ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1811 อย่าได้เผยจุดอ่อน
คำพูดของมู่เฉียนซีไม่เพียงแต่จะทำให้คนของสำนักหลินเยว่เหล่านี้โกรธเกรี้ยวเท่านั้น เพราะสีหน้าของคนสำนักหลางซิงในตอนนี้ก็แย่ไม่แพ้กัน
ในแดนซวนเทียนแห่งนี้ รูปร่างหน้าตาของพวกเขานับว่าเป็นหญิงงามและบุรุษรูปงามแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวบัดซบผู้นี้จะบอกว่าพวกเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์
ศิษย์พี่หญิงผู้นำของสำนักหลินเยว่ผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ ใครอยากแต่งกับชายหน้าตาขี้เหร่เหล่านั้นของสำนักหลางซิงกัน ความปรารถนาของพวกข้าก็คืออุทิศทุกอย่างให้แก่องค์หญิงหลินหลาง มุ่งมั่นในการฝึกบำเพ็ญ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานออกเรือนเลย”
จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็นึกขึ้นได้ “ที่แท้พวกเจ้าก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับองค์หญิงหลินหลางนี่เอง ชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างนั้นเหรอ! หากเป็นเช่นนั้นข้ายิ่งไม่อยากเข้าร่วมกับสำนักหลินเยว่เข้าไปใหญ่ เพราะข้าเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ”
“นี่เจ้ารนหายที่ตาย! เจ้าไม่เพียงแต่จะดูถูกพวกข้า แต่ยังหยามเกียรติองค์หญิงหลินหลางอีกด้วย ข้าจะฆ่าเจ้า!”
มู่เฉียนซีทำให้พวกเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ล้มเลิกแผนการหลอกใช้ ตัดสินใจที่จะฆ่าถอนรากถอนโคนเสียตอนนี้เลย!
พัดวิหคเฟิงหลิงพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง กลิ่นอายกระบี่ที่เต็มไปด้วยพลังธาตุวายุอันบ้าคลั่งพรั่งพรูออกมา
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังวายุทำลายดารา!”
พรวด พรวด พรวด!
เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้พวกเขาเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เห็น ๆ กันอยู่ว่าพวกเขามีพลังถึงขั้นปราชญ์แห่งภูตระดับสูง
“เปิดค่ายกล ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะฆ่าสาวน้อยบ้านี่ไม่ได้!”
สีหน้าของหญิงสาวแห่งสำนักหลินเยว่เหล่านี้บิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
ปัง ปัง ปัง!
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางกลุ่มของพวกนาง และต่อสู้ประมือกับพวกนาง
ส่วนคนของสำนักหลางซิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับชิงเสวียนเหมือนดั่งที่สำนักหลินเยว่ให้ความสำคัญกับมู่เฉียนซี ดังนั้นพวกเขาจึงส่งปราชญ์แห่งภูตระดับต่ำมาบางส่วน
หากเป็นในเมื่อก่อนตอนที่ชิงเสวียนยังไม่ได้ต่อสู้กับหุ่นเชิดเหล่านั้น การเผชิญหน้ากับคนของสำนักหลางซิงเหล่านี้ เขาจะต้องพ่ายแพ้ไปภายในสิบกระบวนท่าอย่างแน่นอน ทว่า ตอนนี้เขากลับยืนหยัดอย่างต่อเนื่องและต่อสู้กับพวกเขาอย่างดุเดือด
“ศิษย์พี่ ดูท่าพวกเราประเมินค่าเจ้านี่ต่ำเกินไปแล้ว”
“ความสามารถอ่อนหัดยิ่งนัก ฆ่าได้ไม่ยากหรอก!”
“……”
มู่เฉียนซีกับชิงเสวียนถูกพวกเขาล้อมโจมตี ศิษย์สำนักหลินเยว่สร้างค่ายกลขึ้นมาห้อมล้อมมู่เฉียนซีและรุมโจมตีมู่เฉียนซีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มู่เฉียนซีไร้ทางหนี
ตูม! การรวมพลังของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นปราชญ์แห่งภูตสิบกว่าคนพุ่งโจมตีไปที่ร่างของมู่เฉียนซี
สำเร็จแล้ว ครานี้ต่อให้สาวน้อยผู้นี้ไม่ตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่!
“พลังวายุกักขังวิญญาณ!”
ทว่า หลังจากได้รับการโจมตีนี้ของพวกนางแล้ว มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่จะไม่เป็นอะไร แต่นางยังตอบโต้โจมตีกลับในทันทีอีกด้วย
“พลังวายุทำลายวิญญาณ!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
ในตอนนี้เองคนเหล่านี้ต่างก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป รนหาที่ตายชัด ๆ มู่เฉียนซีลงมืออย่างไร้ความปรานี
“โจมตี!” ศิษย์พี่หญิงผู้นั้นตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
และในขณะที่นางพุ่งเข้ามา พัดในมือมู่เฉียนซีก็พลันเปลี่ยนเป็นขนนกนับไม่ถ้วนขวางหน้าพวกนางไว้ มู่เฉียนซีกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศ พัดวิหคเฟิงหลิงกลับมาอยู่ในมือนางอีกครั้งและพลันกลายเป็นกระบี่หยกเล่มหนึ่ง
ฟึ่บ! ลำแสงกระบี่พุ่งตัดผ่านไป มู่เฉียนซีฆ่าสามคนภายในชั่วพริบตาเดียว
ปัง ปัง ปัง!
“บัดซบ! เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของพวกนางเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปราชญ์แห่งภูตระดับเจ็ดไม่เหลือแม้แต่คนเดียวแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่พวกเจ้าแล้วล่ะ”
พวกนางกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้ามันรนหาที่ตายจริง ๆ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”
ตูม!
แต่ละกระบวนท่าที่ประมือกันนั้น หญิงสาวแห่งสำนักหลินเยว่เหล่านี้แทบจะบ้าคลั่งแล้ว
ตามความเร็วของมู่เฉียนซีไม่ทัน การโจมตีของพวกนางก็ไม่ได้ผล และต่อให้ตามมู่เฉียนซีทัน แต่การโจมตีของพวกนางก็ไม่อาจทำให้นางบาดเจ็บได้เลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของพวกนางแต่ละคนย่ำแย่มากจนที่ขีดสุดแล้ว “หญิงสาวบ้านี่มีอาวุธวิญญาณป้องกันติดตัวอยู่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!”
พวกนางไม่มีทางคิดถึงแน่ว่าร่างกายของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งได้มากถึงเพียงนี้
มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ใช่! ข้ามีอาวุธวิญญาณป้องกันที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ ตอนที่พวกเจ้าออกมาจับตัวข้า เหตุใดถึงไม่ขออาวุธวิญญาณป้องกันตัวจากองค์หญิงหลินหลางของพวกเจ้ามาสักชิ้นล่ะ มิเช่นนั้น ตอนนี้พวกเจ้าคงไม่น่าสังเวชเช่นนี้หรอก”
ทันใดนั้นเอง มู่เฉียนซีก็อันตรธานหายไปต่อหน้าพวกนางอีกครั้ง
“เปิดค่ายกล! ต้องทำให้นางไม่ตายดีให้จงได้!” พวกนางร่วมมือกันอีกครั้ง
“พลังจันทรากระจ่างนิรันดร์!”
“พลังวายุจันทราไร้คู่!”
มู่เฉียนซีเพียงคนเดียวสามารถสกัดกั้นการโจมตีของพวกนางเอาไว้ได้ แม้ว่ามู่เฉียนซีจะกำจัดพวกนางได้ไม่รวดเร็ว แต่ตอนนี้พวกนางก็มีสภาพที่น่าสังเวชมาก
พรวด! ทางด้านของชิงเสวียนตอนนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามก็มีจำนวนมากกว่า
ร่างในชุดม่วงปรากฏขึ้นด้านหลังคนของสำนักหลางซิงเหล่านั้นอย่างรวดเร็วดุจดั่งผีสาง มู่เฉียนซีสยายพัดวิหคเฟิงหลิงขึ้น พลังวายุอันน่าสะพรึงกลัวพรั่งพรูออกมา
“พลังวายุทำลายดารา!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น แม้ว่าคนของสำนักหลางซิงจะตายไม่หมด แต่ก็เหลือไม่มากแล้ว ที่เหลือสองสามคนนั้นก็บาดเจ็บสาหัสมาก
คนของสำนักหลางซิงตะโกนด่าว่า “สำนักหลินเยว่ของพวกเจ้ามีคนตั้งเยอะแยะ อีกอย่างยังเป็นถึงปราชญ์แห่งภูตระดับสูงอีก นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่คนคนเดียวพวกเจ้าก็ขวางเอาไว้ไม่ได้ พวกเจ้ามันช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก!”
กลุ่มของพวกนางล้อมโจมตีสาวน้อยบัดซบผู้นี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีใจไปช่วยคนอื่นเช่นนี้อีก พวกนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว
“มากล่าวโทษพวกข้าได้อย่างไร ใครใช้ให้พวกเจ้าอ่อนหัดกันล่ะ ถูกฆ่าหมู่ภายในกระบวนท่าเดียว พวกเจ้ายังมีหน้ามาตะโกนด่าต่อว่าพวกข้าอีกเหรอ!”
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย อย่าให้หญิงสาวบัดซบผู้นี้ได้กำเริบเสิบสานอีกต่อไป”
กระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีทำให้ชิงเสวียนสบายขึ้นไม่น้อย
การปรากฏของกระบี่ปีศาจทำให้คนของสำนักหลางซิงเหล่านี้หวาดกลัวจนฉี่แทบราด
“เจ้ากล้าเหรอ! พวกข้าเป็นถึงศิษย์ของสำนักหลางซิงเชียวนะ เจ้าจะฆ่าพวกข้าไม่ได้เด็ดขาด!”
“ก็ฆ่าไปตั้งหลายคนแล้ว นับประสาอะไรกับพวกเจ้าเพียงไม่กี่คน” ชิงเสวียนกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์และความรู้สึก
พลังเหนือกว่ามู่เฉียนซีมาก จำนวนคนก็มากกว่า แต่กลับกลายเป็นการต่อสู้ที่สิ้นเปลืองสนามหนึ่ง สีหน้าของคนสำนักหลินเยว่เหล่านี้ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวติดตลกว่า “ข้าขอเตือนพวกเจ้าสักหน่อยนะ! พวกเจ้าอย่าได้เผยจุดอ่อนออกมาล่ะ หากข้าจับจุดอ่อนของพวกเจ้าได้ พวกเจ้าต้องตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่แท้”
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ถูกล้อมโจมตีคือนาง ทว่า ตอนนี้มู่เฉียนซีกลับกล่าววาจาข่มขู่พวกนางได้
“บัดซบ! หากไม่ใช่เพราะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นปกป้องเจ้า ไม่รู้ว่าคนอย่างเจ้าจะตายไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว เจ้ายังมีหน้ามากล่าววาจากำเริบเสิบสานเช่นนี้อีกเหรอ!”
พวกนางต้องการหาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ป้องกันชิ้นนั้นให้เจอ จากนั้นก็แย่งชิงมันมา ทำให้หญิงสาวผู้นี้ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปกป้องนาง และการฆ่านางก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายทันที
สุดท้ายพวกนางหามานานมากแม้แต่เงาของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ป้องกันที่ว่านั้นก็หาไม่เจอ หญิงบัดซบผู้นี้ซ่อนเอาไว้ที่ไหนกันแน่
การต่อสู้ของมู่เฉียนซีนั้น พวกนางไม่อาจหาจุดอ่อนได้เลย
อีกอย่างจำนวนคนของพวกนางเยอะกว่าด้วย เมื่อจำนวนคนเยอะกว่าเช่นนี้ ย่อมเปิดเผยให้เห็นจุดอ่อนได้ง่าย บนคมกระบี่หยกขาวเล่มยาวแปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด มู่เฉียนซีคร่าชีวิตหนึ่งในนั้นมาอย่างไร้ซึ่งสุ้มเสียง
“เจ้าอย่าได้ลำพองใจนักเลย!”
การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ให้สูญเสียพลังวิญญาณ อีกอย่างพวกนางรู้สึกได้ว่าพวกนางสูญเสียพลังวิญญาณไปเร็วกว่าหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะทุกครั้งที่ออกมาทำภารกิจ สำนักของพวกนางก็แจกจ่ายยาลูกกลอนฟื้นฟูพลังวิญญาณให้พวกนางทุกครั้ง ยาลูกกลอนที่ได้รับมานี้พวกนางล้วนแต่พึงพอใจมาก พวกนางจะทำให้หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้สูญเสียพลังวิญญาณไปจนหมดสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นชัยชนก็จะเป็นของพวกนางแล้ว
Comments