ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1790 จูเชว่และไป๋เจ๋อ
“ขอโทษ ได้! เช่นนั้นข้าต้องขอโทษด้วยก็แล้วกัน” พวกเขากล่าวด้วยเสียงดังกึกก้อง
แต่ละคนยืนอยู่เบื้องหน้ามู่เฉียนซีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ พร้อมทั้งกล่าวกับมู่เฉียนซีอย่างพร้อมเพรียงว่า “ขอโทษ!”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “แม่นางมู่ สิ่งนี้คงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการรับประทานอาหารเช้าของเจ้าเสียแล้ว พวกเราเปลี่ยนสถานที่ไปดื่มชากันเถิด!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวตอบรับ “อืม!”
และทั้งสองคนก็เดินจากไปเช่นนั้น แล้วทิ้งให้ลูกศิษย์ของสำนักหลางซิงที่เสียหน้าต้องจากไปด้วยความอับอาย
ทั้งห้องส่วนตัวมีเพียงพวกเขาแค่สองคนเท่านั้น และชายชราที่แอบอยู่เหล่านั้นก็ต้องจากไปโดยไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากพวกเขาเลย
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว”
“ข้ารู้ดีว่าแม่นางมู่ไม่กลัวพวกเขา แต่ทว่าแม่นางมู่มีพรสวรรค์สูงส่ง เกรงว่ามันอาจจะสร้างปัญหาให้เจ้าได้ เช่นนั้นข้าจึงได้ลงมือไปโดยพลการ” ไป๋จิ่งเยว่กล่าว
วิธีการทำงานของกองกำลังระดับสี่อย่างสำนักหลางซิงและสำนักหลินเยว่นั้นพวกเขานั่นย่อมรู้ดีอยู่แล้ว เหตุผลว่าเพราะเหตุใดลูกศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ของกองกำลังใหญ่ทั้งหลายนั้นเติบโตขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล นั่นก็เป็นเพราะว่าพรสวรรค์ของพวกเขานั้นไม่ได้ทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังกองกำลังใหญ่ทั้งสองรู้สึกว่าถูกคุกคามแต่อย่างใด
แต่ทว่าคุณชายจูเชว่นั้นไม่เหมือนกัน และผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแม่นางมู่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยวิธีใดข้าก็สามารถรับมือได้ โฉมหน้าของคนจากสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงเป็นอย่างไรข้านั้นย่อมรู้ดี แต่ข้าก็ไม่กลัวพวกเขาอยู่ดี! หากมีครั้งหน้าคุณชายไป๋ไม่จำเป็นที่จะต้องผิดใจกับพวกเขาเพื่อข้าอีก”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวขึ้นมาอย่างละอายใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะทำเกินตัวไปหน่อยแล้ว”
ไป๋จิ่งเยว่ก็มาฝึกฝนหาประสบการณ์อยู่ที่แดนซวนเทียนเช่นกัน ทั้งยังรู้เรื่องราวมากมาย ซึ่งมันก็ทำให้มู่เฉียนซีและเขาพูดคุยกันได้เป็นอย่างดี
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแคว้นตงหวงแห่งนี้ มีสถานที่แนะนำที่เอาไว้ฝึกฝนหาประสบการณ์บ้างหรือไม่?”
ไป๋จิ่งเยว่กล่าวว่า “มีสถานที่แห่งหนึ่ง ข้ากำลังเตรียมตัวที่จะไปอยู่พอดี หากแม่นางมู่ยินดีที่จะร่วมทางไปกับข้าแล้วละก็ เช่นนั้นคงเป็นเกียรติต่อข้ามาก”
สถานที่ที่ไป๋จิ่งเยว่กล่าวนั้นก็คือหอคอยซิงเหลย และสถานที่แห่งนั้นก็ยังสนามประลองการต่อสู้อีกด้วย
สถานที่แห่งนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว และมู่เฉียนซีก็เห็นด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองซิงเหลยด้วยกันกับไป๋จิ่งเยว่
“ซีซีไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ในเวลานี้จูเชว่ได้ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ด้านหนึ่งก็จัดการตอบกลับจดหมายที่สะสมเอาไว้เหล่านั้นด้วยความรวดเร็ว ส่วนอีกด้านหนึ่งก็กล่าวถามขึ้น
“มีคุณชายไป๋คอยปกป้องแม่นางมู่อยู่ ทำให้แม่นางมู่ไม่เป็นอะไรขอรับ พวกเขาได้ออกจากเมืองชุ่ยอิ้งไปอย่างปลอดภัยแล้ว และน่าจะเดินทางไปยังเมืองซิงเหลยขอรับ”
เครือข่ายข้อมูลของคุณชายจูเชว่นั้น มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ
จูเชว่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเด็กหนุ่มไป๋จิ่งเยว่ผู้นั้นช่างเป็นต้นแบบทางศีลธรรมจริง ๆ ไม่เลวเลย! อย่าลืมไปจัดการเจ้าพวกขยะเหล่านั้นที่ทำให้ซีซีต้องขุ่นเคืองใจเสียด้วยล่ะ”
“ขอรับ! คุณชาย”
“ไปบอกไป๋เจ๋อเสีย ซีซีอยูในเขตแดนของเขา ให้เขาจับตาดูสักหน่อย หากซีซีของข้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าจะคว่ำรังเก่าของเขาและระเบิดหอหมอปีศาจอะไรนั่นให้ราบเป็นหน้ากลองแน่นอน” และแววตาของจูเชว่ก็ไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่นแต่อย่างใด
“คุณชาย ท่านกับคุณชายไป๋เจ๋อก็ต่างคนต่างอยู่มาโดยตลอด หากครั้งนี้ท่านไหว้วานให้เขาคอยคุ้มครองแม่นางมู่ เกรงว่าเขาน่าจะเป็นไม่ตอบรับ! ทั้งยังเปิดเผยจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็น นี่มันไม่เหมาะสมเลย!”
คุณชายทั้งหลาย ต่างก็มีความสามารถเหนือธรรมชาติของแต่ละคน และจุดอ่อนเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้ตนเองถูกอีกฝ่ายโจมตีจนแตกพ่ายได้ ทั้งยังเสียการควบคุมไปอีกด้วย
“คุณชายเช่นข้าบอกว่าเหมาะสมก็คือเหมาะสม รีบไปซะ!”
“ขอรับ!”
จูเชว่ย่อมรู้ดีว่า หากไป๋เจ๋อหาเรื่องซีซีขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นคนที่ต้องโชคร้ายคงจะเป็นไป๋เจ๋ออย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ไป๋เจ๋อเป็นคนจับตามอง นั่นก็เพียงแต่ไม่อยากให้คนที่มีตาหามีแววไม่มายุ่งวุ่นวายกับซีซี และมาทำให้ซีซีต้องรำคาญใจก็เท่านั้น
เขารู้ว่านางน่าจะมีเรื่องอะไรที่ต้องทำอยู่เป็นแน่
“ส่งจดหมายทั้งหมดนี้ออกไป!”
“ขอรับ!”
หลังจากที่ตอบจดหมายเสร็จเรียบร้อย จูเชว่ก็ได้หยิบบันทึกที่มู่เฉียนซีได้มอบไว้ให้เขาเล่มหนึ่งออกมา
“มาดูซิว่าซีซีจะให้ข้าทำเรื่องอะไรกันแน่?”
“ข้อแรก ไปสอบถามสถานที่ที่บรรพบุรุษปีศาจสังหารมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่าง”
เมื่อเห็นข้อแรก จูเชว่ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้รู้ทุกอย่างแห่งแดนซวนเทียนได้ถูกโจมตีเข้าให้แล้ว เขาเคยได้ยินเรื่องบรรพบุรุษปีศาจ แต่การมีอยู่นั้นไม่รู้ว่าไปสู่ปรโลกนานมากเท่าไรแล้ว
“มังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งแสงสว่างคืออะไร? ของสิ่งนี้มีอยู่บนโลกนี้ด้วยเช่นนั้นหรือ?”
จูเชว่พึมพำกล่าวว่า “หรือว่าข้าจะมีความรู้แค่หางอึ่งกันนะ?”
หลังจากนั้นก็ดูที่ข้อสอง เขาไม่เชื่อในความผิดปกตินี้
“ไม้เทพแห่งชีวิต…”
ข้อที่สาม
“หอคอยนิรันดร์…”
หลังจากที่อ่านทั้งสามข้อติดต่อกัน มันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งนั้น
“ดูท่าว่าข้าคงจะไม่มีหน้าไปเจอกับซีซีอีกแล้ว นี่…นี่มันล้วนแต่เป็นสิ่งของที่หายากทั้งนั้นเลย!”
หัวหน้าข่าวกรองอันดับหนึ่งแห่งแดนซวนเทียนในเวลานี้ถูกทั้งสามข้อโจมตีจนเกิความลังเลในชีวิตขึ้นมาเสียแล้ว
แน่นอนว่าจูเชว่ไม่ใช่คนที่จะยอมพ่ายแพ้อะไรง่าย ๆ เช่นนั้น หลังจากที่เห็นข้อที่สี่ นัยน์ตาของเขาก็หดลงทันที
“องค์รัชทายาทเฟิงอวิ๋น การหายไปของมู่เฟิงอวิ๋น”
“ซีซีจะอยากรู้ข้อมูลนี้ไปทำไมกันนะ?” จูเชว่รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยจริง ๆ
“ยังมีข้อสุดท้ายอยู่ ข้าจะยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” เนื่องจากมู่เฉียนซีเขียนมาเพียงแค่ห้าข้อเท่านั้นเอง
“ข้อที่ห้า ติดตามทุกการเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาทของราชวงศ์เป่ยกงแห่งวังเหนือ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ไม่อาจที่จะปล่อยผ่านได้”
ในตอนแรกที่มู่เฉียนซีขอให้โม่ซวนตรวจสอบให้ ก็สามารถตรวจสอบได้เพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น
ทว่าแต่ละคนนั้นย่อมมีด้านที่เชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนกัน และจูเชว่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลนั้น จึงเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป
ดวงตาของจูเชว่เบิกกว้าง “นี่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคอยจับตามองกิจวัตรประจำทั้งหมดของวังเหนือหรอกหรือ ซีซีจะสนใจเป่ยกงจั๋วไปทำไมกัน? หรือว่าซีซีจะแอบรักเป่ยกงจั๋ว”
เขาล้วงเอากระจกบานหนึ่งออกมาส่องใบหน้าของตนเองพลางกล่าวว่า “คงไม่ใช่หรอก! เป่ยกงจั๋วไม่หล่อเหมือนข้าหรอก”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จูเชว่ไม่เชื่อว่ามู่เฉียนซีจะตาบอดไปชอบคนอย่างเป่ยกงจั๋วได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย!
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยังดีที่มีสักเรื่องที่สามารถทำให้ซีซีได้ และการไปหานางคราวหน้าก็คงไม่เสียเปล่าแล้ว!” จูเชว่สร้างกำลังใจและบังคับให้ตนเองเพียรพยายามสู้ต่อไป
…
อีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีคนมาหาโม่ซวน
“คุณชายไป๋เจ๋อ คุณชายจูเชว่ให้ข้ามาส่งสารถึงท่าน”
โม่ซวนกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พูดมา!”
“คุณชายจูเชว่มีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่ดินแดนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนี่เป็นเขตแดนของท่าน คุณชายจูเชว่ต้องการให้ท่านช่วยจับตาดูสักเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหล่าพวกคนที่มีตาแต่หามีแววไม่เหล่านั้นมาทำให้แม่นางมู่ขุ่นเคืองใจได้”
“จูเชว่มีเวลาว่างมากขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ข้าไม่มีน่ะสิ! ไสหัวไปซะ!”
“คุณชายจูเชว่บอกว่า หากแม่นางมู่เกิดเรื่องขึ้นภายในเขตแดนของท่าน คุณชายจูเชว่จะไม่วางมือจากเรื่องนี้เป็นแน่! นิสัยของคุณชายจูเชว่ก็เป็นสิ่งที่คุณชายไป๋เจ๋อรู้จักมันเป็นอย่างดี นี่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น คุณชายไป๋เจ๋อกับคุณชายตระกูลของเราก็สนิทสนมกันราวกับพี่น้อง แค่ช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง” คนส่งสารผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยื้ม
มุมปากของโม่ซวนยกโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยัน สนิทสนมราวกับเป็นพี่น้อง คำเช่นนี้คาดว่าคงจะมีก็เพียงคนที่เลี้ยงดูจูเชว่มาเท่านั้นถึงจะสามารถกล่าวคำที่ไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้
“หรือว่าคุณชายไป๋เจ๋อไม่สนใจหอหมอปีศาจแล้วเช่นนั้นหรือ? หากชิ้นส่วนจากชัยชนะที่ประคับประคองขึ้นมาใหม่ต้องถูกคนบดขยี้ไปตั้งแต่ครึ่งทาง คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นแน่”
สีหน้าของโม่ซวนเย็นชาขึ้น “เขากล้าหรือ!”
“แม่นางท่านนั้นมีชื่อเรียกว่ามู่เฉินซี ตอนนี้กำลังอยู่ที่เมืองซิงเหลย ต้องรบกวนคุณชายไป๋เจ๋อช่วยดูแลเอาใจใส่แล้ว! นี่คือเขตแดนของท่านซึ่งสำหรับท่านแล้วก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก คุณชายจูเชว่กล่าวว่า เพียงแค่จัดการกับเจ้าพวกขยะที่มีตาแต่หามีแววไม่เหล่านั้นไม่ให้มาสร้างเรื่องน่ารำคาญก็เพียงพอแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจากสำนักหลินเยว่และสำนักหลางซิงเหล่านั้น” คนผู้นั้นกล่าว
เมื่อโม่ซวนได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาเล็กน้อย เขากล่าวว่า “เจ้าบอกว่าแม่นางผู้นั้นมีชื่อเรียกว่าอะไรนะ?”
Comments