ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 368 คนเอาใจใส่
ตอนที่ 368 คนเอาใจใส่
ผ่านไปชั่วพริบตา เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสิ้นเดือนสิงหาคม
เหล่าจางพาเหรินเหรินกลับมาก่อนจะเริ่มเปิดเทอม
ทั้งปู่บุญธรรมและหลานชายมีผิวคล้ำขึ้นมาก แต่เมื่อซูตานหงเห็นแววตาของลูกชายคนโตแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเดือนที่ผ่านมาเขาเติบโตขึ้นมากแค่ไหน
พวกเขาไม่ได้ซื้อของขวัญมาฝาก ฉีฉีไม่แสดงอาการไม่พอใจแต่อย่างใด ผิดกับเสียงเสียงที่ออกอาการแง่งอน
“พี่ ทำไมถึงไม่ซื้ออะไรกลับมาฝากผมบ้าง?” เขาถามขึ้นทันที
“ออกเดินทางข้างนอกไปทั่ว หิ้วสัมภาระลำบาก ถ้านายอยากได้ก็ไปซื้อเองสิ” เหรินเหรินเอาเงินให้เขา 5 เหมาขณะบอก
หลังจากได้เงินมาแล้ว เสียงเสียงก็ไม่สนใจเรื่องที่ไม่ได้ของฝากอีกต่อไป เขาวิ่งออกไปคนเดียว
เหรินเหรินให้เงินฉีฉี 5 เหมาเช่นกัน ฉีฉีเกรงใจเล็กน้อย “ผมมีของผมอยู่แล้ว” เขาอยากจะรับมาเช่นกัน แต่ถ้าทำอย่างนั้นเขาจะดูต่างจากน้องชายเอาแต่ใจอายุสามขวบตรงไหนล่ะ?
“ถ้านายมีเงินจะได้เอาไปซื้อขนมได้ไง” เหรินเหรินยืนกรานให้เขา
ฉีฉีอมยิ้ม
ซูตานหงเตรียมอาหารให้สองปู่หลาน โรงเรียนจะเปิดเรียนในอีก 3 วัน แน่นอนว่าพวกเขาต้องเตรียมตัว
อวิ๋นลี่ลี่มาถึงในวันที่ 29 สิงหาคม
ระหว่างช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เยียนเอ๋อร์ซึ่งอยู่บ้านก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เด็กในวัยนี้ใช้พลังงานมาก เป็นธรรมดาที่จะกินเยอะ
ทว่าอวิ๋นลี่ลี่กลับมีท่าทางเหมือนไม่ค่อยได้กินข้าว ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หล่อนกินแต่หมั่นโถวทุกวัน วันไหนดีหน่อยถึงมีไข่ให้กิน ไม่อย่างนั้นคงมีแต่หมั่นโถวนึ่งกับน้ำเปล่า
ขนาดหล่อนยังมีสภาพถึงเพียงนี้ ไม่ต้องพูดถึงจี้เจี้ยนเหวินเลย
ในเดือนหนึ่ง ๆ สองสามีภรรยาใช้เงินไม่ถึง 10 หยวน ไม่เช่นนั้นจะเก็บเงินได้อย่างไร?
อวิ๋นลี่ลี่รับสอนกวดวิชา ในขณะที่จี้เจี้ยนเหวินออกไปซื้อของมาขาย เขายังได้เงินเดือนอยู่ ด้วยอาชีพครูที่ได้เงินเดือนในช่วงปิดเทอม
ครั้งนี้ทั้งคู่พยายามมากจริง ๆ
ซูตานหงมองเงิน 2,000 หยวนที่อวิ๋นลี่ลี่นำมาคืน เธออึ้งไปเล็กน้อย พวกเขาเก็บเงินได้ถึง 2,000 หยวนในระยะเวลาเท่านี้ได้อย่างไรกัน?
“พอดีเจี้ยนเหวินหาเงินได้มากระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนนี้น่ะค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังประหยัดมาก ถึงได้เก็บเงินได้ไม่น้อย
เธอนึกไม่ถึงว่าเจี้ยนเหวินจะเปิดกิจการระหว่างปิดเทอมฤดูร้อน 2 เดือน โดยไปขายของบริเวณโรงงาน ซื้อทั้งเครื่องประดับผม สร้อยข้อมือ และขนมมาขาย กำไรต่อเดือนถือว่าน่าประทับใจมากทีเดียว
อย่างไรก็ตามเขาสามารถทำได้ในช่วงปิดเทอมเท่านั้น เขายังต้องกลับมาสอนหนังสือ มันเป็นงานของเขาและอาชีพที่เขารัก
ส่วนเรื่องการค้าขาย เป็นเพียงเพราะความจำเป็นและช่วยไม่ได้ ต่อให้เขาทำเงินได้มาก เขาก็ไม่ได้ชอบมัน
อวิ๋นลี่ลี่ตั้งใจจะออกไปตั้งร้านขายของ หล่อนปรึกษากับจี้เจี้ยนเหวินแล้ว ไม่เช่นนั้นครอบครัวพวกเขาคงไม่สามารถใช้หนี้ได้หมด
จี้เจี้ยนเหวินเห็นด้วย ถึงอย่างไรการขายของก็ไม่ใช่งานหนักมาก ทำงานเพียงไม่กี่ปี เมื่อใช้หนี้หมดก็คงไม่ต้องทำงานหนักแล้ว
“น้องสี่บอกว่าน่าจะใช้คืนหมดภายใน 5 ปี เธอไม่ต้องหักโหมขนาดนี้หรอกนะ เธอซูบลงไปมาก ไม่ดีต่อสุขภาพเธอเลย ตอนนี้เธอยังอายุน้อยเลยไม่เป็นไร เดี๋ยวอนาคตแก่ตัวไปจะมีปัญหาสุขภาพเอาได้” ซูตานหงปราม
“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งนี้ฉันได้บทเรียนแล้ว ต่อไปฉันจะอยู่ด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่เอ่ย
อันที่จริงเมื่อครั้งที่หล่อนทำงานกับจี้อวิ๋นอวิ๋น แม้จะมีรายได้มาก หล่อนกลับรู้สึกเพ้อฝันทุกวัน ราวกับถูกรถลากไปมา ถึงได้ทำให้ขาดสติ
เพียงเห็นว่าได้กำไรมาก หล่อนจึงไม่คิดยอมแพ้
ตอนนี้แม้ทั้งคู่จะทำงานหัวหมุน จนกินได้แต่หมั่นโถวนึ่งกับน้ำเปล่า หล่อนกลับรู้สึกถูกเติมเต็มมากว่า
ซูตานหงไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ
“ในช่วงที่เยียนเอ๋อร์ได้มาอยู่บ้านเกิด ขอบคุณพี่สะใภ้สามที่ดูแลเธอให้นะคะ” อวิ๋นลี่ลี่กล่าว
“เยียนเอ๋อร์เป็นเด็กดี ตอนหยวนหยวนอยู่ที่นี่เมื่อก่อนหน้านี้ เธอก็ช่วยดูแลให้” ซูตานหงบอก “เธอนั่งรอก่อนสิ”
เธอเข้าไปหยิบของ ทั้งถั่วเหลืองถุงหนึ่ง ไข่ไก่ 1 ตะกร้าที่เหลือในครัว ปลาเค็มนึ่งที่นำกลับมาจากอ่างเก็บน้ำ รวมถึงไข่เป็ดเค็มไว้กินกับข้าว ซึ่งมีปริมาณน้ำมันสูงจนดูมันย่อง
ของเหล่านี้ถูกนำมาให้ในคราวเดียว เรียกได้ว่าเป็นของจำนวนมาก
“พี่สะใภ้สาม ไม่เห็นต้องเอาของมาให้มากมายขนาดนี้เลยค่ะ ครั้งก่อนเอากลับไป เจี้ยนเหวินยังดุฉันใหญ่เลย” อวิ๋นลี่ลี่รีบห้าม
“ไม่ได้ให้เธอกับเจี้ยนเหวินสักหน่อย ของเยียนเอ๋อร์ต่างหาก เธอกลับไปแล้วซื้อกระดูกหมูมาต้มกับถั่วบ้างนะ มันราคาถูกมาก ไม่กี่เหมาเอง เอาไปเคี่ยวให้เยียนเอ๋อร์กิน ให้ลูกกินมาก ๆ ลูกกินน้ำแกงผักเหมือนเธอไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียใจที่ทำให้ลูกตัวไม่โตในอนาคต” ซูตานหงบอก
อวิ๋นลี่ลี่จึงไม่ได้คัดค้านอีก
“ฉันทำไข่เค็มพวกนี้ไว้ เอากลับไปกินเถอะ กินกับโจ๊กตอนเช้า ๆ อร่อยมาก ปลาเค็มที่บ้านก็เหมือนกัน พวกมันอร่อยมาก เธอเอากลับไปนะ อย่าเลี้ยงเยียนเอ๋อร์แบบอดอยากเลย” ซูตานหงเอ่ย
อวิ๋นลี่ลี่ถึงกับตาแดงเรื่อเมื่อเธอบอกเช่นนั้น
“พี่สะใภ้สาม ฉันเคยเป็นหมาป่าตาขาว ทำไมถึงยังดีกับฉันขนาดนี้กันคะ” อวิ๋นลี่ลี่สะอึกสะอื้น
จริงอยู่ที่หล่อนเคยเป็นพวกหมาป่าตาขาว แต่อวิ๋นลี่ลี่ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเหตุ เพียงแค่ร่วมทำธุรกิจกับจี้อวิ๋นอวิ๋นเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
“ยังไงเขาก็เป็นน้องชายของฉัน อย่าคิดมากเลย บอกให้เจี้ยนเหวินพักผ่อนบ้างเถอะ เยียนเอ๋อร์ยังอายุน้อย เธอยังต้องพึ่งพาพวกเธอสองสามีภรรยานะ” ซูตานหงกล่าว
อวิ๋นลี่ลี่พาเยียนเอ๋อร์กลับไปเมืองเจียงสุ่ย
จี้เจี้ยนเหวินซาบซึ้งกับของที่ได้กลับมามากเช่นกัน พี่สะใภ้สามของเขายังเป็นคนเอาใจใส่อยู่เสมอ
หล่อนต้มโจ๊กกินเคียงกับไข่เค็มในเช้าวันรุ่งขึ้น จี้เจี้ยนเหวินรู้สึกโหยหาขนาดซดจนเกือบติดคอ เขาไม่ได้กินโจ๊กมานานแล้ว ทุกวันนี้ได้แต่กินหมั่นโถวเท่านั้น!
แต่เขากลับรู้สึกปลาบปลื้มใจ เพราะเก็บเงินได้ถึง 2,000 หยวนในเวลาเพียงไม่นาน
ทว่ามันเป็นเพียงส่วนของพวกเขา ตอนนี้ลูกสาวของเขาต้องกลับไปเรียน คงมีค่าใช้จ่ายมากอย่างแน่นอน
แต่จี้เจี้ยนเหวินไม่มีทางเลือก
วันนี้เองที่อวิ๋นลี่ลี่มีแขกมาเยือน
จี้เจี้ยนเหวินไม่อยู่บ้าน เขาออกไปสอนชดเชยให้ลูกศิษย์ โดยเขาเริ่มออกไปสอนตั้งแต่เมื่อวาน
เป็นเพราะเขาไม่อยู่บ้านนี่เอง ไม่เช่นนั้นจี้อวิ๋นอวิ๋นคงไม่ได้ย่างกรายเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว
“อวิ๋นอวิ๋น ไปเสียเถอะ พี่สี่ของเธอบอกไว้ชัดเจนแล้ว ว่าไม่ให้พี่ไปข้องเกี่ยวอะไรกับเธออีก” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“พี่สะใภ้สี่ ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน แต่เราก็ไม่ได้อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นนี่คะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นท้วง
อวิ๋นลี่ลี่นิ่งเงียบ ถึงอีกฝ่ายจะบอกเช่นนั้น หากแต่สถานการณ์ที่ครอบครัวเผชิญในตอนนี้ เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“ช่วงนี้พี่สะใภ้สี่เป็นยังไงบ้างคะ พี่ดูซูบลงไปมากเลยนะ พี่สี่ก็คงผอมลงเหมือนกันใช่ไหมคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถอนหายใจ
“ไม่ต้องมาห่วงเรื่องนี้หรอก เธอกลับไปซะเถอะ” อวิ๋นลี่ลี่ตัดบท
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ซึ้งเลยใช่ไหมคะ ต่อไปคงจำขึ้นใจแล้วล่ะนะว่าตอนที่ลำบาก ใครเป็นคนช่วยเหลือ
สองอวิ๋นมาอีกทำไม ไปซะชิ่ว ๆ /คว้าข้าวสารเสกมาสาดปัดรังควาญ/
ไหหม่า(海馬)
Comments