ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1738 งานคัดเลือกสาวงามเริ่มต้นขึ้น
และงานคัดเลือกสาวงามของเผ่าเต่ามังกรก็ได้เริ่มต้นขึ้นเช่นนี้ ในตอนที่การแข่งขั้นเริ่มต้นขึ้น เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าเต่ามังกรต่างก็ค้นพบว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีน้ำเงินยาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าบอกว่า เจ้าภาพของงานคัดเลือกสาวงามในครั้งนี้มอบหน้าที่ให้ข้าเป็นคนจัดการแทน”
พวกเขาต่างก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารีสามารถมาเป็นเจ้าภาพให้ได้ นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเราแล้ว!”
“ใช่แล้วล่ะ! ใช่แล้ว! ต้องรบกวนท่านหัวหน้าเผ่ามังกรวารีแล้ว”
ภายในโรงน้ำชาที่อยู่ด้านข้างของสถานที่จัดงานนั้น มู่เฉียนซีกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ริมหน้าต่าง พร้อมทั้งมีจิ่วเยี่ยนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ พวกเจ้าคอยมองเอาไว้ให้ดี หากว่ามีคนที่ดูมีอะไรพิเศษปรากฏตัวออกมา ให้ขวางทางเขาเอาไว้ก่อน”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีแผ่กระจายออกไป โดยมุ่งเน้นไปยังสถานที่จัดงานทั้งหมดนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “หวังว่าแผนการของหัวหน้าเผ่าเต่ามังกรจะประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นข้าไม่มีทางปล่อยให้เขาหนีไปได้แน่นอน”
เมื่อสุ่ยอู๋ซินประกาศเริ่มงาน สาวงามที่เข้าร่วมการแข่งขันแต่ละคนก็ต่างค่อย ๆ ทยอยปรากฏตัวออกมา
สาวงามในคนแรก ๆ ต่างก็ดูธรรมดาเหมือนกันทั้งนั้น แต่ทว่าหญิงสาวคนสุดท้ายที่มีหน้าตาไร้อารมณ์ กลับมีหน้าตาที่งดงามมากเป็นพิเศษ ทั้งยังดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมากอีกด้วย
ดวงตาแต่ละคู่ต่างก็พากันจ้องมองไปที่สาวงามในชุดสีชมพูผู้นั้น “พระเจ้า! เผ่าเต่ามังกรของพวกเรามีสาวงามถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ?”
“งดงามมากเกินไปแล้ว!”
“จากนี้ไปหากมีผู้ใดมาบอกว่าเผ่าเต่ามังกรของพวกเราไม่มีสาวงามละก็ ข้าจะต้องโกรธเขาอย่างแน่นอน!”
เมื่อถูกสายตาแต่ละคู่จับจ้อง ร่างกายของสาวงามผู้นั้นเริ่มสั่นเทา และใบหน้าของนางก็ดูบูดบึ้งไปเล็กน้อย
“พรืดด!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ด้วยฉากดังกล่าว ทำให้มู่เฉียนซีทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะเสียงดังออกมา
“จิ่วเยี่ย ท่านว่าหากพวกเขารู้ว่าสาวงามผู้นั้นเป็นใคร? พวกเขาจะเสียใจกันหรือไม่”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “ฝีมือของซียอดเยี่ยมมากเลยจริง ๆ”
แม้แต่สุ่ยอู๋ซินที่สงบนิ่งมาโดยตลอด ในเวลานี้ก็ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างยากลำบาก
สุ่ยอู๋ซินคิดเพียงแต่จะจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็วฉับไว เขาจึงเอ่ยปากออกมาว่า “คนที่มาเข้าร่วมชมการแข่งขันสามารถเริ่มโยนดอกไม้ได้แล้ว และพวกเราก็จะมาจัดอันดับสาวงาม ตามจำนวนของดอกไม้ที่โยนกันในครั้งนี้”
ด้วยเหตุนี้ ก็มีกลุ่มคนเริ่มโยนดอกไม้กันแล้ว!
และสาวงามในชุดสีชมพูผู้นั้น ก็เกือบที่จะถูกกลบไปด้วยดอกไม้อยู่แล้ว
ส่วนหญิงสาวคนอื่นเหล่านั้นได้รับดอกไม้น้อยมาก พวกนางต่างก็น้อยอกน้อยใจจนอยากที่จะร้องไห้ออกมา
พวกนางต่างพากันกระซิบกระซาบว่า “นางจิ้งจอกนี่!”
“นางจิ้งจอกนั่นเก่งกาจจริง ๆ!”
หลังจากที่เสียงนี้ถูกสาวงามในชุดสีชมพูได้ยินเข้า สีหน้าของเขาก็น่าเกลียดขึ้นมาอย่างผิดปกติ
เขาอยากจะพังสถานที่แห่งนี้ลงให้สิ้นซาก เขาอยากที่จะทำมันจริง ๆ แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่กำหมัดเอาไว้แน่น
การจัดอันดับที่หนึ่งถึงที่สามนั้นเป็นไปอย่างลวก ๆ และเรียบง่ายเป็นอย่างมาก จากนั้นสุ่ยอู๋ซินจึงกล่าวว่า “ลำดับต่อไป คนที่สามารถรับผ้าเช็ดหน้าของแม่นางลำดับที่สามได้ ก็จะได้รับโอกาสในการมอบรางวัลให้กับสาวงามลำดับที่สาม”
หลังจากที่สาวงามลำดับที่สามโยนผ้าเช็ดหน้าออกไป มันก็ถูกผู้คนเข้ามาแข่งกันช่วงชิง และในที่สุดคนที่ช่วงชิงมันไปได้ก็เป็นผู้มอบรางวัลให้กับสาวงามลำดับที่สาม
หลังจากนั้น ก็เป็นสาวงามลำดับที่สอง ซึ่งล้วนมีกฎกติกาที่เหมือน ๆ กัน
ในที่สุดก็มาถึงคราวของสาวงามลำดับที่หนึ่ง ผู้เป็นที่จับตามองของผู้คนมากที่สุด ผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ผู้ที่สามารถช่วงชิงผ้าเช็ดหน้าของสาวงามลำดับที่หนึ่งได้ ไม่เพียงแต่จะสามารถมอบรางวัลให้ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถโอบกอดสาวงามผู้นี้ได้อีกด้วย”
โอบกอดหรือ? มีโอกาสได้โอบกอดสาวงามเช่นนี้ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เลือดในกายของทุกคนเดือดพล่านขึ้นมาเพราะความตื่นเต้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องคว้ามันมาให้ได้
สาวงามในชุดสีชมพูผู้นั้นกำผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แน่น ในที่สุดมันก็ใกล้ที่จะจบสิ้นแล้ว ในที่สุดก็จะได้รับการปลดปล่อยแล้ว
ในตอนที่ผ้าเช็ดหน้าปลิวว่อนออกไป มันก็ได้ดึงดูดให้ทุกคนต่างก็เข้ามาไขว่คว้ามันเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง
ตูมม โครมมม!
ปัง ปัง ปัง!
“ไสหัวออกไป มันเป็นของข้า!”
“อย่ามาแย่งข้านะ!”
“……”
ฉากที่อยู่ตรงหน้านั้นร้อนแรงและดูโกลาหลอย่างน่าประหลาด เพราะสาวงามเพียงคนเดียวนี้ ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงที่ดูดุเดือดมากกว่าปกติ
สุดท้ายแล้ว ก็มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งหลุดออกมาจากวงล้อมได้
“แค่คนอย่างพวกเจ้า เอาชนะคนอย่างข้าไม่ได้หรอก สาวงาม ข้ามาแล้ว!” เขารีบพุ่งขึ้นมาบนเวทีสูงด้วยความกระตือรือร้น และถือผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้อย่างโอ้อวดในพลังของตน
คนกลุ่มหนึ่งจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อิจฉาและเกลียดชัง “ให้ตายเถอะ! เจ้าเด็กนั่นจะโชคดีเกินไปแล้ว”
“ดูเหมือนว่าข้าอยากจะทุบตีชายหนุ่มที่กวนประสาทผู้นี้สักทีจริง ๆ!”
มู่เฉียนซีได้จ้องมองไปที่ชายผู้นั้นเช่นเดียวกัน คนผู้นี้มีโอกาสที่จะเป็นอดีตหัวหน้าเผ่าเต่ามังกรผู้นั้นหรือไม่?
เมื่อถึงเวลามอบรางวัล ชายหนุ่มผู้นั้นก็จับมือของหญิงสาวชุดสีชมพูเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
ต่อมาเขาก็ได้โอบกอดหญิงสาวเอาไว้ จนทำให้หญิงสาวในชุดสีชมพูนั้นชะงักงันไปครู่หนึ่ง
แล้วนี่สรุปแล้วว่าใช่หรือว่าไม่ใช่กันแน่ล่ะ?
เขาเสียสละไปมากมายถึงเพียงนี้ หากว่าหาคนไม่พบ เขาไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปเลยอย่างนั้นหรือ
หญิงสาวชุดชมพูรู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ เขาอยากจะทุบคนจริงๆ!
หลังจากที่ชายหนุ่มผู้นั้นกอดอยู่นานแล้วยังไม่ยอมปล่อยเสียที จึงทำให้ผู้อาวุโสท่านหนึ่งต้องกล่าวขึ้นมาว่า “พ่อหนุ่ม เลิกกอดได้แล้ว แม่นางท่านนี้เขินอายไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มผู้นั้นปล่อยมือลงอย่างเขินอาย เดิมทีคิดว่าเขาจะผละออกไป แต่ผลก็คือชายคนนั้นได้ก่อเรื่องที่ทำให้คนอื่นยากที่จะเชื่อได้ออกมา นั่นก็คือการที่ชายหนุ่มผู้นั้นใช้มือถกกระโปรงของหญิงสาวชุดสีชมพูขึ้นมา
“ฮิ ฮิ! กอดนิดกอดหน่อยไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน มาให้ข้าดู…”
ผลลัพธ์ก็คือเมื่อถกกระโปรงขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันแข็งค้างด้วยความตกตะลึง!
และทุกคนต่างก็อยากที่จะกระอักเลือดออกมาจริง ๆ พระเจ้า!
นะ…นะ…นี่…
นี่มันผู้ชายนี่น่า!
เหตุใดขนหน้าแข้งถึงเยอะเช่นนั้น!
อยากจะบ้าตาย!
ทันทีที่คิดว่า คนที่พวกเขาเคยรู้สึกหลงใหลเป็นผู้ชายร่างใหญ่เช่นนี้ ทุกคนที่ตกอยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างก็พากันอารมณ์เสียไปทั้งหมด
โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้น เขาได้สัมผัสมือเล็ก ๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง แถมยังกอดเขา แล้ว…
ปึก! เขาเซจนเกือบที่จะล้มลงไป
หญิงสาวชุดสีชมพูโกรธจัดจนอยากที่จะฆ่าใครสักคน นางตะโกนออกมาว่า “จับเขาไว้!”
และนี่ก็คือรหัสลับ!
ผู้ชายคนนั้นเป็นอดีตหัวหน้าเผ่าจริง ๆ ด้วย!
สุ่ยอู๋ซินเริ่มลงมือ และคนอื่นก็เริ่มลงมือด้วยเช่นกัน ความเร็วของผู้เฒ่าผู้นี้นั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายไปจากเบื้องหน้าของทุกคนแล้ว
“คิดอยากที่จะจับข้า รอให้พวกเจ้ามีชีวิตอีกร้อยปีแล้วค่อยมาพูดกันเถอะ!”
ในตอนที่เขากำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น เขาก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นคนที่มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของตนเองอย่างกะทันหันโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นเข็มยาเล่มหนึ่งก็ปักลงไปที่หลังคอของเขาอย่างแรง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หมดสติไป
เรียบร้อย!
หากว่าเจ้าคนชั่วจอมลามกผู้นี้คือหัวหน้าเผ่าผู้นั้นของเผ่าเต่ามังกรจริง ๆ เช่นนั้นก็ถือว่าพวกเขาได้ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้าต้องการที่จะทำอะไรกันแน่? พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร? ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามาจับข้าเช่นนี้ ช่างกล้าหาญกันเสียจริง!” หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ค้นพบว่าตนเองถูกมัดเอาไว้
หญิงสาวชุดสีชมพูผู้นั้นพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่ดุร้ายแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส! ท่านเลิกเสแสร้งได้แล้ว ต้องเป็นท่านแน่นอน!”
“ผู้อาวุโสหรือ เจ้าเป็นผู้ใดกัน?” เขาจ้องมองไปที่ชายผู้เล่นตลกกับความรู้สึกของเขาด้วยความโกรธเคือง
หญิงสาวชุดสีชมพูร้องไห้พลางกล่าวว่า “ท่านมู่ ท่านได้โปรดช่วยให้ข้าเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเดิมทีเถิด! ข้า…ข้า…”
มู่เฉียนซีโยนยาเม็ดหนึ่งออกไปแล้วกล่าวว่า “กินซะ เราจะยังไม่ย้ายไปไหน!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่เขากินยาเม็ดนั้นเข้าไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ควบคุมน้ำให้พุ่งเข้าไปห่อหุ้มทั่วทั้งร่างกายของเขาเอาไว้ จากนั้นก็ทำความสะอาดร่างกายของเขาทั้งบนและล่าง
เพียงไม่นาน คนผู้นั้นก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
เขาได้กลายมาเป็นชายที่มีรูปร่างใหญ่โตคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอายุมากกว่าครึ่งชีวิตแล้วด้วย
สาวงามเปลี่ยนกลายเป็นเช่นนี้ภายในพริบตาเดียว มันช่างง่ายดายเสียจริง!
ดวงตาของผู้อาวุโสกุยเหลือกขึ้นทันทีที่ได้เห็นมัน และไม่คาดคิดว่าจะตกใจมากจนหมดสติไปอีกครั้ง
และหญิงสาวในชุดสีชมพูผู้นี้ ก็คือหัวหน้าเผ่าของเผ่าเต่ามังกร หรือก็คือกุยฮุยนั่นเอง
ในวันนั้นมู่เฉียนซีช่วยได้มากเลยทีเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เขามีความสุขมากเหลือเกิน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่เรียกว่าการช่วยเหลือ จะไม่ใช่การที่ท่านมู่เป็นคนขึ้นไปแสดงด้วยตนเอง แต่เป็นการให้เขาแปลงโฉมกลายเป็นหญิงสาวแล้วขึ้นไปแสดงแทน
เขาปฏิเสธไปแล้ว! แต่ภายใต้การถูกคุกคาม เขาก็ทำได้เพียงแค่อดทนต่อความอัปยศและตอบรับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้เอาไว้ จนเหตุการณ์ในวันนี้ได้เกิดขึ้น และแน่นอนว่าเรื่องนี้ได้กลายเป็นความทรงจำอันขมขื่นของเขาไปแล้ว
Comments