ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 476 อาถิงลงมือเอง

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 476 อาถิงลงมือเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางเองก็ต้องมีสติ ถึงจะหยุดยั้งความบ้าคลั่งของสองคนนั้นได้!

มีสติ! แล้วจะทำยังไงถึงจะมีสติล่ะ?

พลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นแสงสีฟ้าก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ

“บุปผาหลั่งสายฝน! ”

ในดินแดนลึกลับของแคว้นเฉียนเซี่ยนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหมื่นปี พลังธาตุวารีของมู่เฉียนซีก็พลันเปลี่ยนเป็นยะเยือกทันที และความเย็นยะเยือกนั้นก็ทำให้มู่เฉียนซีใจเย็นและสงบลงเช่นกัน

จากนั้นนางก็ลงมือทันที

ตูมมม!

เชียนอ้าวเซี่ยนั้นจัดการได้ง่าย เขาสลบหมดสติไปอย่างรวดเร็ว!

แต่พลังของนางหลานอวี้กำลังจะระเบิดขึ้น กระบี่ยาวเล่มนั้นเข้ามาใกล้ตัวนางแล้ว และเมื่อมาถึงขั้นที่อันตรายที่สุดก็ได้หยุดลง!

“ซีเอ๋อร์ รีบหลบเร็วเข้าไป! ”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “น่าหลาน ในฐานะที่เจ้าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการทำการค้า เจ้าควรจะควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้สิถึงจะถูก ดังนั้นเจ้ามีวิธีควบคุมตัวเองสิใช่ไหม! อย่าให้คนอื่นมาควบคุมเจ้าเช่นนี้”

มือของน่าหลานอวี้สั่น “ใช่! ข้าต้องควบคุมมันให้ได้! ข้าใช้กระบี่เล่มนี้กับซีเอ๋อร์ เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”

น่าหลานอวี้ดึงกระบี่กลับไป ชั่วครู่หนึ่งดวงตาของเขาก็ชัดเจนขึ้น

“นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ” น่าหลานอวี่พึมพำด้วยความงุนงงสงสัย

“โอ๊ย! ” เชียนอ้าวเซี่ยที่ถูกมู่เฉียนซีทำให้สลบไป ตอนนี้ก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว

“เจ็บมากเลยอ่ะ เสี่ยวซี ข้าปวดหัวมาก มาดูให้ข้าหน่อยสิว่าข้าจะเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหายหรือเปล่า”

มู่เฉียนซีกลอกตามองบนพลางกล่าว “เจ้าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหายตั้งนานฝแล้ว ยฝังจฝะต้องให้ข้าดูอีกเหรอ? น่าเบื่อ! ”

เชียนอ้าวเซี่ยทำหน้าสับสนมึนงง “ก็จริง! ข้าลืมไปได้ยังไงนะ”

เชียนอ้าวเซี่ยลุกขึ้นและยื่นมือออกมาพลางกล่าว “อวี้ ข้าขอโทษนะ! ” ดูจากภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก้นบึ้งของหัวใจก็ยังมีมารอยู่ สิ่งนี้ไม่ใช่ถูกผู้อื่นควบคุม

เรื่องบางอย่างเกี่ยวเนื่องไปถึงคำว่า ‘อารมณ์ความรู้สึก’ ใช่ว่าบอกให้ควบคุมแล้วจะควบคุมกันได้

น่าหลานอวี้กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ตอนนี้เจ้ากลับไม่เสแสร้งแล้วเหรอ”

“ข้าเป็นคนใจกว้างต่างหากล่ะ ดีกว่าจิ้งจอกที่หัวสมองเต็มไปด้วยอุบายความคิดไม่ดีอย่างเจ้าเยอะ”

น่าหลานอวี้ยื่นมือไปจับมือเขา แทบอยากจะบีบมือของเขาให้กระดูกออกเป็นเสี่ยง ๆ “ต่อให้อุบายมากแค่ไหน ข้าก็เทียบเจ้าไม่ได้หรอก”

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นเราไปหาตำหนักปิงเซี่ยหลิงกันเถอะ เจ้าสวะเซี่ย ยังไม่นำทางไปอีก! ”

เชียนอ้าวเซี่ยหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “รับด้วยเกล้า ฮูหยินของข้า”

หลังจากผ่านจิตสังหารที่ทำให้รบราฆ่าฟันกันเองแล้ว ต่อจากนี้ก็ยังต้องเจอกับความท้าทายอีก

แต่อย่างไรก็ตาม มู่เฉียนซีสามารถพูดได้เพียงแค่ว่า จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ยังอ่อนโยนกว่าหอเทพมาก สิ่งเหล่านี้นับว่าไม่ยากสำหรับนาง

น่าหลานอวี้เป็นนักการค้าที่ล้ำเลิศคนหนึ่ง พรสวรรค์ในการฝึกฝนก็ไม่ได้อ่อนด้อย ส่วนจิตใจของเขานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หลังจากที่โดนลอบทำร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ยอมโดนลอบทำร้ายซ้ำเป็นครั้งที่สองอีก

ทุกอย่างว่างเปล่า มีเพียงคนตรงหน้าเท่านั้นที่เขาจะปกป้องไปจนชั่วชีวิต

ถึงแม้ว่าเชียนอ้าวเซี่ยจะเป็นสวะผู้ไร้พลังความแข็งแกร่ง แต่เขามักจะสวมหน้ากากเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด เกิดมาเพื่อเล่นละครตบตา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางหลงใหลไปกับสิ่งที่ทดสอบจิตใจนี้เด็ดขาด

และในด่านทดสอบจิตใจนี้ พวกเขาทั้งสามไม่มีใครมีช่องโหว่เลย ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่ตำหนักปิงเซี่ยหลิงได้โดยไม่มีการอะไรมาขวาง

ตรงหน้า ไม่เพียงแต่เป็นตำหนักใหญ่ มู่เฉียนซีคล้ายกับว่าได้เห็นเมืองน้ำแข็งหิมะเมืองหนึ่งก็มิปาน

สร้างขึ้นมาจากน้ำแข็งหิมะ เป็นเมืองที่งดงามวิจิตรและประณีต ทุกรายละเอียดสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ หากใครเห็นเป็นต้องตกตะลึงใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่การประเมินการของมู่เฉียนซีก็คือ “ดูเหมือนว่าจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้คงจะเบื่อมากนะ! ไม่รู้ต้องใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ถึงสร้างเมืองเช่นนี้ขึ้นมาได้”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่จุดที่สูงที่สุด แต่หากไร้คู่ครองเคียงข้าง ก็ต้องรู้สึกเบื่อมากอยู่แล้ว”

มู่เฉียนซี “เข้าไปข้างในกันเถอะ! ”

ประตูเมืองที่สร้างขึ้นด้วยน้ำแข็งหมื่นปีอันหนาชั้นนั้น พลังวิญญาณขั้นราชาอย่างมู่เฉียนซีไม่อาจผลักออกได้

มู่เฉียนซีหันมองเชียนอ้าวเซี่ยและกล่าวขึ้นว่า “พามาใช้ประโยชน์ได้หรือเปล่าเนี่ย? ”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “เอ่อ……จริง ๆ แล้วข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันอ่ะ แต่ก็ลองดู! ”

“ลองได้ แต่อย่างให้ถึงกับทำร้ายตัวเองล่ะ”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “เสี่ยวซีซีเป็นห่วงข้า”

น่าหลานอวี้กล่าวแทรกขึ้นมาว่า “ซีเอ๋อร์ก็แค่กลัวว่าเลือดเจ้าจะหมดตัว เอาใช้ประโยชน์ไม่ได้! ”

เชียนอ้าวเซี่ยจ้องหน้าน่าหลานอวี้อย่างดุเดือด มู่เฉียนซีกล่าว “น่าหลานเข้าใจข้าจริง ๆ”

เชียนอ้าวเซี่ยทำได้แค่ดุด่าต่อว่าน่าหลานอวี้อยู่ในใจ จากนั้นก็เอามีดกรีดนิ้วตัวเองและเปิดประตูเมืองอย่างเชื่อฟัง!

เลือดเพียงหยดเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะเปิดดินแดนลึกลับ แต่การจะเปิดประตูเมืองน้ำแข็งหิมะนี้ เลือดเพียงแค่หยดเดียวมันไม่พอ!

เชียนอ้าวเซี่ย “ข้าไม่เชื่อว่าจะเปิดมันไม่ได้! ”

ต่อก ต่อก ต่อก!

หลังจากที่เลือดอันบริสุทธิ์สีแดงสดสามหยดได้หยอดลง

ตูมมมม!

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ด้วยเสียงที่ดังสนั่นนี้ ดูเหมือนว่าเมืองน้ำแข็งหิมะที่หลับใหลมาเป็นเวลาหลายร้อยปีได้ตื่นขึ้นแล้ว

ฉ่าาาาาาาาา!

ประตูเมืองตรงหน้าค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ

หลังจากที่ประตูเมืองถูกเปิดออก ทุกอย่างภายในเมืองนั้นสวยงามตระการตายิ่งนัก แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือที่นี่ไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “ถึงเมืองน้ำแข็งหิมะแล้ว พวกเราจะปลอดภัย ด้านในไม่มีอันตรายอะไร จากนั้นเราก็ไปที่ตำหนักปิงเซี่ยหลิง ย้ายสมบัติล้ำค่าก็เป็นอันเสร็จสิ้น เสี่ยวซีซีหากถูกใจของล้ำค่าชิ้นไหนก็ไม่ต้องเกรงใจ! ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเคยบอกเหรอว่าข้าจะเกรงใจ? ”

หากเจอสมุนไพรวิญญาณที่นางถูกใจแล้วล่ะก็นางไม่มีทางเกรงใจเด็ดขาด อีกทั้งยังจะกลายเป็นโจรด้วยซ้ำ กวาดล้างเอาไปหมดแน่!

ตำหนักปิงเซี่ยหลิง เป็นตำหนักที่สูงที่สุด ทันทีที่พวกเขาย่างกรายเข้าไปด้านใน ก็สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนได้

พวกเขาทั้งสามเดินมุ่งหน้าไปที่ตำหนักปิงเซี่ยหลิงอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาเดินไปตั้งนานก็พบว่าไม่เข้าใกล้ตำหนักปิงเซี่ยหลิงสักที

น่าหลานอวี้กล่าว “ระยะทางใกล้เพียงแค่นี้ อีกอย่างเราก็เดินเร็ว มันน่าจะถึงนานแล้ว ทำไมถึงยังเป็นเช่นนี้ได้”

เชียนอ้าวเซี่ย “ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเมืองน้ำแข้็หิมะนี่จะไม่มีอันตราย แต่ดูเหมือนว่าจะสร้างความลำบากให้กับพวกเรา”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! ต้องมีอะไรแน่ ๆ เกรงว่าหน้าตำหนักปิงเซี่ยหลิงจะมีค่ายกลก็ไม่แน่! ”

สำหรับเรื่องค่ายกลนั้น คนที่เข้าใจดีที่สุดก็คืออาถิง

ทันใดนั้นเองอาถิงก็เปล่งเสียงขึ้นมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ยินดีกับเจ้าด้วย ติดอยู่ในค่ายกลที่แสนแก้ได้ยากยิ่ง เพราะฉะนั้นดูแลตัวเองดีดีหล่ะ! ”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว “สิ่งที่เจ้าจะพูดมีเพียงแค่นี้เหรอ? ”

“ข้าถูกขังตายในค่ายกลนี้ มันเป็นผลดีต่อเจ้าเหรอ? ”

ถูกขังในค่ายกลเช่นนี้ ไม่อาจเพิ่มพลังวิญญาณได้ เพิ่มพลังวิญญาณไม่ได้ เขาก็อย่าหวังที่จะแข็งแกร่งเลย ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้านี่จะมาหัวเราะดีใจอะไร

อาถิงกล่าว “ข้านี่ซวยจริง ๆ ที่มีพันธสัญญากับผู้หญิงโง่เง่าอย่างเจ้า ค่ายกลนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ให้ข้าเป็นคนออกไปจัดการเองดีกว่า! หวังว่าเจ้าสองคนนั่นจะไว้ใจได้นะ! ”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยเจอกับอาถิงมาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่แน่ชัดของเขากับมู่เฉียนซี

แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบขึ้น และร่างชายหนุ่มผู้รูปงามก็ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างเชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้ เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวทันทีว่า “ให้ตายเถอะ เจ้าเด็กบ้า ยังจะมาตามหลอกหลอนอีก อยู่ห่าง ๆ เสี่ยวซีซีเดี๋ยวนี้นะ! ”

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด