ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 651 ไม่มีทางเลือก
“เจ้าเป็นแม่ทัพผู้พ่ายศึกในมือข้า จะจับข้าไปเป็นตัวประกันได้จริงรึ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม แววตาเหยียดหยามไม่ปกปิด
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว” ซู่ซินเซี่ยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“หลายวันมานี้ข้าเตรียมการมามาก เพื่อจับตัวเจ้าให้ได้”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ทันใดนั้นเงาร่างหลายร่างก็ปรากฏขึ้น
ซู่ซินเซี่ยไม่เหมือนบิดาของนาง แน่นอนว่าทรัพยากรในมือย่อมยังไม่เพียงพอที่จะระดมยอดฝีมือมาได้มากมายนัก
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงแค่ขั้นสูงสุดของจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเท่านั้น แต่คนเหล่านี้ก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมากนัก การเอาชนะมู่เฉียนซีคงไม่เป็นปัญหาอะไร
“ช่วงนี้หมอปีศาจมู่ซีกําลังเฟื่องฟูในทวีปเสียโจว แต่พวกเรากลับหาจุดอ่อนของเขาไม่เจอ แต่แล้ว ในที่สุดตอนนี้พวกเราก็ได้โอกาสแล้ว”
“เจ้าเด็กนั่นบังอาจนัก แม้แต่ราชาแห่งพิษยังกล้าแย่งจากนิกายปีศาจดำของพวกเราไป ต้องให้เขาได้เห็นถึงความร้ายกาจเสียบ้าง”
มู่เฉียนซีโบกมือแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าคิดผิดแล้ว จุดอ่อนของหมอปีศาจไม่ใช่ข้าอย่างแน่นอน”
ซู่ซินเซี่ยสวนทันที “มู่เฉียนซี อย่าคิดว่าเจ้าพูดออกมาเช่นนี้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ถ้าเจ้าไม่ใช่คนสําคัญของหมอปีศาจ ทําไมเขาต้องไปหาเจ้าเฒ่าทั้งหลายนั่นจากสำนักย่อยการปรุงยาเพื่อมาช่วยเจ้า ? ทําให้ท่านพ่อของข้าไม่สามารถแก้แค้นให้ข้าได้”
“ถ้าเจ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหมอปีศาจ เจ้าจะสามารถอยู่ในหอหมอปีศาจนานขนาดนั้นได้ยังไง ? ข้าว่าเจ้าคงเป็นผู้หญิงของเขากระมัง”
มู่เฉียนซีรู้สึกหมดหนทาง พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ นางกล่าว “ในเมื่อเจ้าต้องการลงมือก็อย่าเสียเวลาเลย ข้ายังต้องรีบกลับไปสํานักศึกษาอีก”
ซู่ซินเซี่ยแค่นเสียงเย็นชา “คิดจะกลับไปงั้นรึ ? ฝันไปเถอะ”
พวกขั้นจอมภูตและขั้นจักรพรรดิของนิกายปีศาจดำทั้งหลายเหล่านี้เข้ามาล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
“ที่จริงแล้ว แค่ขั้นจักรพรรดิระดับหนึ่ง พวกเราคนเดียวก็จัดการได้แล้ว” จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเจ็ดของหนึ่งในนั้นกล่าว
ซู่ซินเซี่ยกล่าวเตือน “พวกเจ้าอย่าได้ประมาทเกินไป นางยังมีสัตว์พันธสัญญาอยู่ด้วยอย่าลืม”
มู่เฉียนซียิ้ม “ก็ใช่ ข้ายังมีสัตว์พันธสัญญา ดังนั้นพวกเจ้าก็ตาย ๆ ไปเสียเถอะ”
ซู่ซินเซี่ยกล่าวขึ้น “เจ้ามีสัตว์พันธสัญญาแต่พวกข้ามีคนมากกว่า ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้ข้าจะทําอะไรเจ้าไม่ได้”
“เช่นนั้นก็มาลองดู เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมา!” มู่เฉียนซีไม่เกรงกลัว นางเรียกสัตว์พันธสัญญาออกมาอย่างมั่นใจ
เมื่อแรงกดดันของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามแผ่กระจายออกไป สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนแปร
“บ้าเอ๊ย! เจ้าตัวเล็กทั้งสองเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม มันอะไรกันนี่ ?!”
“ทําไมเจ้าไม่บอกก่อนว่านางมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามถึงสองตัว ?”
พวกเขาจ้องมองซู่ซินเซี่ยอย่างโกรธเคือง ซู่ซินเซี่ยขบกรามแน่นก่อนจะกล่าวว่า “นางบ้ามู่เฉียนซี คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเก็บซ่อนสัตว์พันธสัญญาไว้มากเช่นนี้ มีสัตว์พันธสัญญาสองตัว เกินไปแล้ว!”
“แล้วตอนนี้จะทํายังไงกันดี ? พวกเรามีระดับเก้าเพียงคนเดียวที่พอจะขวางไว้ได้หนึ่งตัว”
“ถ้าเช่นนั้นอีกตัวพวกเราเข้าไปด้วยกัน ส่งคนมาสักสองสามคนมาจัดการกับสาวน้อยนี่เร็ว!”
ในเมื่อตัดสินใจไปเช่นนั้นก็หยุดไม่ได้แล้ว
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาของมู่เฉียนซียังลอยออกไป นางจงใจเลือกถนนตรอกนี้เป็นพิเศษเพราะมันเหมาะสำหรับการวางยาพิษเป็นอย่างมาก
ซู่ซินเซี่ยโพล่งขึ้น “ระวัง! มันมีพิษ”
“พิษของนางต้องเป็นพิษที่หมอปีศาจมู่ซีให้มาแน่ มันยากที่จะต่อกรด้วยได้”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
หลังจากนั้นมู่เฉียนซีก็โยนสมุนไพรวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมาก
— ฟึ่บ! —
เข็มยาเข็มหนึ่งลอยไปด้านหลังของซู่ซินเซี่ย
“ซี้ด!” ซู่ซินเซี่ยรู้สึกเจ็บแปลบอย่างแปลกประหลาดและล้มลงกับพื้น นางตะโกนออกมาอย่างขุ่นเคืองทันที “มู่เฉียนซี เจ้าลอบโจมตีข้า!”
“ใครใช้ให้เจ้าหาเรื่องกันล่ะ รอข้าอยู่ข้าง ๆ นั่นก่อนเถอะ”
ร่างสีม่วงสั่นไหว มู่เฉียนก้าวเข้ามาใกล้คนผู้หนึ่งที่รับมือได้ง่าย …จักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่
นางยกมือขึ้นพร้อมตะโกนเสียงเย็นเยียบ “ทักษะตี้ซวน!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
“จับนางไว้! ต้องรีบจัดการนางเดี๋ยวนี้”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสี่ยวหงและอู๋ตี้ ตอนนี้พวกเขาต่างก็ทำอะไรไม่ถูก
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวนี้พวกเขาไม่อาจเอาชนะได้ การที่จะหยุดพวกมันต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาคงต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
แต่ตราบใดที่พวกเขาจัดการกับนายท่านของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ เช่นนั้นพวกมันก็จะไม่มีพลังการต่อสู้หลงเหลือ
ในที่สุดพวกเขาก็พบเจอเข้ากับเรื่องที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีระดับที่ต่ำ แต่ความรวดเร็วของนางไม่ธรรมดา พวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับพิษแปลกประหลาดและทักษะวิญญาณที่ห้าวหาญ การจะจัดการกับนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่สีแดงออกมา เมื่อเห็นกระบี่เล่มนี้ นางนึกถึงอารองของนางขึ้นมาในใจ
ใช้ครั้งแรกไม่หัก หวังว่าครั้งที่สองจะยังคงดีอยู่
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มู่เฉียนซีตวัดกระบี่ออกไป มังกรเพลิงสีแดงเข้มกระพือพัดปีกใหญ่กวาดพลังผ่านไป
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าทั้งหลายถูกมังกรเพลิงล้อมไว้ทันที แต่กระบี่มังกรเพลิงในมือของนางยังคงอยู่ มันไม่หัก!
มู่เฉียนซีหัวเราะ “สมแล้วที่ท่านอารองเป็นยอดฝีมือในการหลอมอาวุธ ตอนนี้กระบี่มังกรเพลิงมีความทนทานมาก ไม่ใช่ใช้ครั้งเดียวแล้วหักอีกต่อไปแล้ว”
กระบี่พุ่งเข้าไปไม่รอช้า
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— โครม! —
กระบี่ไม่หักจริง ๆ มู่เฉียนซีหัวเราะชอบใจ นางต่อสู้อย่างสนุกสนานเลยทีเดียว ส่วนอู๋ตี้ และเสี่ยวหง ก็จัดการคนกลุ่มนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว
— ปัง! ปัง! ปัง! —
ศัตรูมีอันล้มลงกับพื้นไปทีละคน ไม่มีใครหาช่องว่างเพื่อตอบโต้ได้เลย
“แพ้แล้ว! แพ้แล้ว!!!” ซู่ซินเซี่ยเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา ตอนแรกนางคิดว่าจะจัดการกับมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้นางกลับต้องมาชดใช้เสียเอง
นี่มันอะไรกัน ?
ซู่ซินเซี่ยกล่าวออกมาอย่างลนลาน “เจ้า… เจ้าจะทําอะไร ? เจ้าฆ่าข้าไม่ได้นะ นิกายปีศาจดำไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
มู่เฉียนซีหัวเราะเย้ยหยัน “เหอะ ๆ ๆ หืม ? ที่ว่านิกายปีศาจดำจะไม่ปล่อยข้า เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของนิกายปีศาจดำหรือนายน้อยกันแน่ ทําไมนิกายปีศาจดำต้องไม่ปล่อยข้าไว้ บิดาของเจ้าก็เป็นเพียงคนรับใช้ผู้หนึ่งและยังทําลายพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าคิดว่านิกายปีศาจดำจะแก้แค้นให้เจ้าได้อย่างโจ๋งครึ่มงั้นรึ ?”
ดวงตาของคนอื่น ๆ ฉายแววสิ้นหวัง พวกเขาอยู่แค่ขั้นกลาง จะว่าสูงก็ไม่สูงจะว่าต่ำก็ไม่ใช่ สำนักทอดทิ้งพวกเขาได้อย่างไม่ต้องลังเลเลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีวางยาพิษพวกเขาอีกเล็กน้อยและกล่าวว่า “เรื่องของนิกายปีศาจดำและสํานักศึกษาซวนเสียไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับข้า และข้าก็จะไม่เข้าร่วมด้วย พวกเจ้าทั้งหมดก็ปล่อยให้สํานักศึกษาซวนเสียจัดการซะเถอะ”
มู่เฉียนซียิ้ม “นี่นะคุณหนูซู่ อีกไม่นานบิดาของเจ้าก็คงมาแล้ว ดีใจไหมล่ะ ?”
ซู่ซินเซี่ยกรีดร้องออกมาอย่างเคืองแค้น “กรี๊ดดดด! ข้าไม่อยากถูกขังอยู่ในคุกของสํานักศึกษาซวนเสีย คุกทั้งสกปรกทั้งรก คนอย่างข้าจะไม่ไปที่นั่นเด็ดขาด”
มู่เฉียนซีส่ายศีรษะ “แต่เจ้าไม่มีทางเลือก อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย อ้อ และข้าจะบอกให้ เดิมทีหากเจ้าหลบไปดี ๆ ไม่มายั่วโมโหข้าก็คงไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าทำตัวเองก็ต้องยอมรับให้ได้สิ”
“ส่วนพวกเจ้าทั้งหลาย อยู่ที่นี่รอหน่วยรักษากฎของสํานักศึกษาซวนเสียมาจับพวกเจ้าเถอะ ข้าส่งข่าวไปแล้ว”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็มาถึงสํานักศึกษาอย่างรวดเร็ว เมื่อหน่วยรักษากฎได้ยินว่ามีคนจากนิกายปีศาจดำทําเรื่องไม่ดีในเมืองเสีย ไม่นานนักก็กลับมา
เดิมทีมู่เฉียนซีอยากไปที่สำนักส่วนนอก แต่แล้วนางก็เปลี่ยนทิศทางไปทางสำนักย่อยการปรุงยาแทน
นางนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย
เวลานี้ที่ด้านหน้าของนางมีเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น “หวงฝู่จี้เหิน อาจารย์ใหญ่อยู่ที่ไหน ? นำทางข้าไปหน่อยเถอะ”
Comments