ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐีบทที่253 แผนการของลี่เหวินหยาง

Now you are reading ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี Chapter บทที่253 แผนการของลี่เหวินหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่253 แผนการของลี่เหวินหยาง

“เฉินเกอ คุณกับคุณน้าหลินพวกเขารู้จักกันหรอ?”

เรื่องครั้งก่อนที่อยู่โรงพยาบาล เฉินเกอทั้งขับเบ๊นซ์ G500 อีกทั้งยังรู้จักกับประธานาธิบดีของอำเภอผิงอัน ซึ่งทำให้เจียงเฉว่ฉิงตกตะลึงหนักมาก

บอกตามตรง วันนั้นเฉินเกอออร่าพุ่งมากจริง ๆ

แต่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เฉินเกอกับลี่เหวินหยาง รวมทั้งจ้าวเจี๋ยที่อยู่ข้างๆของเธอ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วยังรู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างอยู่

บ้านของลี่เหวินหยางมีบริษัทใหญ่ และตัวเขาเองก็เปิดบริษัทและเป็นเจ้านายเองด้วย

ถึงแม้ว่ารถยนต์ที่เขาขับจะดีไม่เท่ารถGใหญ่ของเฉินเกอ แต่ว่าลี่เหวินหยางมีอนาคตนิ

ส่วนจ้าวเจี๋ย ก็เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เจียงเฉว่ฉิงสงสัยว่าเป็นคนที่ช่วยเธอไว้ในครั้งก่อน

คนเขาเป็นคณะกรรมการควบคุมคนอยู่ที่บริษัทใหญ่ มีเงินเดือนมาตรฐานตามตำแหน่ง และมีเงินปันผลปลายปีต่าง ๆอีกด้วย

อีกทั้งยังมีงานเป็นของตัวเอง

เป็นพนักงานออฟฟิศที่หล่อเหลามาก

แล้วเฉินเกอล่ะ เขายังมีอะไรหรอ?

แม้ว่าตอนนี้เฉินเกอก็ถือว่าเป็นคนมีหน้ามีตาในชั้นเรียนแล้ว แต่เจียงเฉว่ฉิงกับเขา ก็ไม่มีความสัมพันธ์เหมือนสมัยเรียนมัธยมตอนปลายแล้วเช่นกัน

“อืมๆ รู้จัก ไม่คิดว่าคนที่คุณน้าหลินชวนจะเป็นพวกคุณ บังเอิญจริง ๆ!”

เฉินเกอพยักหน้า

สำหรับกลุ่มคนพวกนี้ ถึงแม้ว่าบางคนจะรู้สึกกับเฉินเกอแบบปากไม่ใช่ปากและตาไม่ใช่ตา แต่พวกเขาก็นั่งลงทานข้าวดื่มไวน์และพูดคุยกัน

เฉินเกออยู่ข้างๆ และมองออกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป

นั้นก็คือความสัมพันธ์ของลี่เหวินหยางกับเจียงเฉว่ฉิงเหมือนกับว่าจะแปลกไปมากกว่าก่อนหน้านี้

พูดอย่างไรดี

เมื่อก่อนเจียงเฉว่ฉิงตัวจะยึดติดกับลี่เหวินหยางอยู่ตลอดเวลา และลี่เหวินหยางก็ชอบเจียงเฉว่ฉิงเหมือนกัน

แต่ตอนนี้ ความสนใจส่วนใหญ่ของเจียงเฉว่ฉิง กลับมุ่งไปที่ตัวของจ้าวเจี๋ยแทน

บางครั้งลี่เหวินหยางก็มองไปที่เฉินเกอด้วยสายตาที่เย็นชา และก็มองไปที่จ้าวเจี๋ยด้วยความอิจฉา

อย่างไรก็ตามบนใบหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย

แต่ว่าลี่เหวินหยางก็ไม่ถือว่าเลวร้ายเท่าไหร่

เพราะว่ารูปลักษณ์หน้าตาของสวี่ซินทำให้ดวงตาเขาเปล่งประกาย

ถ้าเทียบกับรูปลักษณ์ เธอและเจียงเฉว่ฉิงนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน และเธอยังมีความไร้เดียงสามากกว่าเล็กน้อย ความสวยงามธรรมชาติของเธอทำให้คนรู้สึกว่าน่ารักมาก

ดังนั้น ในขณะที่ลี่เหวินหยางอิจฉาจ้าวเจี๋ยอยู่นั้น ก็ไม่ลืมที่จะแสดงความโปรดปรานต่อสวี่ซิน

หลิวเมิ่งก็เห็นว่าสวี่ซินนั้นสวยงาม ก็เลยแสดงความโปรดปรานด้วยเช่นกัน แต่ว่าหลังจากมองไปที่สีหน้าของลี่เหวินหยาง ก็ไม่กล้าที่จะริเริ่มแสดงความโปรดปรานอีกเลย

แต่ที่น่าอึดอัดคือ สวี่ซินเหมือนกับว่าจะมีความรู้สึกต่อเฉินเกอเล็กน้อย อีกทั้งยังใช้ตะเกียบของตัวเองคีบอาหารให้เฉินเกอตลอด

ทำให้ลี่เหวินหยางกับหลิวเมิ่งต่างก็ค่อนข้างไม่พอใจ

สรุปแล้วอาหารมื้อนี้ แม้ว่าบนพื้นผิวค่อนข้างจะสงบเป็นมิตร แต่ความจริงแล้วเป็นดั่งคลื่นใต้น้ำกำลังไหลอยู่

ในขณะนี้เอง หลังจากที่ลี่เหวินหยางมองเฉินเกอ ก็ส่งสายตาให้กับหลิวเมิ่ง จากนั้นทั้งสองคนก็หาข้ออ้างออกไปเข้าห้องน้ำแล้ว!

“พี่เฉ่า ทำไมหรอ?คุณคงไม่ใช่ว่ามีความรู้สึกกับสวี่ซินใช่ไหม?เธอเป็น……”

หลิวเมิ่งกล่าว

“ไปให้พ้น อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ ฉันจะบอกว่า ในที่สุดวันนี้ฉันก็มีโอกาสระบายความอัดอั้นให้ตัวเองแล้ว และยังสามารถให้เจียงเฉว่ฉิงตัวแสบคนนี้และสวี่ซินมองฉันให้สูงขึ้นอีกครั้ง!”

ลี่เหวินหยางนึกถึงความอึดอัดลำบากใจบนโต๊ะอาหารเมื่อกี้ ก็พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ดุร้ายบนใบหน้าว่า

“ห๊ะ?พี่หยาง?คุณเตรียมจะแก้แค้นเฉินเกอหรอ?แล้วทำอย่างไร?”

หลิวเมิ่งก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน

ครั้งก่อนที่ชกต่อย นอกจากลี่เชาเข้าแล้ว หลิวเมิ่งก็เข้าแล้วเช่นกัน และในเวลาเดียวกันหลิวเมิ่งก็ยังเป็นลูกน้องในมือของลี่เหวินหยางสมัยเรียนมัธยมตอนปลายด้วย

บ้านของเขาทำธุรกิจโรงงาน ร่ำรวยมีเงิน และเรื่องชกต่อยก็ยอดเยี่ยม

“ใช่แล้ว สองสามวันก่อนพวกเราออกมาดื่มกัน คุณไม่ใช่มีพี่ชายคนหนึ่งในท้องถนนนี้ที่ชื่อหยางเหวินหลงหรอ?คุณเอาอย่างนี้ เดี๋ยวคุณโทรศัพท์หาพี่หลง และให้เขามาทำให้คนในโต๊ะอาหารนี้ตื่นตระหนกหน่อย หลังจากนั้น พอแก้ไขปัญหาไม่ได้แล้ว ฉันค่อยออกหน้ารับมือ และในขณะเดียวกันก็ให้พี่จินของฉันโทรศัพท์หาพวกเขาด้วย ฮ่าฮ่า ตอนนี้ในอำเภอผิงอันหรือแม้แต่คนที่อยู่ที่จินหลิง ใครหน้าไหนก็ต้องให้หน้ากับพี่จินของฉันสักหน่อย!”

“อีกอย่างไม่เพียงแค่ทำให้ตื่นตระหนก ดีที่สุดคือวิพากษ์วิจารณ์เฉินเกอสักหน่อย ทำให้เขาอับอายขายหน้าจะดีที่สุด!”

ลี่เหวินหยางกล่าว

หลิวเมิ่งได้ยินเช่นกัน ก็เม้มริมฝีปากและชื่นชมความมหัศจรรย์ของมัน

“แผนการนี้ดีมาก!”

“อืมๆ เพราะเรื่องครั้งก่อนพี่จินไม่สามารถที่จะช่วยฉันได้ ดังนั้นเขาก็ค่อนข้างรู้สึกผิดกับน้องชายบุญธรรมอย่างฉันคนนี้มาก และบอกว่าต่อไปนี้ถ้าฉันมีเรื่อง และเป็นเรื่องที่เขาสามารถดูแลได้เขาก็จะช่วยแน่นอน!”

ลี่เหวินหยางพูดอย่างภาคภูมิใจ

“งั้นได้ ตามนี้เลย ฉันจะโทรหาพี่หลงเดี๋ยวนี้!”

หลิวเมิ่งกดโทรศัพท์โทรไปทันที

ต่อมาทั้งสองคนก็กลับมาที่ห้องโถงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความตื่นเต้นมาก

เฉินเกอรู้สึกประหลาดใจและกัดกินขาหมูอยู่ด้านข้าง ไอ้สองคนนี้หัวเราะอะไรกัน?

จากนั้นผ่านไปไม่นานมากนัก

ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านนอก

“พวกคุณทำอะไร?พวกคุณเข้าไปไม่ได้!”

เสียงของพนักงานหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“หลีกไปให้พ้น!”

ชายคนหนึ่งตะโกนด่าขึ้น

จากนั้นประตูของห้องโถงก็ถูกเตะออก

ก็เห็นผู้ชายแข็งแรงราวเจ็ดถึงแปดคนที่ไว้ทรงผมสกีนเฮด และแขวนสร้อยคอทองคำไว้ที่คอเดินเข้ามา

ท่อนบนร่างกายของพวกเขาทั้งหมดเปลือยเปล่า และยังมีรอยสักมังกรและหงส์บนร่างกาย

มีพลังครอบงำมาก

และพวกเขาต่างก็ถือเสื้อแขนสั้นของตัวเองไว้ในมือ และในขณะนี้ก็มองอย่างเย็นชาไปยังผู้คนที่อยู่ในห้องนี้

หนึ่งในคนที่อยู่ข้างหน้าสุด ใส่เสื้อยืด และถือกระเป๋าถือผู้ชายอยู่ใบหนึ่ง

ทั้งสูบบุหรี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า:“ห้องโถงห้องนี้ใครเป็นคนจอง?เปลี่ยนไปที่อื่นเดี๋ยวนี้!”

“มีสิทธิ์อะไร พวกคุณเป็นใครกัน!”

สวี่ซินลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ และเธอก็ไม่เกรงกลัวพวกเขาเลย

“ใครหรอ?ฉันคือหยางเหวินหลง ใครที่ไม่รู้จักก็ออกไปหาสืบสักหน่อยไป!”

หยางเหวินหลงที่ถือกระเป๋าอยู่ทิ้งก้นบุหรี่ลงที่พื้นและเหยียบย่ำบุหรี่ แล้วกล่าว

และในขณะนี้คิ้วของหลินเสี่ยวเฟิงก็เลิกขึ้นเล็กน้อย

เห็นได้ชัดเจนว่าชื่อของหยางเหวินหลงนั้นเธอเคยได้ยินมาก่อน

“คุณหยางท่านนี้ แต่ตอนนี้พวกเรายังกินกันไม่หมดเลย จะเปลี่ยนได้อย่างไร?”

หลินเสี่ยวเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างขอโทษ

“เปลี่ยนอย่างไร?ทุกคนยกอาหารออกไปทานที่อื่นไป!”

หยางเหวินหลงหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าว

ตอนนี้บรรยากาศก็เริ่มหยุดนิ่ง และหลินเสี่ยวเฟิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

ถ้าจะให้ยกออกไปทาน งั้นก็ทำให้ลี่เหวินหยางเสียหน้าและไม่มีหน้าสักนิดเลยน่ะสิ

ในขณะนี้เธอทำได้เพียงแค่จับสวี่ซินลูกสาวที่หงุดหงิดของเธอให้เธอนั่งลง

สำหรับลี่เหวินหยางและหลิวเมิ่ง พวกเขามองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างใจเย็น

เพียงแต่ว่าลี่เหวินหยางมีความรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“แม่งเอ๊ย วันนี้ยังไงเฉินเกอก็ถือว่าเป็นตัวเอกไหม แต่ทำไมแม้แต่ตดสักครั้งก็ไม่มี?แบบนี้ตามแผนชุดแรก เพียงแค่เฉินเกออ้าปากพูด แผนการของเขาก็จะเอาชนะเฉินเกอเป็นเสี่ยงๆแล้ว!แม่งขี้ขลาดจังวะ!”

และเฉินเกอก็คิดอยู่ในใจตัวเองว่า:“โดยปกติ ลี่เหวินหยางกับหลิวเมิ่งต่างก็เป็นคนที่ชอบออกหน้ามาก ตอนนี้พวกเขาสองคนต้องออกหน้าแสดงอำนาจสิ และตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปแย่งพวกเขาออกหน้าเรื่องนี้!แต่ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะไม่ผายลมอะไรเลยสักนิด ทำไมขี้ขลาดแล้ว?”

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขยับอะไร

“ได้?ไม่ยอมพูดอะไรกันเลยใช่ไหม?ถ้างั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจละกัน!”

หยางเหวินหลงส่ายคอ และออกเสียงครืดคราดตรงคอของเขา

“ปัง!”

ทันใดนั้นเอง จ้าวเจี๋ยก็ทุบโต๊ะอย่างกะทันหันในขณะนี้

“ฉันดูสิว่าพวกคุณจะกล้าแค่ไหนกันเชียว พวกคุณยังมีกฎหมายอยู่อีกหรือเปล่า?เฉว่ฉิง โทรแจ้งตำรวจ!”

จ้าวเจี๋ยเก็บมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง และมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา

ทำให้เจียงเฉว่ฉิงรู้สึกว่าในเวลานี้จ้าวเจี๋ยยิ่งหล่อเหลาเอาการมาก

และเมื่อเห็นสายตาที่เจียงเฉว่ฉิงมองไปที่จ้าวเจี๋ยอย่างนับถือ

หลิวเมิ่งก็รู้สึกกังวลแทนลี่เหวินหยาง

ความหมายราวกับกำลังพูดว่า:“คุณดูสิ ถูกจ้าวเจี๋ยแย่งออกนอกหน้าไปหมดแล้ว!”

แต่ลี่เหวินหยางเพียงแค่ยิ้มแผ่วเบาอย่างขมขื่นอยู่ในใจ:“แย่งออกหน้า?เหอะๆ ตอนนี้ก็ให้จ้าวเจี๋ยกับเฉินเกอคนพวกนี้ออกหน้าไปก่อน ไม่มีคนออกหน้าก็ไม่ได้น่ะสิ!”

และในขณะนี้จ้าวเจี๋ยก็ราวกับว่าฮีโร่สิงร่างอยู่ และหันศีรษะกลับไปให้เจียงเฉว่ฉิงวางใจได้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของฉัน

หลังจากที่เจียงเฉว่ฉิงพยักหน้าเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอยากจะแจ้งตำรวจ

“艹เอ้ย!ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด พี่น้องทุกคน ตีเลย!”

ด้วยความใจร้อนของหยางเหวินหลง เขาหยิบเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วฟาดไปที่บนร่างกายของจ้าวเจี๋ย

ระหว่างที่ชกต่อยกันอยู่ แน่นอนว่ามีคนแย่งโทรศัพท์มือถือของเจียงเฉว่ฉิงไปและทุบจนพังหมดแล้ว

ทำให้เจียงเฉว่ฉิงตกใจจนหน้าซีดไปหมด และพิงเข้าไปที่รอบข้างของลี่เหวินหยาง

สำหรับจ้าวเจี๋ย ก็ถูกคนอื่นรุมทุบตีอยู่บนพื้น อย่างสาหัส

“หยุดตีได้แล้ว หยุดตี นี่ต้องทำอย่างไรดี!”

หลินเสี่ยวเฟิงวิตกจนเกือบจะร้องไห้แล้ว

ส่วนลี่เหวินหยาง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศของสวี่ซินและเจียงเฉว่ฉิงถึงแล้ว แต่เห็นว่าเฉินเกอยังไม่ออกหน้ารับมือ จึงอดไม่ได้ที่จะแอบด่าเขา และคิดในใจของเขาว่าค่อยหาผู้คนมาทุบตีเขาอีกทีในภายหลัง และในขณะนั้นเอง

เสียงทุบโต๊ะ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

และเห็นลี่เหวินหยางเก็บมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกง หรี่ตาลงเล็กน้อย และศีรษะก็ก้มลงเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:

“พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด