ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 278 เริ่มสร้างบ้าน
ตอนที่ 278 เริ่มสร้างบ้าน
“พี่เองก็ได้ยินมาบ้างตอนที่แวะไปแถบชานเมืองในครั้งก่อนด้วย” เฝิงฟางฟางบอก
“ได้ยินอะไรมาเหรอคะ?” จี้มู่ตานถามหล่อน
“ผู้ชายคนนั้นเคยหย่ามาก่อนล่ะ!” เฝิงฟางฟางโพล่งขึ้น
แน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หล่อนอยากรู้เป็นพิเศษ หากแต่ก็ไม่จำเป็นต้องสืบหาข้อมูลมากนัก เพราะตอนนั้นมีคนเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก แค่ถามความคืบหน้าเรื่องนี้ไม่เท่าไรก็ได้รู้เรื่องที่ต้องการ อีกทั้งยังได้ข้อมูลของโจวจื่อมาอีกด้วย
“หย่าเหรอ?” จี้มู่ตานถึงกับตกใจ
สมัยนี้การหย่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต หากแต่ข่าวฉาวจากการหย่าร้างก็ยังไม่น่าอภิรมย์นัก
“เป็นอย่างนี้แล้ว จี้อวิ๋นอวิ๋นจะเป็นยังไงล่ะคะ?” จี้มู่ตานถามไปตามตรง
“ใครจะไปรู้ได้ล่ะ” เฝิงฟางฟางว่าเย้ย
ผู้ชายที่หย่าแล้วคนนั้น หล่อนได้ยินว่าภรรยาเขาจับได้เพราะเขาไปมีชู้นอกบ้าน ภรรยาของเขาโกรธมาก จึงได้ตัดสินใจหย่ากัน
หากแต่ไม่คิดว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะไปทำงานในโรงงานนั้นได้ไม่นาน และพวกเขาจะชอบพอกันได้
“แต่ก็ช่างเถอะ หล่อนไม่คู่ควรกับหลี่จื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” จี้มู่ตานบอก
“ครั้งก่อนหลี่จื้อบอกว่าแม่เขาล้มไม่ใช่เหรอ? ขนาดนั้นหล่อนยังไม่เคยกลับไปดูดำดูดีสักครั้งเลย มีลูกสะใภ้ที่ไหนทำตัวแบบนี้กัน พวกเขาก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของหล่อนทั้งนั้น ครอบครัวหลี่ล้วนมีเกียรติ หล่อนโชคดีแล้วที่ได้แต่งงานเข้าไป ขนาดฉันไม่สนิทสนมกับครอบครัวหลี่นักยังนึกเห็นใจครอบครัวหลี่เลย” เฝิงฟางฟางว่า
ทั้งสองดูมีอารมณ์ร่วมมากในการนินทาจี้อวิ๋นอวิ๋น โดยที่พวกหล่อนไม่คิดปรานีแต่อย่างใด เพราะทนกับยัยองค์หญิงจี้อวิ๋นอวิ๋นที่ทำตัวเสเพลมาหลายปีไม่ไหวแล้วเช่นกัน!
“แล้วสถานการณ์ทางบ้านของผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะคะ?” จี้มู่ตานถาม
“ได้ยินว่ามีลูกชายอยู่คนหนึ่งนะ แต่เห็นว่าลูกชายคนนั้นถูกส่งไปให้แม่เขาเลี้ยงและไม่ได้อยู่กับเขาน่ะ ฐานะทางบ้านก็พอใช้ได้ เขาเป็นพนักงานชั่วคราวอยู่ ถ้าจี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ออกไปทำงาน เขาก็คงจะหาเลี้ยงหล่อนอยู่ที่บ้าน เขาเองก็น่าจะไม่มีความสุขนักหรอก” เฝิงฟางฟางบอก
หล่อนสืบถามเรื่องนี้มามากทีเดียว
ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะเป็นคนดีอย่างหลี่จื้อ ซึ่งปล่อยให้หล่อนอยู่เฉย ๆ ที่บ้านราวกับบรรพบุรุษเช่นนี้
ผู้ชายคนนั้นคงไม่เคยชินกับเรื่องนี้ เนื่องจากหล่อนรู้มาว่าอดีตภรรยาของเขาโมโหเพราะเขาออกไปคบชู้นอกบ้านบ่อย ๆ หลังจากเกิดเรื่องหลายครั้ง อีกฝ่ายจึงตัดสินใจหย่า
“อย่างนั้นก็เกรงว่าชีวิตของหล่อนคงจะแย่แล้วล่ะ” จี้มู่ตานเอ่ยพร้อมยิ้มเยาะ
พวกหล่อนไม่อาจเข้าใจนิสัยของจี้อวิ๋นอวิ๋นได้ ทั้งคู่เอือมระอากับยัยองค์หญิงเอาแต่ใจคนนี้เต็มทีแล้ว ครั้งนี้ที่หล่อนหนีตามผู้ชายคนนั้นไป ก็คอยดูต่อไปแล้วกันว่าหล่อนจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
เดิมทีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเฝิงฟางฟางหรือจี้มู่ตานต่างก็คิดว่าหล่อนสามารถแต่งงานกับหลี่จื้อได้ ถึงจะไม่ได้พูดออกมาแต่ก็คิดกันว่าหล่อนน่าจะมีชีวิตที่ดี
หลี่จื้อเป็นใครกัน นักศึกษามหาวิทยาลัยระดับหัวกะทิเชียวนะ ทั้งมีชื่อเสียงและอยู่ใกล้บ้าน ตอนนั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยหาได้ยากราวกับหมีแพนด้า แต่เขาก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปสอนหนังสือแถบชานเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย เรียกได้ว่ามีการงานมั่นคง จึงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล
ลำพังเพียงหน้าที่การงานมั่นคงก็เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในวันธรรมดาแล้ว เก็บออมไว้สักหน่อยก็ยังมีเหลือไม่น้อย และยังมีวันหยุดอีกด้วย อาทิตย์หนึ่งได้วันหยุดถึง 2 วัน ทำงานเพียง 5 วันเท่านั้น จากนั้นค่อยเกษียณอายุตอนแก่ตัวลง จะมีสิ่งใดดีไปมากกว่านี้อีกกัน?
การได้แต่งานกับผู้ชายแบบนี้ แม้แต่เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานยังไม่กล้าคิดเลย
ใครจะคิดว่ายังไม่ทันถึง 2 ปี พวกเขาก็หย่ากันแล้ว
เมื่อพวกหล่อนทั้งสองรู้เรื่องนี้ พวกหล่อนก็หลุดขำออกมาทันที ท้ายที่สุดคนมันจะไม่มีโชคก็คือไม่มีโชค พวกเขาไม่สามารถไปกันรอด ต่อให้มีลูกด้วยกัน แต่ความจริงก็คือหล่อนยังยืนกรานจะหย่าให้ได้
ทั้งสองพูดเหยียดหยามจี้อวิ๋นอวิ๋น ในขณะที่ซูตานหงกับอวิ๋นลี่ลี่ไม่ได้กล่าวแทรกแต่อย่างใด
ซูตานหงเองก็เหมือนกับพวกหล่อน เธอไม่ถูกชะตากับจี้อวิ๋นอวิ๋นแม้แต่น้อย ส่วนอวิ๋นลี่ลี่นั้นทำเพียงนิ่งเงียบ
หล่อนรู้เพียงว่าผู้ชายที่จี้อวิ๋นอวิ๋นคบชู้ด้วยเคยผ่านการหย่ามาแล้ว!
จี้อวิ๋นอวิ๋นตาบอดหรืออย่างไร? ทิ้งหลี่จื้อไปยังไม่พอ ยังไปคบชู้กับผู้ชายที่หย่าร้างมาแล้วด้วย อีกทั้งยังหย่าเพราะเคยทำเรื่องผิดพลาดมาในอดีตอีกต่างหาก
หล่อนจะวางใจได้อย่างไร ต่อไปชายคนนี้จะไม่ออกไปคบชู้นอกบ้านหรอกหรือ? และหล่อนจะทำอย่างไรได้?
เมื่อพูดคุยกันเสร็จ ทุกคนต่างแยกย้ายไปหาลูก ๆ ของตน แล้วอวิ๋นลี่ลี่ก็เล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้จี้เจี้ยนเหวินฟัง
ไม่มีทางที่จะไม่พูดเรื่องนี้ เนื่องจากจี้อวิ๋นอวิ๋นอาศัยอยู่ที่เมืองเจียงสุ่ย และหล่อนก็รู้จักบ้านของพวกเขา หากต่อไปเกิดอะไรขึ้น หล่อนจะไม่วิ่งโร่มาหาพวกเขาเหรอ?
“หล่อนจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราแล้ว” จี้เจี้ยนเหวินคร้านจะใส่ใจเรื่องนี้
สำหรับน้องสาวคนนี้ เขาหมดสิ้นซึ่งความหวังไปแล้ว
“และตอนนี้เรื่องก็ผ่านไปแล้ว จะพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไรกันล่ะ?” จี้เจี้ยนเหวินบอก
อวิ๋นลี่ลี่ถอนหายใจ จริงอยู่ที่ตอนนี้เรื่องจบไปแล้ว และไม่มีประโยชน์จะมาพูดถึงในตอนนี้ ต่อให้หล่อนสำนึก เรื่องก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
ในวันแรกของปีใหม่ หลี่จื้อก็พาหยวนหยวนมาทักทาย
แม้ว่าหยวนหยวนยังมีอายุน้อย แต่เธอก็จำซูตานหงได้ เมื่อเห็นหน้าซูตานหง เธอก็ยื่นมือออกไปหาพร้อมดวงตาเป็นประกาย
ซูตานหงส่งยิ้มและแตะใบหน้าของเธอ ขอให้จี้เจี้ยนอวิ๋นอุ้มเด็กหญิงให้ ตอนนี้เธอท้องแก่แล้วจึงไม่สะดวกจะอุ้ม จากนั้นก็ชงนมมาให้ดื่ม เด็กหญิงดื่มนมอย่างมีความสุข แม้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะเป็นคนอุ้มแต่เธอก็ไม่ดิ้นแต่อย่างใด
ทั้งเหรินเหรินกับฉีฉีต่างได้รับซองแดง และแน่นอนว่าซูตานหงก็ได้ให้ซองแดงกับหยวนหยวนเช่นกัน
หลี่จื้ออยู่กินอาหารมื้อกลางวันด้วยกัน และกลับไปพร้อมหยวนหยวนซึ่งหลับไปหลังกินเสร็จ
เขาอยู่ต่อได้ถึงช่วงเทศกาลโคมไฟ ก่อนจะกลับไปทำงาน
ในวันต่อมา จี้เจี้ยนอวิ๋นกับซูตานหงจึงพาเหรินเหรินกับฉีฉีมาอวยพรปีใหม่ให้คุณแม่ซู
คุณแม่ซูเตรียมตัวรอแต่เช้าตรู่ สะใภ้ใหญ่ซูและซูจิ้นจวินไม่ได้กลับไปหาครอบครัวฝ่ายหญิง ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา สะใภ้รองซูกับซูจิ้นตั๋งก็ไม่ได้กลับไปเช่นกัน
แน่นอนว่าไม่มีทางหรอก เพราะหากกลับไปทั้งสองครอบครัวคงจะเดือดร้อน ดังนั้นจึงทำเพียงส่งของไปให้ แต่ไม่ได้กลับไปหาด้วยตนเอง
สะใภ้ใหญ่ซูไม่ต้องการให้ครอบครัวของหล่อนหยิบยืมเงิน หล่อนเก็บเงินไว้ใช้เองไม่ดีกว่าหรอกเหรอ? เรื่องอะไรจะยอมให้ยืมเงินกัน!
สะใภ้รองซูเองก็รำคาญที่ครอบครัวมักเสนอให้เอาคนที่บ้านมาทำงานที่ร้าน หยางต้าหยาทำงานได้คล่องแคล่วดีแล้ว หล่อนไม่ได้ขาดคนแต่อย่างใด เหตุใดถึงต้องจ้างคนงานเพิ่มด้วย?
หากแต่คนที่บ้านหล่อนกลับต้องการให้ไล่อีกฝ่ายออก จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า?
ด้วยเหตุนั้น ทั้งคู่จึงไม่ได้กลับบ้าน
เนื่องจากปีนี้ทั้งสองทำกำไรได้มาก ฐานะทางบ้านจึงสุขสบายขึ้น อีกทั้งตลอดปีที่ผ่านมายังไม่ได้เจอกันมานาน การได้เจอกันบ้าง จึงทำให้พวกเขากลมเกลียวกันดี
เหรินเหริน ฉีฉี กับสือโถวออกไปเล่นด้วยกัน ส่วนลูก ๆ ของสะใภ้ใหญ่ซูก็ตามออกไปเล่นด้วย
สะใภ้ใหญ่ซูพูดถึงแผนที่จะสร้างบ้าน
“สร้างบ้านเหรอคะ?” ซูตานหงส่งยิ้ม “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เก็บเงินไว้มากเท่าไรกันคะ?”
“ไม่มากนักหรอก มากกว่า 800 หยวนเอง” สะใภ้ใหญ่ซูเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
หล่อนเฝ้าเก็บหอมรอมริบมาเพื่อครอบครัว จึงยังคงพึงพอใจกับเงินจำนวนนี้
“มากกว่า 800 หยวนถือว่าเป็นจำนวนมากก็จริง แต่เงินเท่านี้ไม่พอจะสร้างบ้านได้หรอกค่ะ การจะสร้างบ้านสักหลังหนึ่ง ถ้าไม่มีสัก 7,000 หรือ 8,000 หยวน ก็ไม่มีทางเลยค่ะ” สะใภ้รองซูเข้าร่วมวงสนทนาและว่าขึ้น
“7,000 หรือ 8,000 หยวนเหรอ? มันไม่น่าจะแพงขนาดนั้นเลยนี่?” สะใภ้ใหญ่ซูเอ่ยอย่างงุนงง
“ถ้าจะสร้างบ้าน 2 ชั้น หรือจะ 3 ชั้น คงต้องใช้เงินมากกว่านี้ค่ะ” สะใภ้รองซูกล่าวเสริม
“ถ้างั้นฉันขอยืมเงินน้องสาวน้องชายสักหน่อยได้ไหม? ต่อไปเราก็จะเริ่มสร้างบ้านของเรากันแล้ว น่าจะเป็นบ้านชั้นเดียว” สะใภ้ใหญ่ซูเอ่ย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เธอตาถั่วหรือเปล่าเนี่ยอวิ๋น ๆ ทิ้งเพชรไปคว้าก้อนกรวดเฉย แต่ก็เหมาะสมกับเธอแล้วล่ะที่ได้เศษสวะแบบนี้ไปเป็นผู้ใหม่
สะใภ้ใหญ่ซูขอยืมเงินแล้ว ตานหงจะให้ยืมไหม ติดตามกันต่อไปค่ะ
ไหหม่า(海馬)
Comments