ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 213 เก็บเกี่ยว
ตอนที่ 213 เก็บเกี่ยว
จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกพอใจกับคนงานทั้งสองอย่างซุนต้าซานกับเหอเจี่ย
พวกเขาบันทึกค่าใช้จ่ายในร้านทุกเดือนทั้งหมดโดยละเอียด ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน แม้แต่ผลไม้ที่มีส่วนเน่าเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้อย่างสตรอเบอรี่ก็ยังจดบันทึกไว้ครบ รวมถึงปริมาณสินค้าต่าง ๆ ซึ่งเขาเข้าใจในข้อนี้ดี หากเป็นคนอื่นควรทำตามทั้งสอง
มีคนงานดีอย่างนี้อยู่ในมือ จี้เจี้ยนอวิ๋นย่อมยินดีช่วยเหลือพวกเขาอยู่แล้ว
ตอนนี้ราคาห้องชุดขนาด 80 ตารางเมตรในเมืองมหาวิทยาลัยพุ่งสูงถึง 4,000 หยวน จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดถูกที่ซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้ถึง 3 ห้อง เนื่องจากผ่านไปไม่กี่ปีก็ราคาขึ้นกว่าครึ่ง และคาดว่าจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ
บางทีต่อไปอาจสูงขึ้นถึง 10,000 หยวนก็เป็นได้?
เขาถึงยินดีจะให้ซุนต้าซานกับเหอเจี่ยยืมเงินซื้อบ้าน นอกจากจะเป็นเพราะเห็นใจพวกเขา ยังถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตอีกด้วย
มีคนมากมายแค่ไหนที่ดิ้นรนทั้งชีวิตแต่ก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านได้สักหลัง?
แม้จะเห็นใจพวกเขา หากแต่จุดประสงค์หลังของเขาคงไม่พ้นต้องการให้อีกฝ่ายตั้งใจทำมาหากิน เมื่อถึงเวลาที่เหรินเหรินกับฉีฉีมาเรียนที่นี่จะได้มีพวกเขาช่วยคอยดูแลให้เท่านั้นเอง
เพราะสองชุมชนไม่ได้ไกลกันมาก
เดิมทีจี้เจี้ยนอวิ๋นหวังให้พวกเขาซื้อห้องชุดขนาดใหญ่กว่านี้ เทียบกับคนในครอบครัวแล้ว ห้องขนาดเท่านี้นับว่าคับแคบไปหน่อย แต่ในเมื่อเจ้าตัวต้องการเช่นนั้นเขาก็ไม่อยากขัด และไม่คิดไปเจ้ากี้เจ้าการแต่อย่างใด
ซุนต้าซานตกลงซื้อห้องชุดอย่างรวดเร็ว ห้องชุดนี้มี 2 ห้องนอน และห้องนั่งเล่นกับห้องน้ำอย่างละห้อง แม้จะมีพื้นที่เพียง 80 ตารางเมตรแต่กลับยังดูกว้างขวางไม่น้อย
นอกจากนี้ยังถูกตกแต่งไว้อย่างดี และพร้อมเข้าอยู่อาศัยได้ทันที
เรื่องการย้ายบ้านนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่คิดเข้ามายุ่งเกี่ยว ด้วยทั้งสองคงไม่เบียดบังเวลางานมาจัดการเรื่องนี้ ปกติแล้วร้านค้าจะเปิดราว ๆ 6 โมงเช้า และปิดประมาณสองทุ่ม แต่เพราะช่วงนี้เป็นฤดูร้อนหลังปิดร้านจึงยังไม่มืดมากนัก ทำให้สามารถย้ายบ้านในเวลานี้ได้ อีกทั้งข้าวของก็มีไม่มาก
แต่เนื่องจากพวกเขาต้องดูแลร้านและยังอยู่ในช่วงหน้าร้อน จึงตัดสินใจอาศัยอยู่ที่ร้านต่อ อีกทั้งการอยู่ที่ร้านยังทำให้บ้านที่ซื้อมายิ่งดูกว้างขวางขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ?
นอกจากนั้นตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเปิดเทอม จึงไม่สามารถพาลูก ๆ และพ่อแม่ย้ายมาได้จนกว่าจะถึงปิดเทอมฤดูร้อน
จี้เจี้ยนอวิ๋นให้พวกเขายืมเงินไป 3,000 หยวน รวมกับที่จี้เจี้ยนเหวินยืมไปอีก 500 หยวน รวมเป็นเงิน 3,500 หยวนแล้ว
มันแทบจะเท่ารายได้ของจี้เจี้ยนอวิ๋นตลอดทั้งปีที่ผ่านมา หากแต่ตอนนี้มันก็ถูกใช้ไปจนเกือบหมด
เพราะปีนี้ราคาผลไม้ขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่จะมีรายได้เยอะถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะผลไม้ในสวนของเขาที่หารับประทานยาก นอกจากชาวเมืองมหาวิทยาลัยที่คุ้นชินแล้ว คนอื่น ๆ ก็ยอมซื้อในราคาแพงกันทั้งนั้น
อย่างเพื่อนร่วมอาชีพครูของอวิ๋นลี่ลี่ที่โรงเรียนยังคิดว่าพวกมันราคาสูงมากจนไม่กล้าซื้อเสียด้วยซ้ำ
หากแต่พวกมันก็รสชาติอร่อยเสียจนคนส่วนใหญ่ยังคงหาซื้อมากินทั้งที่บ่นกันระงมว่าแพงนักหนา
ทั้งสาลี่และพุทราต่างได้รับความนิยมไม่น้อย
ผลไม้สองชนิดนี้จะหมดฤดูภายในเดือนหก หากแต่ยังเหลือแอปเปิ้ลที่ต้องจัดการในอีกราวครึ่งเดือนต่อมา ต้นแอปเปิ้ลพวกนี้ทั้งโตเร็วกว่าปกติ และรสชาติหวานกรอบ บางครั้งโชคดีก็จะได้แอปเปิ้ลแกนน้ำผึ้งมา
เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องระดมคนงานไปเก็บแอปเปิ้ล
แต่ตอนนี้เขาต้องดึงกำลังคนมาทุ่มเทกับการเกี่ยวข้าวเสียก่อน
เนื่องจากข้าวที่ปลูกไว้ 15 หมู่จาก 30 หมู่เมื่อก่อนหน้านี้ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว
เขาให้หยางอ้ายเซินกับคนอื่น ๆ ลงจากสวนมาจัดการ ข้าวพวกนี้ได้รับปุ๋ยเพียงพอและมีการดูแลอย่างดี ถึงได้ออกรวงกันมากมายอย่างนี้
ทุกคนงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเม็ดข้าวใหญ่ถึงขนาดนี้ นอกจากเมล็ดข้าวจะใหญ่กว่าเมล็ดข้าวทั่วไปราวครึ่งเท่าตัวแล้ว ลำต้นยังแข็งแรงกว่าปกติ ทั้งยังไม่มีอาการของโรคพืชใด ๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้หลายคนถึงกับอึ้ง พากันถามจี้เจี้ยนอวิ๋นว่าไปเอาเมล็ดพันธุ์มาจากไหน
จี้เจี้ยนอวิ๋นได้แต่บอกให้ไปถามแม่ของเขาซึ่งเป็นคนไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มา
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ยักรู้เลยว่าภรรยาจะชอบพาเหรินเหรินกับฉีฉีออกมาเดินเล่นในช่วงเย็นขนาดนี้ พวกเขามักเดินสำรวจไปทั่ว เจ้าตัวเล็กทั้งสองชอบอกชอบใจกันใหญ่ ส่วนเธอก็ตามใจลูกเสียเหลือเกิน
พวกเขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหยางอ้ายเซินจะเอ่ย “เจ้าสองแสบมาที่นี่เวลานี้ตลอดเลย คงได้ป่วนไม่หยุดแน่”
หยางอ้ายเซินกับสวี่เจี้ยนกั๋วเข้าใจธรรมชาติของเด็ก ๆ ที่ชอบออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก ดังนั้นถึงจะซนไปบ้าง พวกเขาก็ไม่นึกถือสาแต่อย่างใด
ชาวบ้านบางคนมาถามคุณแม่จี้เรื่องพันธุ์ข้าว แม้จะคิดว่าเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของเซียนจิ้งจอกที่คอยช่วยเหลือมากกว่า แต่นางก็ตอบไปอีกแบบ “ซื้อมาจากพ่อค้าน่ะ เขาเสนอราคาถูกแล้วคุณภาพก็ดี ฉันก็เลยตัดสินใจซื้อมา”
“ซื้อที่ไหนล่ะ? ฉันไม่เห็นรู้มาก่อน ไม่เหมือนข้าวที่อื่นเลย ฉันว่าจะซื้อพันธุ์ข้าว คงไม่ต้องถึงขั้นไปตามหาเขาหรอกใช่ไหมเนี่ย?”
“เฮ้อ บ้านฉันก็เพิ่งปลูกข้าวปีนี้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าอยากได้พันธุ์ก็ลองไปขอซื้อจากเจี้ยนอวิ๋นดูแล้วกัน คนบ้านเดียวกันทั้งทีเขาคงคิดไม่แพงหรอก” คุณแม่จี้บอก
ถึงนางจะพูดเหมือนไม่ใส่ใจเช่นนั้นแต่ก็เร่งลงจากสวนมาดูนาข้าวทันที
ช่วงนี้นางยุ่งมากจนไม่มีเวลาลงมาจากสวน จึงนึกไม่ถึงว่าข้าวในนาของเจี้ยนอวิ๋นจะเติบโตได้ดีถึงเพียงนี้?
ดูลำต้นตั้งตรงแข็งแรงพวกนั้นสิ แถมเมล็ดข้าวโต ๆ แต่ละเมล็ดอีก
“พื้นที่นี้น่าจะได้ผลผลิต 700 ถึง 800 ชั่งเลยใช่ไหม?” คุณแม่จี้ว่าขึ้นพร้อมแววตาเป็นประกาย
ตอนนี้ถือได้ว่าผลผลิตยังไม่ดีพอ ปกติข้าวเป็นพืชที่ให้ผลผลิตได้สูงถึงราว 400 ชั่งต่อหมู่ หากแต่มีแค่ที่ดินอุดมสมบูรณ์เท่านั้นที่จะทำเช่นนั้นได้
ที่ดินแปลงนี้ค่อนข้างแล้ง เรียกได้ว่าไม่ค่อยดีนัก น้อยคนนักจะคิดปลูกข้าว ส่วนใหญ่จะใช้ปลูกข้าวโพดและข้าวสาลีมากกว่า
ที่ดินของลูกชายนางมันแทบเรียกไม่ได้ว่าเป็นที่ดินชั้นสองด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นที่ดินชั้นสองก็คงจะอยู่ในระดับต่ำสุด
หากแต่กลับได้ผลผลิตถึงขนาดนี้ ถือว่าน่าทึ่งอย่างถึงที่สุด!
“น่าจะถึง 700-800 ชั่งนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกขณะยกยิ้ม
เขาพอใจกับผลผลิตครั้งนี้มาก
ก่อนเขาจะรู้ว่าที่จริงกลับได้เมล็ดข้าวมากกว่า 1,100 ชั่งเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวในพื้นที่ 15 หมู่เสร็จ เฉลี่ยได้เกือบ 75 ชั่งต่อหมู่ ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณมากทีเดียว
หลังเอาข้าวทั้งหมดไปสีเปลือกออกก็พบว่ายังเหลือผลผลิตมากกว่า 7 ใน 10 ส่วน จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงเก็บเอาไว้กินที่บ้าน 200 ชั่ง บางส่วนแบ่งไปให้พ่อแม่และแม่ยาย ก่อนส่งส่วนที่เหลือทั้งหมดไปขายที่เมืองมหาวิทยาลัย
พร้อมกับถั่วลิสง ถั่วเหลือง และงาดำในไร่ที่โตเต็มพร้อมเก็บเกี่ยวพอดี
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คนบางคนหาเงินให้ตายก็ยังซื้อบ้านไม่ได้ ประโยคนี้อ่านแล้วจุกเลยค่ะ
ตานหงกับพี่จี้สมควรได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแล้วนะคะ ปลูกเยอะขายเยอะขนาดนี้
Comments