งดงามยิ่งนัก
ถานอวี้ซูเห็นเช่นนี้ก็ดึงฟางเพ่ยหยามามองซ้ายมองขวา ชื่นชมยินดีไม่หยุด “เพ่ยหยา เจ้าผอมลงแล้วจริง ๆ งามขึ้นกว่าเดิมมาก”
ฟางเพ่ยหยาออกกำลังกายทุกวัน ไม่เคยเกียจคร้านหรือย่อท้อ มีความตั้งใจแน่วแน่ในการลดน้ำหนัก สัดส่วนเริ่มดูชัดขึ้นทำให้ดูสุขภาพดี
“ท่านพี่ อวี้ซู” ฟางเพ่ยหยายังไม่ทันที่จะแบ่งปันความสุขให้พวกนางสองคน ก็มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง “ท่านตาของข้ากล่าวว่า วันนี้ภายในราชสำนักคนของกองกำลังรักษาความสงบได้ขอพระราชโองการจากฮ่องเต้ ให้จับกุมท่านไปสอบสวน ท่านตารู้ว่าท่านได้ช่วยเหลือข้าเอาไว้มาก จึงรีบให้ข้ามาส่งข่าว”
“เหตุใดกองกำลังรักษาความสงบถึงได้ขอพระราชโองการจับตัวท่านพี่” ถานอวี้ซูถามด้วยเสียงน้ำเสียงไม่เชื่อ “กองกำลังรักษาความสงบต้องการทำอะไรกันแน่ เพื่อเรื่องเช่นนี้ถึงกับต้องขอพระราชโองการจากฮ่องเต้หรือ”
“ข้าเองไม่อาจรู้ชัด เพียงแค่ได้ยินท่านตาบอกมา ตอนที่คนของกองกำลังรักษาความสงบไปขอพระราชโองการ มีหลายคนคัดค้าน แต่ก็มีหลายคนที่เห็นด้วย” ฟางเพ่ยหยาเหลือบมองกู้เสี่ยวหวาน อึดอัดจนไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้
“เพ่ยหยา เจ้าพูดต่อเถอะ ข้าไม่เป็นไร” กู้เสี่ยวหวานรู้ดีว่าประโยคต่อไปไม่น่าฟังนัก แต่ก็ตั้งใจให้นางพูดต่อ
“มีคนพูดว่า ท่านพี่เป็นสาวจากชนบทและเพียงช่วยเหลือคนไม่กี่คน จากหญิงสาวชนบทกลายเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า พื้นเพเป็นคนเช่นไรไม่อาจล่วงรู้ได้ แต่กลับมีพระราชโองการแต่งตั้งให้เป็นเสี้ยนจู่อันผิง เรื่องนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ทั้งยังพูดอีกว่าท่านพี่เป็นเถ้าแก่รองของร้านจิ่นฝู แสดงว่าหญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนที่โหดเหี้ยม กินคนไม่คายกระดูก และทำให้ชื่อเสียงของเมืองหลวงเกิดความด่างพร้อย”
“เหลวไหล” ถานอวี้ซูกระทืบเท้าด้วยความโกรธแล้วสถบคำหยาบ ส่วนกู้เสี่ยวหวานยังนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีใด เพียงหยิบจอกชาขึ้นจิบ และพยายามคาดเดาเจตนาของคนพูด
“ต่อมาก็มีคนพูดว่าต้องตรวจสอบเสี้ยนจู่อันผิงคนนี้อย่างละเอียด ต้องค้นหาว่านางมีที่มาที่ไปอย่างไร มาถึงเมืองหลวงได้ไม่นานก็ทำลายความสงบสุขที่มีมาหลายสิบปีของเมืองหลวง ดังนั้นอย่าให้ดาวหายนะเช่นนี้ทำลายโชคชะตาของราชวงศ์เด็ดขาด” ฟางเพ่ยหยาพูดพลางแอบเหลือบมองกู้เสี่ยวหวาน และจบประโยคอย่างรวดเร็วหมายให้กู้เสี่ยวหวานรีบออกไปจากที่นี่ แต่ว่ากู้เสี่ยวหวานยังนั่งอยู่ที่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
สิ่งนี้ทำให้ฟางเพ่ยหยาเป็นกังวล “ท่านพี่ ท่านรีบไปจากที่นี่เถอะ กองกำลังรักษาความสงบจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า หากท่านถูกจับตัวไปเกรงว่าจะออกมาได้ยาก”
หลังจากฟางเพ่ยหยาพูดจบ ถานอวี้ซูก็รีบพุ่งออกมา เดินกระวนกระวายไปรอบ ๆ “ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา ท่านพี่ของข้าเป็นคนดี จะจับตัวนางไปตามอำเภอใจเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!”
“อวี้ซู” ฝีเท้าของอวี้ซูนั้นรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็หายลับไปจากสายตา เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นอีกฝ่ายกังวลเกี่ยวกับเรื่องของนางเช่นนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเปรียบ แต่ก็เกรงว่านางจะทำให้ฮ่องเต้ขุ่นเคืองเพราะตัวเอง จึงรีบตามนางออกไปทันที
เมื่อกู้เสี่ยวหวานถึงหน้าประตู ก็เห็นถานอวี้ซูยืนอยู่ตรงนั้นราวกับว่ากำลังงุนงง กู้เสี่ยวหวานจึงรีบเดินไปข้างหน้าก็พลันเห็นมีทหารจำนวนมากสวมเกราะถือดาบยืนอย่างเป็นระเบียบ ล้อมรอบหน้าประตูสวนชิงแน่นขนัด
ชายวัยสี่สิบกว่าคนหนึ่งที่ไว้หนวดเครา ใส่เครื่องแบบที่แตกต่างจากทหารคนอื่น บนชุดถูกปักด้วยลวดลายของนกอย่างงดงามมาก
ชายคนนั้นมีสีผิวคล้ำและระหว่างคิ้วมีความดุร้าย และจ้องเขม็งมาที่กู้เสี่ยวหวาน ครั้นเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานก็หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย “เสี้ยนจู่อันผิง ข้าคือรองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเซี่ยงหย่วนหลิน ได้รับคำสั่งให้มาจับตัวเจ้าไปกองกำลังรักษาความสงบ หากเสี้ยนจู่อันผิงไปกับข้าน้อยโดยดี ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องอับอาย”
พูดจบก็กวาดสายตามองไปที่ทหารหลายร้อยคนที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็กระตุกมุมปากอย่างมีชัย
แต่ถานอวี้ซูตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา “ใต้เท้าเซี่ยง ท่านอย่าเอาแต่พูดเลยว่าทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้ ข้าขอถามท่าน ไหนเล่าราชโองการ”
“ฮู้กั๋วจวิ้นจู่ ข้าน้อยมาเพื่อจับกุมเสี้ยนจู่อันผิงตามพระประสงค์ของฮ่องเต้ ฝ่าบาททรงตรัสแล้ว ไม่มีพระราชโองการ” น้ำเสียงเซี่ยงหย่วนหลินเจือด้วยความโกรธ
“ไม่มีราชโองการ แต่ท่านกล้ามาจับเสี้ยนจู่อันผิงที่ฝ่าบาทแต่งตั้งด้วยงั้นรึ? ท่านรู้หรือไม่ การใส่ร้ายเสี้ยนจู่โดยพลการมีโทษเช่นไร” ถานอวี้ซูโกรธแผ่ไอเย็นซ่านไปทั่วบริเวณเมื่อเห็นท่าทางที่ดูภูมิใจของเซี่ยงหย่วนหลินจึงตะคอกขึ้น
“จวิ้นจู่ ข้าน้อยมาตามพระประสงค์ของฝ่าบาท หวังว่าจวิ้นจู่จะไม่ทำให้ข้าน้อยลำบากใจ” เซี่ยงหย่วนหลินประสานมือและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ราวกับว่าไม่ได้เห็นฮู้กั๋วจวิ้นจู่อยู่ในสายตา
ถานอวี้ซูเห็นท่าทางเขาเช่นนี้ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของท่านพี่ และนางยังรู้ดีถึงเรื่องสกปรกที่คนผู้นี้ทำ นางโกรธจนแทบจะด่ากราด หากแต่กู้เสี่ยวหวานห้ามนางเอาไว้ “อวี้ซู ไม่ต้องพูดแล้ว”
นั่นเป็นหลักฐานแน่นหนา หากพูดแบบง่าย ๆ คือไม่มีอันตรายถึงชีวิต
กู้เสี่ยวหวานบีบมือถานอวี้ซูเบา ๆ ส่งสัญญาณให้นางใจเย็นอดทนรอก่อน อย่าเพิ่งใจร้อนไป
ในเมื่อเซี่ยงหย่วนหลินคนนี้ส่งทหารมามากมายเพื่อจับกุมนาง หากมุ่งเป้าไปที่เสี้ยนจู่อันผิงคนเดียว เหตุใดต้องเรียกทหารมาหลายร้อยคน อีกทั้งยังมาทั้งอาวุธครบมือ
เห็นได้ชัดว่าทหารพวกนี้ไม่ได้มาเพียงเพื่อจับตัวนาง แต่เพื่อขัดขวางอาโม่และอาจั่ว
……….
Comments