ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1631 เข้าวัง

Now you are reading ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย Chapter บทที่ 1631 เข้าวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1631 เข้าวัง

……….

บทที่ 1631 เข้าวัง

“ตอบกลับจวิ้นจู่ ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านหมายความว่าอย่างไร จึงได้สั่งให้ข้าน้อยประกาศราชโองการ และเรียกตัวเสี้ยนจู่เข้าวัง ท่านไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าน้อยจะเอ่ยถามออกไป” ขันทีฉีพูดด้วยรอยยิ้ม ก้มศีรษะลง ประสานมือและโค้งคำนับ เขากล่าวต่อว่า “จวิ้นจู่ ข้าน้อยจะกลับไปที่วังก่อน และฝ่าบาทยังคงรอเสี้ยนจู่อยู่ในวัง”

ถานอวี้ซูต้องการถามอะไรต่อ แต่เสียงที่มั่นใจของกู้เสี่ยวหวานก็ดังออกมาจากภายในเกี้ยว “ถานอวี้ซู เพ่ยหยาไม่ต้องกังวล และนอกจากนี้อาจั่วก็อยู่กับข้า ทุกอย่างจะไม่เป็นไร”

น้ำเสียงสงบนิ่งและมีความหนักแน่น

เมื่อถานอวี้ซูและฟางเพ่ยหยาได้ยินสิ่งนี้ อารมณ์ของพวกนางก็สงบลงและพยักหน้ารับ “ท่านพี่ เราจะรอท่านกลับมาที่บ้าน”

ขันทีฉีมองดูพวกนางด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองดูผู้คนบนเกี้ยวอย่างสงบ น่าทึ่งจริง ๆ ที่เสี้ยนจู่อันผิงผู้นี้ สามารถทำให้ฮู้กั๋วจวิ้นจู่เชื่อฟังได้

ความเชื่อฟังนี้ เกรงว่าจะมีแค่ไทเฮาเท่านั้นที่ได้เห็นมัน

ขันทีฉีโค้งคำนับและอำลา จากนั้นจึงเดินไปที่พระราชวังพร้อมกับเกี้ยว

ม้าเดินเร็วมาก และแม้ว่าเกี้ยวจะใช้คนหาม แต่ความเร็วก็ไม่ได้ช้า และมันก็ตามหลังมาเรื่อย ๆ

อาจั่วตามมาอย่างรวดเร็วและใช้วิชาตัวเบาเพื่อติดตามอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ ที่หามเกี้ยวก็มีความชำนาญในศิลปะการต่อสู้เช่นกัน

อาจั่วไม่กล้าที่จะละเลย และกังวลอย่างยิ่งที่จะต้องปกป้องความปลอดภัยของกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่บนเกี้ยว คาดเดาความเป็นไปได้ที่ฮ่องเต้เรียกตัวนาง

ตัวนางเองมาถึงเมืองหลวงได้หลายเดือนแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปไหนมากนัก แต่ครั้งสุดท้ายที่เข้าร่วมงานเลี้ยงบทกวีที่บ้านตระกูลซู ข่าวที่ว่านางมาเมืองหลวงก็น่าจะแพร่กระจายออกไปแล้ว

อาจเป็นเพราะระดับของนางนั้นต่ำเกินไป จึงไม่ได้รับความสนใจจากใครเป็นพิเศษ

กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบสถานการณ์นี้

นางไม่ชอบความตื่นเต้นเลย และถ้าคนอื่นไม่มาหานาง นางก็จะไม่ไปหาคนอื่น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ฮ่องเต้มีคำสั่งออกมาอย่างน่าประหลาด

เซี่ยงหย่วนหลินก้าวไปข้างหน้า และกล่าวว่าฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งให้จับกุมนาง จากนั้นเมื่อนางกำลังจะถูกจับกุม ฮ่องเต้ก็ออกคำสั่งเป็นการส่วนตัวและขอให้ขันทีส่วนพระองค์มารับนางไปที่พระราชวังแทน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการล้มล้างคำสั่งปากเปล่าของเซี่ยงหย่วนหลินในตอนแรก

เซี่ยงหย่วนหลินต้องการลงโทษนาง เขาเพียงต้องการทำลายร้านจิ่นฝูลง การล่มสลายของร้านจิ่นฝูจะเป็นโอกาสให้ร้านจุ้ยอวี้กู่ไจขึ้นมาเป็นร้านอาหารอันดับหนึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็น

หมิงอ๋องจะปล่อยโอกาสที่ดีในครั้งนี้ ในการสร้างรายได้และมีชื่อเสียงไปได้อย่างไร

และฮ่องเต้จะจัดการกับหมิงอ๋องผู้ทะเยอทะยานนี้เช่นไร?

กู้เสี่ยวหวานส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น นี่เป็นความลับของราชวงศ์ นางในฐานะหญิงสาวจากชนบทไม่ควรกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

ช่างเถอะ ไม่สนใจว่าฮ่องเต้จะพูดอะไรกับเขาในวันนี้ ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน*[1]

ในไม่ช้าเกี้ยวก็มาถึงหน้าประตูพระราชวัง เมื่อเห็นว่าเป็นขันทีส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ ทหารยามไม่กล้าแม้แต่จะหยุดเขาไว้และรีบให้เขาเข้ามาด้านใน

เมื่อเห็นขันทีฉี และตามมาด้วยเกี้ยว ผู้คุมก็มองอย่างสงสัยหลังจากที่ขันทีฉีเดินผ่านไปแล้ว

“ขันทีฉีพาใครเข้ามาในวัง? ช่างเป็นเกียรตินัก ที่ขันทีฉีเป็นผู้ไปรับด้วยตัวเอง”

“ข้าไม่รู้ แต่ดูจากสาวใช้แล้วไม่คุ้นเคย คนที่นั่งอยู่บนเกี้ยวนั้นอาจจะเป็นคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียง”

“เหตุใดฮ่องเต้จึงเรียกคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียง” ผู้คุมถามคำถามในขณะที่เกาศีรษะไปด้วย และยังคงแสดงสีหน้างงงวยออกมา “นี่ยังไม่ถึงเวลาเลือกนางสนมนี่”

คนที่ตอบก็ผงะไปชั่วขณะและรู้สึกสงสัย ใช่แล้ว ทำไมฮ่องเต้จึงเรียกคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียงมาพบกันล่ะ?

อย่างไรก็ตาม นี่คือคำสั่งของฮ่องเต้ ฝ่าบาทสามารถเจอใครก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่มีใครสามารถออกความเห็นได้ ดังนั้นเขาจึงเขกหัวทหารหนุ่มและพูดด้วยความโกรธ “ไปยืนตรงนั้น นี่คือคำสั่งของฮ่องเต้ หากฮ่องเต้ทราบเข้า ไม่พ้นเจ้าคงถูกตัดหัว”

ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเคอะเขินและกลับไปยืนที่เดิม

กู้เสี่ยวหวานรู้เพียงว่าเกี้ยวไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดเส้นทาง และยังไม่มีทีท่าจะหยุด นางมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบ ๆ ผ่านช่องว่างของม่าน เห็นพระราชวังอันสง่างามอยู่ไม่ไกลนัก กำแพงสูงสีเทาเข้ม และมีกลุ่มคนกำลังคุกเข่าลงบนพื้น

ดูเหมือนว่าเกี้ยวจะเข้าวังมาแล้ว

กู้เสี่ยวหวานกำชับตัวเองให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนางคิดเช่นนั้น เกี้ยวก็หยุดลง เสียงขันทีฉีเอ่ยขึ้น “เสี้ยนจู่ เรามาถึงแล้ว โปรดลงจากเกี้ยวเถิด”

จากนั้นขันทีฉีก้าวไปข้างหน้าและเปิดม่านออก กู้เสี่ยวหวานก้าวออกมาโดยไม่ได้มองไปรอบ ๆ นางโค้งให้ขันทีฉีอย่างสง่างามและพูดขึ้นว่า “ขอบคุณขันทีฉี คงต้องรบกวนให้ท่านนำทางแล้ว”

เมื่อขันทีฉีเห็นนางไม่ได้มองไปรอบ ๆ เลย เมื่อยืนอยู่ในสถานที่อันสูงส่งที่สุดในเมืองหลวงทั้งหมดนี้ หญิงสาวตรงหน้าไม่สะดุ้งหรือกลัวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สาวใช้ที่อยู่ข้างนางก็ยังสงบและตามนางไป พวกนางดูเงียบสงบราวกับว่ายืนอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อขันทีฉีเห็นนางผ่อนคลาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจ “เสี้ยนจู่ โปรดตามข้าน้อยมา”

หลังจากพูดจบ เขาก็พากู้เสี่ยวหวานตรงไปยังพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน

พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนเป็นสถานที่ที่ฮ่องเต้ใช้บริหารงานราชการ และพักผ่อนในวันธรรมดา คนธรรมดาสามัญไม่สามารถเข้าใกล้ตามต้องการได้ เว้นก็แต่ว่าองค์ฮ่องเต้จะเรียกมาพบเป็นการส่วนตัว

ทุกที่ในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนถูกล้อมรอบด้วยทหารติดอาวุธ และในบางครั้งก็มีองครักษ์เสื้อแพรคอยตรวจตราอยู่รอบ ๆ ด้วย

กู้เสี่ยวหวานทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก นางเพียงเดินตามขันทีฉีอย่างเชื่อฟัง ระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตัวนางเอง

ในไม่ช้า ทุกคนก็มาถึงนอกพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ขันทีฉีหยุดนิ่งและเตือนกู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านข้างว่า “เสี้ยนจู่ นี่คือสถานที่ที่ฮ่องเต้มักจะพักผ่อนและบริหารงานราชการในวันธรรมดา อีกสักครู่ข้าจะนำท่านเข้าเฝ้าฮ่องเต้ สาวรับใช้ของท่าน ข้าเกรงว่าจะอยู่ได้แต่ภายนอกเท่านั้น”

เมื่ออาจั่วได้ยินสิ่งนี้ นางเงยหน้าขึ้นอย่างประหม่าและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานโดยมีความกังวลอยู่ในสาย

[1] ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้

……….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด