ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 374 กำไรจากธุรกิจ
ตอนที่ 374 กำไรจากธุรกิจ
หลังผ่านพ้นเดือนที่แสนยุ่ง บริเวณหลังบ้านใต้ชายคาก็เต็มไปด้วยหมูแดดเดียว
ไม่มีที่ให้แขวนเพิ่มอีก ซูตานหงจึงบอกให้เหรินเหรินกับน้อง ๆ เอาไปแขวนไว้ที่ชายคาของบ้านในส สวนแห่งที่ 4
ครั้งนี้เธอทำเป็นจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่จำเป็น ด้วยมีลูกค้ามากมายที่เมืองมหาวิทยาลัยจองเอาไว้ ก กิจการนี้ที่ปักกิ่งก็ขายดีมากเช่นกัน หมูแดดเดียวเป็นสินค้าหลักที่เรียกลูกค้าได้
เมื่อลูกค้าได้ซื้อไป พวกเขาจะกลายมาเป็นลูกค้าประจำ ดังนั้นซูตานหงจึงทำเตรียมเอาไว้มาก
หลังจากนี้ไม่นาน พวกมันจะถูกส่งไปขาย
ซูตานหงง่วนอยู่กับการทำหมูแดดเดียว จี้เจี้ยนอวิ๋นเองงานยุ่งเช่นกัน หมูตัวโตที่เขาเลี้ยงไว้กำลั งจะถูกนำไปชำแหละ
เหมือนอย่างเช่นเคย ที่ปีนี้นับเป็นอีกปีที่อุดมสมบูรณ์
เยียนเอ๋อร์ถูกส่งกลับมาในปีนี้ แต่จี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้กลับมาด้วย เยียนเอ๋อร์มาอย ยู่กับซูตานหง โดยให้ซูจูเหมาซึ่งต้องขับรถไปส่งไข่อยู่แล้วพาเธอกลับมา
ทั้งคู่ยุ่งอยู่กับการทำงานหาเงิน ครั้งนี้พาเยียนเอ๋อร์กลับมา อวิ๋นลี่ลี่ฝากเงิน 1,500 หยวนมากับซ ซูจูเหมาด้วย
ถือเป็นเงินก้อนโตทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเพิ่งจะจ่ายเงินคืน 2,000 หยวนไปเมื่อฤดูร้อนก่อน นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะจ่ายคืนเพ พิ่มอีกมากขนาดนี้
“ปกติแล้วพ่อแม่หนูกินอะไรบ้างจ๊ะ” ซูตานหงถามเยียนเอ๋อร์
“กินแต่หมั่นโถวค่ะ” เยียนเอ๋อร์ตอบพลางถอนหายใจ
เธอรู้ว่าพ่อแม่ติดหนี้ลุงสามกับป้าสะใภ้สามอยู่ ถึงต้องการหาเงินมาคืน
“คุณนายสามคะ ให้พ่อแม่หนูจ่ายทีหลังได้ไหม พ่อแม่ไม่ยอมซื้ออะไรกินเลย ตอนหนูอยู่ก็ยังดี แต่พ พอหนูไม่อยู่ พ่อแม่ก็คงประหยัดเงินมากกว่าเดิมแน่” เยียนเอ๋อร์บอก
“เด็กดี” ซูตานหงลูบแก้มเธอ “ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวคุณนายสามจะบอกพ่อแม่หนูให้เอง ดูหมูแดดเดียวหลั งบ้านสิ ป้าจะบอกให้คนส่งไปให้พ่อแม่หนูพรุ่งนี้ดีไหมจ๊ะ?”
“ขอบคุณคุณนายสามนะคะ!” เยียนเอ๋อร์บอกอย่างมีความสุข
“เอาล่ะ ไปเล่นได้แล้ว” ซูตานหงพยักหน้ารับ
ซูตานหงได้รับสายจากอวิ๋นลี่ลี่ เนื่องจากหล่อนส่งลูกสาวมาให้ซูตานหงช่วยเลี้ยง หล่อนย่อมต้องโทร กลับมาหาเป็นธรรมดา
เมื่อซูตานหงมารับสาย เธอจึงบอกกับอวิ๋นลี่ลี่ “พวกเธอ 2 คนอยู่กันอย่างอดอยากอย่างนั้นเหรอ? รู้ ไหมว่าเยียนเอ๋อร์พูดอะไรกับฉัน? อยากให้เยียนเอ๋อร์คิดว่าฉันเป็นนางมารร้ายหรือยังไงกัน?”
“พี่สะใภ้สาม มันไม่ใช่…”
ไม่ทันที่อวิ๋นลี่ลี่จะได้พูดจบ ซูตานหงก็ว่าขัดขึ้น “ในเมื่อไม่ใช่แบบนั้น งั้นก็ไม่ต้องรีบร้อ อนใช้คืน ฉันจะให้คนส่งหมูแดดเดียวไปให้พรุ่งนี้ ฉันเป็นคนลงมือทำเองเลยนะ”
“พี่สะใภ้สาม พอแล้วล่ะค่ะ อย่าทำแบบนี้อีกเลย” อวิ๋นลี่ลี่สะอื้นเล็กน้อย
“เอาล่ะ ค่าโทรศัพท์แพงมาก ฉันจะไม่พูดกับเธอไปมากกว่านี้ ของน่าจะถึงบ้านเธอตอน 10 โมงวันพรุ่งนี้” ซูตานหงวางสายหลังพูดจบ
เธอกลับมาห่อข้าวของ ส่วนไก่ถูกนำไปให้จี้หงจวินชำแหละให้
ตอนนี้อากาศหนาว ต่อให้ไม่แช่ตู้เย็นจนถึงพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไร แต่เธอยังคงนำกลับมาและแช่ไว้ในตู้เย็ นที่บ้าน
ทั้งยังมีไข่ไก่อีกตะกร้า ปลาเค็ม เนื้อและกระดูกหมูอีกหลายชิ้น ตอนนี้มีเนื้อปริมาณมาก ทั้งหมดมาจา ากหมูของพวกเขาเอง นอกจากนี้ซูตานหงยังนำรากบัวที่ซื้อมาส่งไปให้ด้วย
รวมเป็นของกินมากมาย บรรจุได้เกือบ 1 กระสอบ
เยียนเอ๋อร์มาช่วยเธอที่ยุ่งกับเตรียมของ เด็กหญิงซาบซึ้งใจมาก เธอนึกไม่ถึงว่าป้าสะใภ้สามจะเตรียมขอ องส่งไปมากมายขนาดนี้
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ของพวกนี้จะถูกส่งไป พ่อแม่ของหนูจะได้กินของพวกนี้ ของพวกนี้ทิ้ง ไว้นานจะไม่อร่อย” ซูตานหงบอก
“คุณนายสาม หนูจะสำนึกในบุญคุณตลอดไปเลยค่ะ!” เยียนเอ๋อร์เอ่ยอย่างจริงจัง
“ป้าจะรอนะ ตั้งใจเรียนเข้าไว้ วันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ป้าจะรอดูผลการเรียนของหนู” ซูตานหงตอบพร้ อมส่งยิ้ม
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้พูดอะไร มีเพียงแววซาบซึ้งใจฉายผ่านดวงตาของเขา
จี้เจี้ยนเหวินเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเขา เขาจะให้ของอีกฝ่ายบ้าง แน่นอนว่าเธอย่อมไม่คัดค้าน แต่ภร รรยาของเขายังกลับใจกว้างมากเสียจนเขาประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจในตัวภรรยาที่เขาแต่งงานด้วยดีว่าเป็นคนอย่างไร
วันถัดมาจี้เจี้ยนเหวินกับอวิ๋นลี่ลี่จึงได้รับของ
เมื่อทั้งคู่พบกับกระสอบบรรจุสิ่งของมากมาย พวกเขาถึงกับนิ่งไป
“เที่ยงนี้ทำไก่ตุ๋นกินกันเถอะ” จี้เจี้ยนเหวินสูดหายใจลึก อดกลั้นความตื้นตันซาบซึ้งใจไว้ ก่อนว่า าขึ้น
“ได้ค่ะ” อวิ๋นลี่ลี่พยักหน้ารับ
ทั้งสองกินมื้อเที่ยงอย่างอัตคัดทุกมื้อ
อาหารมื้อนี้จึงอร่อยเสียจนมีแรงออกไปทำงานตลอดทั้งบ่าย
พวกเขาไม่ได้กินไก่ตุ๋นจนหมดเร็วนัก ยังเหลือไว้อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้กลับกินต่อในมื้อเย็น การกินไก่ตุ๋นกับหมั่นโถวพลางซดน้ำแกงไก่ไปด้วยนั้น ไม่มีสิ่งใดหอมอร่อยไปมากกว่านี้แล้ว
ทั้งคู่จึงมีเรี่ยวแรงขึ้น จี้เจี้ยนเหวินไม่ได้ออกไปสอนพิเศษในช่วงปิดเทอมนี้
การสอนพิเศษหาเงินได้ก็จริง แต่การออกไปขายของนั้นหาเงินได้มากกว่า
ตอนที่อวิ๋นลี่ลี่ทำงานกับจี้อวิ๋นอวิ๋น หล่อนเองเคยมีโอกาสทำเช่นกัน
อวิ๋นลี่ลี่จึงนำสิ่งที่เรียนรู้มาจากจี้อวิ๋นอวิ๋นเมื่อก่อนหน้านี้มาใช้ และไปซื้อของมาขายด้วยตนเอง
ตอนนี้ใกล้ถึงวันปีใหม่แล้ว หล่อนออกไปซื้อของกับจี้เจี้ยนเหวิน และกลับมาพร้อมเสื้อผ้าเนื้อหนาจำ ำนวนมาก ทั้งหมดมีคุณภาพดี และยังราคาไม่แพง ที่สำคัญคือรูปแบบสวยงาม และยังไม่ต้องเสียค่าเช่าร้านหร รือพื้นที่ใด ๆ
เนื่องจากสามีภรรยาใช้วิธีตั้งแผงขายของ
สมัยนี้ยังไม่มีระบบการจัดการอย่างในยุคหลัง จึงสามารถตั้งแผงขายของได้อย่างอิสระ
ไม่เพียงแต่ขายเสื้อผ้า แต่ยังมีป้ายอวยพรด้วย กำไรจากการขายป้ายอวยพรสูงมาก อันที่จริงตั้งแต่พวกเข ขาขายของมา กำไรที่ได้นับเป็นเงินก้อนโตทีเดียว
อวิ๋นลี่ลี่จึงมีความคิดที่จะขายของต่อไป
จี้เจี้ยนเหวินกลับแย้ง “พอใช้หนี้หมดแล้ว เราทำเป็นงานเสริมดีกว่าครับ”
ตอนนี้เขาใช้ชีวิตไปวัน ๆ แม้ว่าจะหาเงินได้แต่เขาก็ไม่ชอบมัน เขายังชอบสอนหนังสือมากกว่า
“เจี้ยนเหวิน ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้คุณฝังใจอยู่ แต่ตอนนี้ฉันกลับไปสอนหนังสือไม่ได้แล้ว โรงเรีย ยนไม่รับฉันทำงานอีก ไม่มีทางที่จะรับสอนพิเศษได้ ฉันตั้งใจจะซื้อร้านในชุมชนสักที่ เป็นแค่ร้านเ เล็ก ๆ ไว้ขายเสื้อผ้าหาเลี้ยงชีพ ไม่อย่างนั้นฉันก็ได้แต่อยู่บ้าน ไม่เร็วก็ช้าฉันคงจะอึดอัดใจ คุณก็ รู้นิสัยฉันดีนี่คะ” อวิ๋นลี่ลี่บอก
“ไว้คุยเรื่องนี้กันคราวหลังเถอะครับ” จี้เจี้ยนเหวินเอ่ย
อวิ๋นลี่ลี่พยักหน้า หล่อนรู้ว่าหากเจี้ยนเหวินไม่ได้บอกปัดทันที แปลว่าหล่อนยังมีโอกาส จึงปล่อยไ ไปและไม่ได้กังวลใจ
หล่อนสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะทำเพียงเปิดร้านนี้ และไม่มีทางคิดโลภมากเด็ดขาด
กำไรจากการขายเสื้อผ้านั้นสูงมาก ทำให้หล่อนอุ่นใจขึ้น และคงจะช่วยแบ่งเบาภาระของเจี้ยนเหวินได้ด ด้วยไม่ใช่หรือ?
ทั้งคู่ทำงานหนัก แต่ยังมีของที่ซูตานหงส่งมาให้ แม้จะง่วนกับการทำงาน แต่พวกเขากลับดูสุขภาพดีขึ้น น
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังอายุน้อย อายุเพียง 30 ต้น ๆ เท่านั้น ยังอายุไม่มากเท่าใด ร่างกายจึงแข็งแรงดี อยู่
ไม่กี่วันต่อมา ซูตานหงได้ส่งเนื้อแกะมาให้ 2 ชั่ง และครีมน้ำหอมอีกกระปุก
“เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าสำหรับวันส่งท้ายปีเก่าครับ” ซูจูเหมาบอก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถึงจริงจังอย่างไรก็ควรต้องดูแลสุขภาพบ้างนะ ถ้าไม่ได้เยียนเอ๋อร์มาขอไว้นี่ก็ไม่รู้ว่าบ้านสี่จะอ อดอยากกันต่อไปถึงขนาดไหน
ไหหม่า(海馬)
Comments