ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 863 จิ่วเยี่ยหึงหวง

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 863 จิ่วเยี่ยหึงหวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เยวี่ยเจ๋อ กับองครักษ์เงาของตระกูลมู่นั้นไม่เหมือนกัน องครักษ์เงานั้นตัวคนเดียว ตระกูลมู่ก็คือบ้านของพวกเขา

แต่เยวี่ยเจ๋อ เขามีญาติพี่น้องอยู่ที่แคว้นจื่อเยี่ย

เยวี่ยเจ๋อกล่าว “ถึงแม้ว่าสัญญาที่ตกลงกันไว้จะหมดแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากจะติดตามพี่ใหญ่ เพราะฉะนั้นข้าเลือกที่จะไป ท่านพ่อกับท่านแม่ก็คงจะเข้าใจข้า”

“ยากระดูกมังกรเม็ดนี้ เจ้ารับไว้ พวกเจ้ามีพลังแข็งแกร่งพอที่จะไปแดนใต้ ข้าถึงจะวางใจ!”

“ขอรับ!”

หลังจากที่จัดการเรื่องของตระกูลมู่กับหอหมอปีศาจเสร็จ จากนั้นก็คิดหาวิธีจัดการเรื่องของเชียนอ้าวเซี่ย

ไม่มีทุ่งน้ำแข็งที่เหมาะสมให้เชียนอ้าวเซี่ยอยู่แล้ว

ในเมื่อสุสานถูกทำลายไปแล้ว มู่เฉียนซีจึงตัดสินใจสร้างวังน้ำแข็งหิมะขึ้นมาใหม่

จำนวนคน วัสดุที่ใช้ หรือจะเป็นกำลังทรัพย์ล้วนแต่ไม่ต้องสนใจ ขอเพียงแค่ดี เร็ว และปลอดภัยก็พอ!

ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสนใจคนที่นอนหลับใหลอยู่ในหิมะน้ำแข็งนี้มากเกินไป สีหน้าของจิ่วเยี่ยจึงเย็นชามากถึงเพียงนี้

เป็นผลให้ทำให้จิ่วเยี่ยทำท่าทีทรมานอย่างไร้เหตุผล มู่เฉียนซีสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

“จิ่วเยี่ย คำสาปของเจ้ากำเริบเหรอ!”

จิ่วเยี่ยส่ายหน้าพลางกล่าว “ดูเหมือนว่าข้าจะโดนคำสาปอีกอย่างหนึ่ง”

สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป “นี่เจ้าว่าอะไรนะ?”

เขาจูบไปที่ดวงตาของมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “หากสายตาของซีไปสนใจคนอื่น ตัวข้าก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ว่างเปล่า นี่นับว่าใช่คำสาปหรือไม่”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย “เจ้า……”

“แต่คำสาปนี้มีประโยชน์อย่างหนึ่งนั่นก็คือ ข้าจะไม่ทำร้ายซี!”

มู่เฉียนซีรู้สักราวกับมีอีกานับไม่ถ้วนบินอยู่บนหัวนาง นี่คือคำสาปอย่างนั้นเหรอ ใช่คำสาปเหรอ

อือ! มู่เฉียนซีถูกจูบอีกครั้ง

นางอยากจะถามเจ้าหมอนี่เสียจริงว่าเขาหึงหวงใช่หรือไม่

หึงหวงกับคำสาปแยกไม่ออกแล้วอย่างนั้นเหรอ แบบนี้ก็มีด้วย

วังของเชียนอ้าวเซี่ยถูกสร้างขึ้นแล้ว กินอิ่มดื่มด่ำสำราญอย่างพึงพอใจองค์ชายจิ่วเยี่ยก็ไม่โกรธเกรี้ยวแล้ว องค์ชายจิ่วเยี่ยอย่างเขาไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวกับผู้ที่หลับใหลไม่รู้ว่ากี่ร้อยปีจะฟื้นขึ้นมาผู้นั้น

รอหลังจากนี้หลายร้อยปีกว่าเจ้าหมอนี่จะฟื้นขึ้นมา ซีก็คงจะกลายเป็นผู้หญิงของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว

เพื่อไม่ให้มู่เฉียนซีพะว้าพะวง จิ่วเยี่ยจึงให้มู่เฉียนซีส่งเขากลับไป

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายขอให้มู่เฉียนซีส่งเขากลับไป มู่เฉียนซีรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ชั่วครู่หนึ่งเขาก็ได้ลากผู้เฒ่าท่านหนึ่งกลับมา

เมื่อเห็นหญิงสาวผู้งดงามอย่างไร้ที่ติตรงหน้า ผู้เฒ่าท่านนี้ก็รีบคุกเข่าลงทันที และกล่าวว่า “ข้าน้อยคาราวะหวังเฟย!”

มู่เฉียนซีเหลือบมองจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “เจ้าพาท่านลุงผู้นี้มาทำไม?”

“นี่คือปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งคุกโลหิต สามารถสร้างค่ายกลปกป้องวังแห่งนี้ได้ ต่อให้เป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็อย่าคิดที่จะบุกเข้ามา เช่นนี้เจ้าก็วางใจได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงคนตายผู้นี้อีกแล้ว!”

อย่างไรเสีย เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่ผู้เป็นที่รักของตนเองเป็นห่วง และกังวลความปลอดภัยของผู้อื่น องค์ชายจิ่วเยี่ยจึงพาปรมาจารย์ค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดจากคุกโลหิตมา

เช่นนี้นางก็วางใจได้แล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว!”

ปรมาจารย์ท่านนี้รีบกล่าวว่า “ไม่รบกวนเลย ไม่รบกวนเลย ได้รับใช้องค์ชายกับหวังเฟยไม่ถือเป็นการรบกวนแน่นอน!”

อันที่จริงเขาน้ำตาคลอเบ้าแล้ว!

ให้เขามาสร้างค่ายกลง่าย ๆ เช่นนี้ ช่างเป็นการเสียแรงโดยใช่เหตุจริง ๆ

เรื่องแค่นี้ให้ปรมาจารย์ค่ายกลทั่ว ๆ ไปในแดนนรกสักคนหนึ่งมาก็ได้แล้ว พวกเขาก็สามารถทำได้ องค์ชายไม่จำเป็นต้องพาเขามาเลย

ท่านปรมาจารย์ค่ายกลท่านนี้ไม่ธรรมดา ไม่นานนักก็สามารถจักการค่ายกลได้สำเร็จ

มู่เฉียนซียังตั้งใจจะให้มู่อีและพวกบุกเข้าในไปค่ายกลนี้ แต่ผลลัพธ์ก็คือไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ ปลอดภัยและสมบูรณ์แบบมากจริง ๆ

เดิมทีเขายังคิดอยากจะคุยกับหวังเฟยสักหน่อย แต่ภายใต้สายตาอันเย็นชาขององค์ชายจิ่วเยี่ยนั้น เขาจำต้องฉีกมิติตนเองและไสหัวกลับไปแต่โดยดี

ทว่า การที่ได้เห็นหวังเฟย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว

มิเช่นนั้นได้เห็นเจ้าเด็กจื่อโยวนั่นเกี้ยวพาราสีทุกวัน เขาอิจฉาริษยาจะตายอยู่แล้ว!

อาการของซวนหยวนหลี่เทียนนั้นดีขึ้นมาก ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีจึงเตรียมตัวจะกลับไป

น่าหลานอวี้กล่าว “เฉียนซี พาข้าไปด้วยเป็นเช่นไร?”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้าอยากออกไปจากเซี่ยโจวเหรอ?”

น่าหลานอวี้จ้องมองจิ่วเยี่ยผู้ที่มีแววตาจิตสังหารผู้นั้น และกล่าวว่า “เซี่ยโจวเล็กเกินไป เงินที่ควรจะเก็บก็เก็บมาพอสมควรแล้ว ข้าอยากจะออกไปท้าทายโลกภายนอกเซี่ยโจวหน่อย กำลังคน เงินทองได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว หากเจ้าพาข้าไปด้วย ข้าก็จะได้ไปชมทะเลอันไร้ขอบเขตแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนักว่า “นี่ เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นี่เจ้าวางแผนเอาไว้แล้วใช่หรือไม่!”

นางจะวางใจให้เขาเดินเส้นทางที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ให้เขาไปกับหอฉงโหลวบนเมฆาจะสะดวกกว่า

น่าหลานอวี้นั้นมีความสามารถ สุขุมและมีแผนสูง แผ่นดินเซี่ยโจวแห่งนี้สำหรับเขาแล้วมันยังเล็กไปจริง ๆ

อีกทั้งค่ายกลส่งระยะไกลของเซี่ยโจวก็ถูกทำลายเสียหายไปอย่างสมบูรณ์ ช่วงเวลาหนึ่งไม่มีผู้ใดสามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

“ขึ้นมา!”

“เยี่ยมไปเลย!” น่าหลานอวี้ดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็ได้พาคนของตนเองกับคนของบ้านประมูลอันดับหนึ่งเดินทางออกจากเซี่ยโจว

ตอนนี้ซวนหยวนหลี่เทียนสามารถลุกจากเตียงและเดินได้แล้ว และเมื่อเขาได้รู้ข่าวของมู่เฉียนซีก็ตกใจขึ้น

“ไปแล้วเหรอ?” ในใจรู้สึกหดหู่ลง มีเพียงแค่ตอนที่เขาใกล้ตายตอนนั้นที่ได้เห็นหน้านางแวบเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอนางเลย

ยาที่ให้เขา นางก็ให้คนเอามาส่งให้

เพราะไม่ได้สนใจจึงไม่เคยกล่าวคำร่ำลา เขาถูกกำหนดให้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง

ลาก่อน ซีเอ๋อร์……

ในหอฉงโหลวบนเมฆา มู่เฉียนซียิ้มกับน่าหลานอวี้พลางกล่าวว่า “โลกภายนอก มีทั้งความท้าทาย มีทั้งโอกาส แล้วก็มีอันตรายอีกด้วย ยากระดูกมังกรนี้สามารถทำให้พวกเจ้าเลื่อนขั้นพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกได้ พลังความแข็งแกร่งขั้นนี้นับว่าอยู่อันดับต้น ๆ ของแดนใต้แล้ว เจ้ามีพลังความแข็งแกร่งนี้ไว้ เจ้าถึงจะมีสิทธิ์พูดมีอำนาจได้!”

“อ้อ อีกอย่างหอหมอปีศาจกับบ้านประมูลอันดับหนึ่งจะเป็นผู้ร่วมการค้ากันตลอดไป เจ้าอย่าลืมล่ะ!”

น่าหลานอวี้ยิ้มพลางกล่าว “หากจะกล่าวขอบคุณ มันก็ดูเสแสร้งเกินไป ข้าไม่ทำให้ผู้ร่วมการค้าที่ข้าสนิทที่สุดผิดหวังแน่นอน!”

ห่างกันเป็นเวลานานแล้ว น่าหลานอวี้จึงอยากจะเข้าใจสถานการณ์ในแดนใต้จากมู่เฉียนซีมากสักหน่อย

แต่สุดท้ายมู่เฉียนซีก็ถูกจิ่วเยี่ยผู้อดทนไม่ได้กอดและพาไป พวกเขาได้เข้าไปในมิติส่วนตัว และเริ่มอยู่ในโลกของคนสองคน

รอยยิ้มของน่าหลานอวี้แข็งทื่อไป เขากัดฟันกรอดพลางพึมพำเสียงเบาว่า “พลังแข็งแกร่งมาก แต่ใจกลับเสาะเสียจริง!”

ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็มาถึงดินแดนเสียโจวอย่างราบรื่น ภายใต้สายตาการเข่นฆ่าของจิ่วเยี่ยนั้น ทำให้น่าหลานอวี้จำต้องปลีกตัวออกไป คิดหาวิธีสร้างความมั่งคั่งในแดนใต้

“อาจารย์……” ในตอนนี้เองชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉียนซี

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “จี้เหิน ไม่เลวเลย! นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็ออกมาแล้ว”

หวงฝู่จี้เหินกล่าว “อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านก็เกินไปจริง ๆ พวกเราล้วนแต่ถูกอาจารย์หลอก การทดสอบในหอโอสถนั่น ช่าง…….”

เมื่อนึก ๆ ดู หวงฝู่จี้เหินก็ตัวสั่นขึ้น

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “หากไม่โหดสักหน่อย พวกเจ้าจะได้เติบโตอย่างไรเล่า”

หวงฝู่จี้เหินกล่าว “ใช่ แม้แต่ท่านปู่ก็คิดไม่ถึงว่าข้าจะเติบโตได้มาถึงจุดนี้ได้ เพียงแต่ว่า อาจารย์ ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้ว……”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เป็นอะไร?”

“ข้าท้าประลองกับหัวหน้านักปรุงยาจวินแล้วแพ้ประลอง” ซูเซิงเอาชนะราชาแห่งพิษได้ และได้กลายเป็นหัวหน้านักพิษของหอหมอปีศาจ

หลังจากที่เขาออกจากการบำเพ็ญฝึกฝน และได้รู้ข่าวนี้ก็ได้ไปท้าประลองกับจวินโม่ซีทันที

สุดท้ายถูกจวินโม่ซีซ้อมจนยับเยิน!

เจ้าหมอนั่นเหมือนกับอาจารย์ไม่มีผิด ล้วนแต่ผิดวิปริตเหมือนกัน!

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้านักปรุงยาต้องเป็นเจ้าตะกละนั่นอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเสีย ค่าแรงของเจ้านั่นก็ถูกที่สุดแล้ว แต่หอหมอปีศาจยังขาดหัวหน้านักปรุงยาแผนปัจจุบันอยู่ (ยาน้ำใช้เข็มฉีด) ไม่ทราบว่านักเรียนหวงฝู่จี้เหินยอมรับตำแหน่งนี้หรือไม่!”

ดวงตาของหวงฝู่จี้เหินเปล่งประกายขึ้น และกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ข้ายอมรับ!”

มู่เฉียนซีกล่าวถามโม่จิ่นว่า “โม่จิ่น ค่ายกลส่งระยะไกลของแดนใต้ซ่อมแซมเสร็จหรือยัง?”

โม่จิ่นยังไม่ทันตอบ หอหมอปีศาจของพวกเขาก็ได้รับข่าวข่าวหนึ่ง โม่จิ่นหันไปมอง “นายท่าน ทางด้านค่ายกลส่งระยะไกลดูเหมือนว่าจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่ได้จินตนาการเอาไว้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด