ท่านเทพมาแล้ว 226 มีเด็กสาวคนหนึ่ง

Now you are reading ท่านเทพมาแล้ว Chapter 226 มีเด็กสาวคนหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 226 มีเด็กสาวคนหนึ่ง

ลู่ยาถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง ไม่คิดจะสนใจเขาอีก

หุนคุนก็จนปัญญานัก นั่งลงไปบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างพลางมองกระดิ่ง

หากเขาต้องการนำกระดิ่งไปไม่ใช่เรื่องยาก แต่หลังจากเอาไปแล้ว ลู่ยาเจ้าเด็กนั่นต้องทำลายวังจิตกระจ่างของเขาแน่ วังที่ใหญ่ขนาดนั้นของเขาถึงแม้สร้างอย่างง่ายดาย แต่หากต้องการหาหินหยกดีๆ มากมายกลับไม่ง่ายนัก ไม่แน่บางทีอาจทำความเสียหายไปถึงผักของเขา เรื่องแบบนี้ยังต้องระมัดระวังสักหน่อยดีกว่า อย่างมากเขาก็ลำบากหน่อย เฝ้าจับตามองที่นี่ก็ดีแล้ว

เหนือสวรรค์สูงขึ้นไปแต่ละชั้นเหมือนกับเป็นอีกโลกหนึ่ง

ระหว่างสวรรค์แต่ละชั้นล้วนมีภูเขาลำธารและทะเลสาบ ระหว่างแต่ละชั้นห่างกันหมื่นลี้ ดูแล้วแม้ไม่ไกล แต่บินขึ้นมากลับไม่ใช่เรื่องง่าย

การที่สวรรค์ชั้นสามสิบเก้าอยู่กลางหกภพเท่ากับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ด้านหนึ่งเป็นเพราะพลังบำเพ็ญของเทพทั้งสี่สูงส่ง เวทลึกล้ำ ตำแหน่งก็สูงศักดิ์ อีกด้านหนึ่งก็เพราะหนทางขึ้นสวรรค์ไม่เพียงต้องการพลังบำเพ็ญ ยังต้องการความอดทนด้วย

มู่จิ่วมีพลังบำเพ็ญเพียงสองพันปี บวกกับพลังบำเพ็ญที่จิ้งจอกแดงให้มาอีกพันปีก็เพิ่งสามพันปี เดินมาทางสวรรค์แห่งนี้จึงช้าเป็นพิเศษ

อีกทั้งสวรรค์ทุกชั้นต้องหาประตูสวรรค์ขึ้นไปใหม่ทุกครั้ง มาคราวนี้ ตอนถึงวังโตวลวี่ที่อยู่สวรรค์ชั้นสามสิบสาม นางก็มีอาการเหนื่อยอ่อนแล้ว แต่วังโตวลวี่ก็เป็นสถานที่ที่นางและลู่ยาเคยมา เห็นประตูทางเข้าที่คุ้นเคย นางก็กัดฟันมุ่งขึ้นไปต่อ

นางไม่รู้เช่นกันว่าผ่านมากี่ชั้นแล้ว แต่ตอนมาถึงประตูสวรรค์ชั้นสุดท้าย มือเท้าของนางก็อ่อนแรงหมดแล้ว

หมอบอยู่ตรงประตูไปชั่วเวลาครึ่งถ้วยชา นางจึงยืดตัวขึ้นมา เงยหน้ามอง ตรงหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ที่ไม่รู้สลักจากหินอะไรตั้งอยู่ สูงราวเก้าจั้ง กว้างสามฝู สร้างอยู่บนทิวเขา และในประตูสวรรค์สามารถเห็นทะเลดาว ลำธารยอดเขาได้ไกลๆ เพียงแค่ทิวทัศน์นี้ก็ยิ่งใหญ่ไพศาล ทิวทัศน์ในประตูสวรรค์แดนใต้ของสวรรค์ชั้นเก้ายังห่างไกลนักที่จะเปรียบเทียบ!

นางลุกขึ้นมา เงยหน้ามองป้ายประตูที่สูงขึ้นไปในเมฆ ข้างบนมีอักษรโบราณหลายตัวว่า สวรรค์อันสูงส่ง กล้าตั้งชื่อแบบนี้ นอกจากสวรรค์ชั้นสามสิบเก้าที่เทพทั้งสี่อยู่ด้วยกันแล้วยังมีที่ไหนได้อีก?

นางมาถึงแล้ว!

นี่คือสถานที่ที่เขาอยู่ นี่คือโลกที่เขาอยู่

นางสงบใจที่ตื่นเต้นลงไม่ได้ ยืนขึ้นมาเกาะประตูมองเข้าไปสำรวจข้างใน

ยอดเขาที่นี่แต่ละลูกสูงชัน ระหว่างภูเขากับภูเขามีสะพานหยกเชื่อมต่อ ในเมฆหมอกที่ลอยวนมีมุมหนึ่งของวังโผล่พ้นออกมารางๆ สัตว์เทพสัตว์ปีกวิเศษมากมายใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ก่อนเข้าใจว่าเขตเซียนของสวรรค์ชั้นเก้าสวยงามมากแล้ว ตอนนี้เห็นทิวทัศน์แบบนี้ ถึงได้รู้จักความตื่นตาของจักรวาลอันกว้างใหญ่

นางมองภูเขาลำธารที่อยู่ห่างออกไปไกล ไม่รู้ตอนนี้เขากำลังเดินเล่นบนภูเขา หรือมองทิวทัศน์อยู่ริมแม่น้ำ?

แต่ที่นี่สำหรับนางแล้วแรงกดดันก็สูงมาก

พลังวิญญาณของสวรรค์ชั้นสูงส่งไม่ใช่คนธรรมดาจะรับได้ นางมีความรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านอีกแล้ว แต่ยังดี บางทีอาจเพราะที่นี่เป็นถึงพื้นที่ระหว่างสวรรค์ที่ไอเซียนเข้ากันได้เป็นที่สุด นางจึงรู้สึกปลอดโปร่ง ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้

นางยื่นมือออกไปสัมผัสอากาศที่ปากประตู สัมผัสตรงผนัง สร้างเขตพลังไว้ดังคาด

นางเข้าไปไม่ได้

ความเป็นจริง นางก็ไม่คิดจะเข้าไป

นางเพียงอยากเห็นที่นี่เท่านั้น

นางพิงป้ายนั่งลง มองทะเลเมฆพลิกไหวพลางปรับลมหายใจ

ในวังชิงเสวียน หุนคุนมองกระดิ่งอยู่นาน รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีนัก

หากลู่ยาต้องการดึงดันต่อไป แบบนั้นมังกรเก้าตัวก็ดึงเขาไม่อยู่ หากต้องการช่วยกระดิ่งต้องวางแผนให้ดีๆ

เขาซ่อนแขนเสื้อพลางครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจจะไปหาหนี่ว์วา ตั้งแต่เล็กหนี่ว์วาดูแลลู่ยามากที่สุด หนี่ว์วาเอ็นดูเขาก็เอ็นดูอย่างไร้ขอบเขตไปหน่อย คำพูดของนางลู่ยาไว้หน้าที่สุดมาตลอด หากให้นางออกหน้า ไม่แน่ว่าอาจพลิกสถานการณ์ได้

เขาก้าวเท้าออกจากประตูวังไป ขี่หวงเตี้ยนของเขาไปยังวังเทียนสวี่ของหนี่ว์วาอย่างสบายๆ

เพิ่งเดินถึงทางเลี้ยว พลันมีนกปี่อี้[1]หยุดอยู่ตรงหน้า “เรียนเซิ่งจุน ที่ประตูสวรรค์มีเด็กสาวคนหนึ่งมา ไม่รู้ที่มาเป็นอย่างไร”

เด็กสาว?

หุนคุนชะงักไป ยื่นหน้ามองไปทางประตูสวรรค์

ที่นี่ห่างจากประตูสวรรค์สามพันลี้ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตา

ใต้ป้ายชื่อสวรรค์อันสูงส่ง มีเด็กสาวตกที่นั่งลำบากนั่งอยู่จริง

สวรรค์สามชั้นสิบเก้านี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีแขกที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กสาวคนนี้ยังเป็นเพียงหัวเสินเลย…

หุนคุนมีแผนการในใจ มุมปากยกขึ้น พลันรีบหมุนกลับไปยังวังชิงเสวียน

ลู่ยายังนิ่งเหม่อลอยอยู่บนตั่ง ทั้งร่างเหมือนเน่าไปแล้ว

หุนคุนเดินมาตรงหน้าเขาก่อนพูด “สาวน้อยผู้บำเพ็ญคนนั้นของเจ้าจนถึงตอนนี้ยังไม่มาหา คงไม่มาแล้ว”

ลู่ยาหน้าตึง จ้องเพดานไม่ขยับเขยื้อน

หุนคุนพูดอีก “คนเขาเพิ่งอายุสองพันปี อายุเท่านางยังพบคนไม่มากพอ จะยินยอมมาหาคนแก่ขนาดเจ้าได้อย่างไร?”

สีหน้าลู่ยายิ่งบึ้งตึงขึ้นอีกหลายส่วน ถลึงตาใส่เขา ก่อนเปิดปากพูด “ข้าแก่เท่าท่านหรือ?”

หุนคุนถูกย้อนจนสำลัก แต่ยังคงพูดต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ “ถึงแม้หน้าเจ้าไม่แก่ แต่อายุหลายแสนปี สำหรับแม่นางน้อยนับว่าแก่มากแล้ว ไม่แน่ว่าอาจแก่จนไม่เป็นประเด็นอีกต่อไป แต่เจ้าชอบเอาชนะขนาดนั้น สิ่งของอะไรเพียงเจ้าชอบแล้วก็ต้องแย่งชิงมาเป็นของตนเองให้ได้ ไม่แน่ว่าแม่นางผู้นี้ก็อาจเหมือนกัน สาวน้อยทะเลาะกับเจ้า ก็เป็นเรื่องยากจะหลีกเลี่ยง”

ลู่ยามองเขาอย่างเพ่งพินิจอยู่นาน ก่อนละสายตากลับมาอีกครั้ง

หุนคุนพูดต่ออย่างไม่กลัวตาย “เหล่าหนุ่มสาวรุ่นเยาว์นั้นปากหวานนัก เจ้าประสบการณ์มากแล้วมีประโยชน์อะไร? แม่นางน้อยต้องการความครื้นเครงสนุกสนาน เจ้าโกรธใส่นางบ่อยๆ นางก็มีคนเข้าหาไม่ขาดสาย ทำไมต้องมาหาเจ้าด้วย?”

ถึงแม้ลู่ยาไม่สนใจเขา นิ่งอยู่บนตั่งพลางมองเพดาน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าตนเองแก่ขนาดไหนเสียหน่อย ต้องให้หุนคุนพูดหรือ?

ตอนที่นางรู้สึกอยู่ตลอดว่าฐานะเป็นอุปสรรค บางครั้งเขาก็พิจารณาเรื่องอายุของนางกับเขาอย่างลับๆ ที่จริงเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกมาไม่น้อยแล้ว ถึงแม้รักษาใจไว้ได้คงเดิมเท่าไหร่ สุดท้ายก็มิสู้หลินเจี้ยนหรูที่สามารถนั่งแบ่งอาหารมื้อค่ำกับนางกลางค่ำคืนพร้อมพูดคุยเรื่องราวในใจ มิสู้อ๋าวเจียงที่ดีใจหรือโกรธก็ล้วนแสดงออกบนใบหน้า ใจเต้นก็แสดงออกในพริบตาเดียว

แต่ประสบการณ์กับอดีตของเขาไม่มีหนทางเปลี่ยน ดังนั้นเขาจึงหึงเพราะผู้บำเพ็ญชายที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม และโกรธอย่างมากตอนที่รู้ว่านางให้มังกรที่ไม่เกี่ยวข้องเลยยืมกำไลไป

เขาปิดตาลง นิ่งจนแข็งทื่อขึ้นไปอีก

หุนคุนเดินเข้ามา “หากทั้งชีวิตนี้นางไม่มาหาเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?”

ทำอย่างไร? จะทำอย่างไรได้? แน่นอนว่าต้องไปหานาง

นางไม่มาหาเขา ทั้งชีวิตเขาก็จะไม่เจอนางงั้นหรือ?

ใครกำหนดไว้?

แต่ในใจเขายังมีความเศร้าเล็กน้อย

ที่จริงคราวก่อนที่หงชาง ท่าทางที่นางนั่งยิ้มและกังวลอยู่บนเขาทิ่มแทงใจเขามาก

จากเขามานางก็มีท่าทีแบบนี้ เขารู้ทันทีว่าไม่ใช่ปัญหาของนาง แต่เป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรเขาไม่ใช่แบบที่นางชอบ

หุนคุนเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากของเขา พลันรู้สึกว่าน่าเบื่อ เขาตบไหล่ลู่ยาอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าได้ยินว่าฆ้องหินที่ประตูสวรรค์หักเป็นสองส่วน ถ้าเจ้าอยู่เฉยๆ ที่นี่ได้ มิสู้ไปทำงานสักหน่อย?”

ฆ้องหินนอกประตูสวรรค์เป็นเสียงบอกเวลาเช้า ปีนั้นกงกงสร้างขึ้นมา เป็นของสำคัญมาก

ลู่ยานิ่งอยู่ครู่เดียว ก่อนลุกขึ้นมาปัดปัดปลายเสื้อ จากนั้นสะบัดมือออกนอกประตูไป

…………………………………………………………………..

[1] นกปี่อี้คือนกในตำนานจีนที่มีตาเดียวปีกเดียว ตัวผู้ตัวเมียบินไปด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ของความรักลึกซึ้งระหว่างสามีภรรยา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด