ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1807 หุ่นเชิดประหลาด
ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่รับรู้ได้ถึงพลังอำนาจของสัตว์เทพอย่างชัดเจนแล้ว ไป๋จิ่งเยว่เคยเห็นเสี่ยวโม่โม่มาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นเขาเห็นเสี่ยวโม่โม่เป็นเพียงแค่สัตว์ท่องนภาธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นถึงสัตว์เทพ
มู่เฉียนซีกล่าว “จะเข้าไปหรือไม่?”
ชิงเสวียนกล่าว “มีสัตว์เทพเปิดทางเช่นนี้ ข้าไม่กลัวแล้ว ไปเถอะ!”
ไป๋จิ่งเยว่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของแม่นางมู่ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
เสี่ยวโม่โม่คอยเปิดทางให้พวกเขา ภายใต้การชี้นำของมู่เฉียนซีอาวุธลับเหล่านี้ก็ถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย จนในที่สุดก็เดินมาถึงทางสิ้นสุดของอาวุธลับเหล่านี้แล้ว
เมื่อผ่านพ้นอาวุธลับเหล่านั้นมา คิดว่าจะปลอดภัยแล้วอย่างนั้นหรือ?
สถานการณ์ความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ร่างในชุดดำร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นราวกับภูตผี เสี่ยวโม่โม่ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเป็นใคร กล้าลอบโจมตีนายท่านของข้า”
เปลวไฟอันมืดมิดปะทุออกไป พร้อมกับร่างชุดดำนั้นพุ่งเข้ามาทางเสี่ยวโม่โม่
จากนั้น ร่างในชุดดำหลายร่างก็พุ่งมาที่พวกเขา ไป๋จิ่งเยว่กล่าว “พวกนี้ล้วนแต่เป็นหุ่นเชิดทั้งสิ้น”
เป็นหุ่นเชิดเหมือนกัน แต่พลังความแข็งแกร่งนั้นกลับไม่เหมือนกัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันใดนั้นใต้พื้นดินก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น พวกเขาทั้งสามถูกแยกออกจากกัน เสี่ยวโม่โม่รีบตามมู่เฉียนซีไป
ในตอนนี้มู่เฉียนซีอยู่ในมิติโดดเดี่ยวมิติหนึ่ง จู่ ๆ หุ่นเชิดตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อมันจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็รู้ได้ทันทีว่าพลังความแข็งแกร่งของมันเป็นเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น
และในขณะที่เสี่ยวโม่โม่ขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่าหุ่นเชิดตัวนี้จะปล่อยพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ออกมา
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย หุ่นเชิดเหล่านี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะแสดงพลังเหนือกว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้าเช่นนี้
ตูม!
เสี่ยวโม่โม่กับหุ่นเชิดตัวนี้ปะทะกันแล้ว ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของทั้งสองทำให้เสี่ยวโม่โม่และหุ่นเชิดตัวนี้ถูกพลังสะท้อนกลับจนกระเด็นถอยหลังไปทั้งคู่ มู่เฉียนซีขวางหน้าเสี่ยวโม่โม่เอาไว้ เห็นได้ชัดว่าพลังของหุ่นเชิดตัวนี้พลันอ่อนแอลงไปไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวโม่โม่ เจ้ากลับเข้าไปในมิติพันธสัญญาก่อน”
เสี่ยวโม่โม่กล่าว “นายท่าน ข้าอยากกำจัดเจ้านี่”
“วางใจเถอะ ข้าจัดการเองได้” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
“ก็ได้เจ้าค่ะ! แต่เมื่อใดที่นายท่านต้องการข้า เรียกข้านะเจ้าคะ! นายท่านอย่าได้บาดเจ็บเชียวล่ะ ระวังตัวด้วย”
หลังจากที่เสี่ยวโม่โม่กลับเข้าไปในมิติพันธสัญญา หุ่นเชิดตัวนั้นก็ลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง
ลำแสงสีขาวลำแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น พัดวิหคเฟิงหลิงพุ่งแฉลบผ่านลำคอของหุ่นเชิดตัวนี้ไป
ปัง!
หุ่นเชิดตัวนี้ล้มลงไปเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น จากนั้นมันก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวอันใดได้อีกแล้ว
ตูม ปัง ปัง!
จัดการไปได้หนึ่งตัว ตอนนี้ก็ปรากฏหุ่นเชิดขึ้นมาอีกสองตัว หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้ยังคงมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดอยู่เฉกเช่นเดิม ทว่า ความเร็วของพวกมันกลับเร็วกว่าหุ่นเชิดตัวก่อนหน้านี้มาก
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!” มือข้างที่ถือพัดวิหคเฟิงหลิงข้างนั้นขยับเพียงเล็กน้อย คมมีดวายุก็พุ่งตัดผ่านอากาศไปเป็นแนวโค้งโจมตีไปที่ร่างของพวกมันอย่างรวดเร็ว
ทว่า กระบวนท่านี้ไม่สามารถทำให้พวกมันพ่ายแพ้ได้ พลังการป้องกันของพวกมันนั้นแข็งแกร่งกว่าหุ่นเชิดตัวก่อนหน้านี้มาก
มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หุ่นเชิดเหล่านี้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก คนที่สามารถสร้างพวกมันให้เป็นเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคนที่เก่งกาจมากเป็นแน่”
ในตอนแรกที่นางเรียนรู้เรื่องหุ่นเชิดก็เพื่อชิงอิ่ง และได้เตะสำนักหุ่นเชิดสำนักหนึ่งออกไปจากดินแดนสี่ทิศ ทว่า หุ่นเชิดเหล่านั้นไม่อาจเทียบหุ่นเชิดเหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ลมพายุพัดกระโชกมาอย่างรุนแรง หุ่นเชิดสองตัวนี้เริ่มเข้ามาห้อมล้อมหน้าหลังมู่เฉียนซีไว้
พลังธาตุวายุโคจรขึ้น มู่เฉียนซีตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พลังวายุจันทราไร้คู่”
ปัง ปัง ปัง!
ร่างของหุ่นเชิดทั้งสองล้มลงไปพร้อมกัน จากนั้นก็ปรากฏหุ่นเชิดขึ้นมาอีกสี่ตัว…
เพิ่มขึ้นมาอีกแปดตัว สิบตัว จนกระทั่งถึงสามสิบสองตัว…
หุ่นเชิดที่ห้อมล้อมรุมโจมตีมู่เฉียนซียิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้มีพลังเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด แต่ทุกครั้งที่พ่ายแพ้ ความรวดเร็วของพวกมันก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ เมื่อต่อสู้กับหุ่นเชิดเหล่านี้แล้ว นางมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก แต่ด้วยการปรับตัวแต่ละครั้งของพวกมัน อีกทั้งความแข็งแกร่งในการต่อสู้ข้ามขั้นก็ทำให้ความได้เปรียบของมู่เฉียนซีอ่อนแอลง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังได้เปรียบในเรื่องของจำนวนที่มากกว่าอีกด้วย
ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้น นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าวว่า “แม่ยอดดวงใจของข้า หุ่นเชิดพวกนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เลวเลย คิดไม่ผิดเลยที่มาที่นี่”
“ศิษย์ที่รักจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวายุที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าอย่างแน่นอน ฉะนั้น นับจากนี้ไป ในฐานะที่ข้าเป็นอาจารย์ ข้าจะไม่สงสารเจ้าอีกต่อไป”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็น!”
“เช่นนั้นก็เริ่มได้เลย!”
ตูม ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีพุ่งตัวไปท่ามกลางหุ่นเชิดเหล่านี้ ในขณะที่พวกมันได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในแต่ละครั้ง พลังความแข็งแกร่งก็ได้เทียบเท่ากับมู่เฉียนซีแล้ว กำลังในการต่อสู้ก็เช่น
ปัง!
เสียงการปะทะกันอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังธาตุวายุดังก้องไปทั่วบริเวณ
“พลังวายุทำลาย จันทราหนาวเหน็บ!”
ปัง!
เฮือก!
พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดอันมั่นคงที่หลอมรวมกับพลังธาตุวายุอันสมบูรณ์แบบ ทำให้นางตระหนักรู้ทักษะวิญญาณใหม่ขึ้นมาได้ และนี่ก็คือเป้าหมายการฝึกในครั้งนี้
ในตอนนี้ชิงเสวียนและไป๋จิ่งเยว่ก็กำลังเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกเขาเช่นกัน
ชิงเสวียนเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าขั้นสูงสุด กัดฟันต่อสู้และเอาชนะหุ่นเชิดไปทีละตัว ๆ ในที่สุดเขาก็ทะลวงพลังในขั้นต่อไปได้สำเร็จ
ปราชญ์แห่งภูตระดับหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ยากจนในทรัพยากรการฝึกฝนอย่างเขาทะลวงพลังได้เร็วเช่นนี้
ส่วนคู่ต่อสู้ของไป๋จิ่งเยว่คือขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ด ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก เขากวัดแกว่งกระบี่ยาวไปมา แม้จะถูกหุ่นเชิดเหล่านี้บีบโจมตีจนเกือบบาดเจ็บสาหัสในแต่ละครั้ง แต่กลับทำให้เจตจำนงในการต่อสู้ของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น
หากสามารถเอาชนะหุ่นเชิดตรงหน้าได้ เขาจะรู้สึกว่าเขาได้ชนะใจตัวเองได้แล้ว
การต่อสู้กับหุ่นเชิดเหล่านี้ ทุกคนล้วนแต่ได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
ปัง ปัง ปัง!
หุ่นเชิดแต่ละตัวต่างล้มลงไปกับพื้น มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่าหุ่นเชิดไม่ได้ลดน้อยลงเลย จึงทำได้เพียงแค่ต่อสู้ต่อไป
ชิงเสวียนจะลำบากกว่าคนอื่นสักหน่อย ร่างกายไม่มีพลังวิญญาณเหลือแล้ว เพิ่งจะเอาชนะหุ่นเชิดไปได้สามสิบสองตัว เขาก็สูญเสียพลังวิญญาณไปจนหมดสิ้น จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืดและเป็นลมล้มลงไปแล้ว
ตูม!
ต่อมาก็มีหุ่นเชิดสีดำทมิฬเข้ามาใกล้ ชิงเสวียนรู้สึกว่าชีวิตของตนเองได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ไป๋จิ่งเยว่ไม่ได้ขาดแคลนยาลูกกลอน แต่ยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณที่นำติดตัวมานั้นมีจำนวนจำกัด คู่ต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมาก
ทุก ๆ ครั้งที่เอาชนะหุ่นเชิดได้ พลังความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามก็สูสีกับเขามากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งตามเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงนี้ดูเหมือนแทบจะบีบเอาศักยภาพทั้งหมดของตัวเองออกมาก็มิปาน
ถูกบีบมาจนถึงขั้นนี้ ทำให้เขาพยายามบีบให้ตัวเองเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่เคยมีมาก่อนเลย
ทว่า เขาไม่อาจหยุดได้ เพราะหากเขาหยุด เขาจะถูกหุ่นเชิดเหล่านี้ฆ่า ความตายสามารถทำให้คนบีบบังคับตัวเองมาจนถึงจุดสิ้นสุดได้ และนี่ก็ไม่ใช่การบีบให้เขาทะลวงพลังแต่อย่างใด แต่บีบให้เขาตายต่างหาก
ตูม!
ไป๋จิ่งเยว่ถูกบีบมาจนถึงทางตันแล้วจริง ๆ ในขณะที่เขาเอาชนะหุ่นเชิดจำนวนหกสิบสี่ตัวได้ ในที่สุดเขาก็ไม่อาจฝืนได้อีกต่อไปแล้ว
แม้ว่าความตายกำลังจะมาเยือน ชีวิตหนึ่งได้ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ การสู้รบในครั้งนี้เขาไม่รู้สึกเสียใจทีหลังเลยแม้แต่น้อย
ร่างในชุดม่วงร่างหนึ่งพุ่งตัดผ่านอากาศมา หุ่นเชิดตรงหน้านางถูกนางฟันจนขาดสะบั้น
ตูม!
“นี่คือหุ่นเชิดหนึ่งร้อยยี่สิบแปด! ต่อไปเกรงว่าจะเป็น…”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
หุ่นเชิดสองร้อยกว่าตัว ดูเหมือนจะเต็มมิติแห่งนี้แล้ว จำนวนของหุ่นเชิดเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณออกมาใช้อย่างไม่เสียดาย
นิรันดร์ให้กำลังใจมู่เฉียนซี “ศิษย์ที่รักของข้าสู้ ๆ! ตอนนี้มันช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ยืนหยัดต่อไป!”
แม้จะมีใบพัดวิหคเฟิงหลิงอยู่ในมือ แต่หุ่นเชิดเหล่านี้ก็ทวีความแข็งแกร่งขึ้นอีก อุบายที่เคยใช้ก่อนหน้านี้คงยากที่จะเอาชนะพวกมันได้
Comments