ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1629 เข้าเฝ้าฮ่องเต้

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1629 เข้าเฝ้าฮ่องเต้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1629 เข้าเฝ้าฮ่องเต้

……….

บทที่ 1629 เข้าเฝ้าฮ่องเต้

ขันทีฉีโบกไม้ปัดฝุ่นทำให้ขนสีขาวนั้นเกือบจะสะบัดโดนแก้มของเซี่ยงหย่วนหลินแล้วถามว่า “ข้าขอถามใต้เท้าเซี่ยง เมื่อใดหรือที่ฮ่องเต้ออกคำสั่งให้จับกุมเสี้ยนจู่อันผิงและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”

“เมื่อวานนี้ บริเวณท้องพระโรง หมิงอ๋องกล่าวว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จะต้องถูกจับกุมและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฝ่าบาทเองก็ทรงพยักหน้าเห็นด้วย” เซี่ยงหย่วนหลินกล่าว

ขันทีฉีกลับส่ายหัวและพูดว่า “ข้าก็ได้ยินประโยคนี้เช่นกัน แต่ฮ่องเต้ไม่ได้เห็นด้วย”

“แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ” เซี่ยงหย่วนหลินตะโกน ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย

ขันทีฉีเห็นท่าทางลนลานนั้น ใบหน้าก็มืดครื้มลงทันที

“ในอดีตผู้บัญชาการหนีมักจะเข้ามารายงานฮ่องเต้เกี่ยวกับงานในกองกำลังรักษาความสงบ พวกเขาทำงานด้วยกันมานาน บางครั้งผู้บัญชาการหนีก็สามารถเข้าใจความตั้งใจของฮ่องเต้ทันที และสิ่งที่ได้รับคือคำสรรเสริญจากฮ่องเต้ แต่ผู้บัญชาการหนีได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ไม่เกินสองครั้งเท่านั้น หากคาดเดาเจตจำนงและความหมายของฮ่องเต้ผิดคงไม่ใช่เรื่องดี ใต้เท้าเซี่ยง ท่านต้องดูแลรักษาสุขภาพดี ๆ เพียงแต่ข้ายังมีหนึ่งเรื่องที่ไม่เข้าใจ ใต้เท้าเซี่ยงคาดเดาเจตจำนงผิดหรือเดาความหมายของคนอื่นตามใจตนเอง จึงได้ผิดพลาด”

ขันทีฉีพูดด้วยรอยยิ้ม การข่มขู่ซึ่งหน้าทำให้เซี่ยงหย่วนหลินเหงื่อออกไปทั่วแผ่นหลัง

และขันทีฉีก็รู้สึกว่าเซี่ยงหย่วนหลินคนนี้ช่างเกะกะลูกตาเสียเหลือเกิน

กฎของกองกำลังรักษาความสงบกระทำการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่ามีเพียงผู้บัญชาการหนีเท่านั้นที่สามารถควบคุมกองกำลังรักษาความสงบได้ น่าเสียดายที่ผู้บัญชาการหนีขาหักไม่รู้ว่าจะกลับไปแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อีกเมื่อไหร่ ทั้งเหตุการณ์ยังช่วยบางคนจากสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ถือขนไก่เป็นคันศรได้

เซี่ยงหย่วนหลินรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่างกาย ไม่สามารถเดาได้ว่าสิ่งที่ขันทีฉีพูดหมายถึงอะไร

คาดเดาความคิดของคนอื่นหมายถึงอะไร

ไม่ผิด สิ่งที่เขาคาดเดาคือความหมายของหมิงอ๋อง

แต่ สิ่งที่ขันทีฉีพูดออกมาหมายความว่าอะไรกันแน่

ขันทีฉีเอ่ยออกมาเอง หรือฮ่องเต้สั่งให้เขาพูดเช่นนั้น

เซี่ยงหย่วนหลินไม่สามารถยืนนิ่ง ใบหน้าซีดเซียวราวกับจะหมดสติได้ทุกเมื่อจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะจับมือขันทีฉี และพูดว่า “ตอนนี้ฮ่องเต้ประกาศราชโองการให้เสี้ยนจู่อันผิงเข้าวัง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะกลับไปสอบปากคำนักโทษ โปรดรบกวนขันทีฉีพูดประโยคดี ๆ สักสองสามประโยคต่อหน้าฮ่องเต้”

เซี่ยงหย่วนหลินล้วงมือเข้าไปในชายเสื้อ ต้องการหยิบของบางอย่างออกมา ก่อนจะหยิบมันออกมาได้ก็ถูกขันทีฉีดันมือกลับไป “ใต้เท้าเซี่ยง ในฐานะขุนนาง หัวใจของข้าเป็นของฮ่องเต้ เรื่องไหนควรพูดไม่ควรพูดข้ารู้ดี หากท่านต้องการติดสินบนข้า ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ข้าเป็นคนข้างกายฮ่องเต้ คอยช่วยแบ่งเบาปัญหาฮ่องเต้ ใต้เท้าเซี่ยงรีบกลับไปตามหาตัวฆาตกรเสีย คืนความสงบสุขของเมืองหลวงและคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย”

และดูเหมือนขันทีฉีจะไม่ได้ตั้งใจปล่อยเซี่ยงหย่วนหลินไปง่าย ๆ เขามองไปทางทหารที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่าย และพูดประชดประชัน “ใต้เท้าเซี่ยง นึกไม่ถึงว่ากองกำลังรักษาความสงบจะไร้ประโยชน์ นางก็แค่หญิงสาวคนเดียวแต่กลับจับตัวมาไม่ได้ ทั้งยังเรียกองครักษ์รักษาความสงบเรียบร้อยของเมืองหลวงมามากมาย ถ้าฮ่องเต้ถามข้าควรจะพูดว่าอย่างไร ข้าก็ว่าทำไมตลอดทางไม่เห็นทหารตรวจตราตามถนนเลย ที่แท้ก็เป็นใต้เท้าเซี่ยงที่ยกโขยงพวกเขามาที่นี่”

ขันทีฉีช่างปากคอเราะร้ายเสียจริง

เซี่ยงหย่วนหลินไม่ได้ติดต่อกับบุคคลนี้มากนัก เพราะเพิ่งเคยเข้าวังเพียงสองครั้งเท่านั้น เดิมทีแล้วเขาเป็นคนมีความยุติธรรม และดวงตาของเขาจะเย็นชาเล็กน้อยไม่ได้ประจบสอพลอเหมือนขันทีคนอื่น ๆ

เซี่ยงหย่วนหลินคิดว่าบุคคลนี้เป็นขันทีข้างกายของฮ่องเต้ และยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้จึงรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น

รู้ได้อย่างไร คำพูดของคนผู้นี้สามารถทำให้ผู้อื่นแตกตื่นได้

คนสองเพศ

ไอ้ขันทีตายยาก!

เซี่ยงหย่วนหลินไม่กล้าพูดกับเขาอีก จึงได้แค่ขบฟันแน่น และกล่าวโทษคนตรงหน้าในใจ คนผู้นี้มีใบหน้าซีดขาว มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ คำตำหนิที่เอ่ยออกมานิ่งเฉยราวกับถามว่ากินข้าวหรือยัง

เซี่ยงหย่วนหลินขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงโค้งคำนับกล่าวลาขันทีฉีจากนั้นจึงพาทหารจากไป

แม้จะเดินจากไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นแผ่นหลังอันสั่นสะท้านนั้นได้อย่างชัดเจน

ขันทีฉีหรี่ตามองอีกฝ่ายจากไป ก่อนจะกระตุกยิ้มบางจนมองแทบไม่เห็น

คนผู้นี้อยากจะปีนป่ายขึ้นที่สูงเสียจริง ๆ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นเพียงเบี้ยล่างของคนอื่น

หลังจากเข้าไปในสวนชิง กู้เสี่ยวหวานที่ถือพระราชโองการไว้ในมือ ก็รู้สึกไม่สบายใจ

คนจากกองกำลังรักษาความสงบกำลังจะมาจับตัวนางเพราะความตั้งใจของฮ่องเต้ แต่ทันใดนั้นก็มีพระราชโองการอีกหนึ่งฉบับ มันหมายความว่าอย่างไร

คนของเซี่ยงหย่วนหลินและคนของนางเผชิญหน้ากัน กู้เสี่ยวหวานสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับจุดประสงค์ของฮ่องเต้ แต่ก็ยอมรับพระราชโองการมา ไม่ว่าจะสงสัยแค่ไหนก็ต้องเข้าวัง

ฮ่องเต้ออกพระราชโองการเป็นการส่วนพระองค์ และขอให้นางเข้าวัง

ตกลงแล้วต้องการจับหรือช่วยตน ฮ่องเต้กำลังทำสิ่งใดกันแน่

ครั้นถานอวี้ซูเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่เป็นอะไร หัวใจก็เหมือนจะกระเด็นออกมาจากอก หลังจากกู้เสี่ยวหวานได้รับพระราชโองการก็ไม่พูดสิ่งใด จึงเอ่ยปลอบใจทันที “ท่านพี่ ท่านวางใจเถอะ เสด็จพี่ฮ่องเต้เข้ากับคนง่าย ถึงแม้เขาจะเป็นฮ่องเต้แต่เขาก็มีอายุเท่าท่าน ไม่ต้องกลัวไปเจ้าค่ะ”

ฟางเพ่ยหยาไม่เคยเข้าวังจึงไม่รู้ว่าฮ่องเต้มีลักษณะอย่างไร แต่รู้ว่าการไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก็เหมือนกับพบเสือ อารมณ์ของฮ่องเต้เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ ประโยคก่อนหน้าพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางทีประโยคถัดมาอาจทำให้เจ้าตายได้

ฟางเพ่ยหยาจับมือกู้เสี่ยวหวาน นางกังวลจนมือสั่นเทาไปเสียหมด “ท่านพี่ ท่านจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด