ท้าทายลิขิตสวรรค์ 14 พลังหยินที่แข็งแกร่ง
บทที่14 พลังหยินที่แข็งแกร่ง
เมื่อเธอจ้องมองไปยังสถานที่แห่งนี้ และมันก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้คือเห็นว่ามีหมอกสีเหลืองทองสาดส่องมาจาง ๆ และบรรจบกันที่จุดนั้น ซึ่งสิ่งนี้นับว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคลที่หาได้ยากยิ่ง
ดังนั้นเด็กน้อยจึงปักกิ่งไม้เอาไว้ตรงจุดที่เป็นศูนย์รวมของหมอกสีเหลืองเหล่านั้น จากนั้นได้เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสาว่า:
“อาจารย์คิดอย่างไรกับสถานที่นี้ที่หนูเลือกคะ?”
เมื่อเห็นว่าเธอเลือกตำเเหน่งนี้ นักบวชหยูชิงจึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
เขาเคยมาที่สถานที่แห่งนี้มาก่อนและได้สำรวจมันโดยการใช้เข็มทิศ และตำแหน่งที่หยางซือเหมยปักกิ่งไม้ของเธอลงไปนั้นเป็นสถานที่เดียวกับที่เขาเลือกให้เป็นสถานที่ในอุดมคติในวันนั้นโดยไม่ได้คลาดเคลื่อนไปแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใช้เข็มทิศช่วยเหมือนกับเขา โดยเธอเลือกมันตามความรู้สึกเท่านั้น หรือว่าเธอจะเป็นหนึ่งเดียวกับดวงตาของฮวงจุ้ยโดยกำเนิด? เธอมีพรสวรรค์พิเศษจริงหรือนี่?
และเมื่อเห็นการแสดงออกที่บ่งบอกว่าพึงพอใจของท่านอาจารย์ หยางซือเหมยก็ทราบในทันทีว่าเธอเลือกได้ถูกต้องแล้ว
***
จากนั้นนักบวชหยูชิงจึงเดินตามหยางซือเหมยกลับบ้าน ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ครอบครัวของเธอคุ้นเคยกับการที่หยางซือเหมยจะต้องเดินป่าและขึ้นไปบนภูเขาเพื่อศึกษากับนักบวช แม้ว่าหยางชิงจะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
ในขณะที่คุณปู่หยางไป๋ไม่ได้สนใจเธอตั้งแต่หยางซือเหมยคลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงแล้ว เพราะคิดว่าเธอเป็นตัวขัดโชคลาภ และเขาไม่เคยคาดหวังอะไรจากเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าเธอจะเรียนหรือไม่ก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นอาหารเช้าของเธอยังได้รับการดูแลจากนักบวชที่อยู่บนภูเขา ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นการดีเพราะมันช่วยให้ทางครอบครัวประหยัดได้มากขึ้น
สำหรับคุณย่าและคุณแม่นั้นต่างก็คิดว่าเด็กน้อยดูมีความเฉียวฉลาดและมีไหวพริบ และยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นทุกวัน โดยพวกเธออ้างว่าเป็นเพราะได้รับการอบรมสั่งสอนจากนักบวชหยูชิง
และตอนนี้เมื่อหยางชิงและครอบครัวเห็นนักบวชเดินทางลงมาจากเขาพวกเขาก็รีบให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยการเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้านของพวกเขา
แม้แต่คุณปู่ที่มักจะไม่ค่อยสนใจคนอื่นเมื่อได้เห็นนักบวชหยูชิงก็เข้ามาทำความเคารพและสนทนาด้วยเช่นกัน
ส่วนนักบวชหยูชิงที่ไม่ใช่คนที่ชอบสนทนากับผู้อื่นมากนักหลังจากพูดคุยกับหยางไป๋ไม่กี่คำเขาก็เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาไปที่เรื่องของหลุมฝังศพทันที
ตามปกติแล้วชาวบ้านมีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยอย่างจริงใจโดยไม่ต้องสงสัย แต่ตอนที่บิดาของหยางไป๋ ผู้ซึ่งเป็นปู่ทวดของหยางซือเหมยเสียชีวิตนั้นเป็นช่วงที่ฝ่ายปกครองกำลังรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติวัฒนธรรม
เพื่อกำจัดความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องโชคลางที่ตกทอดกันมาหลายยุคหลายสมัยของ ทำให้ทุกครอบครัวต่างก็ไม่กล้าเชิญปรมาจารย์ฮวงจุ้ยมาคำนวณวันเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นงานศพหรือว่างานแต่งงาน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกประณามไปจนตาย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงทำได้เพียงเลือกสถานที่จากผืนดินที่ได้รับการแบ่งสันปันส่วนให้โดยไม่ได้ตั้งใจ โดยพยายามเลือกสถานที่ที่ดูโปร่งและสว่างที่สุดเพื่อฝังศพบิดาของเขา
ในปัจจุบันการได้ยินหยูชิงอธิบายว่าสถานที่นั้นเป็นตำแหน่งที่ไม่ดีอย่างยิ่งเพราะเป็นสถานที่ที่เป็นอันตรายสำหรับคนตาย ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจึงรีบเอ่ยถามอย่างลนลานว่าควรจะทำอย่างไรดี
“หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้ครอบครัวของคุณจะไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้สมาชิกในครอบครัวมีโรคภัยไข้เจ็บมากมายและอาจพบกับความโชคร้ายอย่างกะทันหันในอนาคต โดยทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับที่ฝังศพ ดังนั้นอาตมาจึงขอแนะนำให้คุณย้ายที่ฝังศพอย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้อาตมาได้เลือกสถานที่อันเป็นมงคลเอาไว้แล้ว ดังนั้นคุณสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสบายใจ”
“ขอบคุณนักบวช ขอบพระคุณมากครับ!”
หยางไป๋รู้สึกซาบซึ้งใจมากโดยไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรดี เพรานับตั้งแต่บิดาของเขาเสียชีวิตไปสุขภาพของคนในครอบครัวก็ไม่ค่อยดีนัก ถ้าไม่มีอาการป่วยไข้ก็จะมีอาการเจ็บปวดอยู่เสมอ
แม้แต่ในตอนที่รับลูกสะใภ้คนนี้มา เดิมทีเธอเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมาก แต่เมื่อแต่งงานเข้ามาก็กลับกลายเป็นคนขี้โรค มิหนำซ้ำที่แย่ที่สุดคือเธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายให้กับครอบครัวของเขาได้
ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าอาจเกี่ยวกับการฝังศพของบิดาตนเอง เพราะในตอนนั้นเขาเลือกสถานที่ฝังศพอย่างไม่ใส่ใจ
โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำแหน่งนั้นมันดีหรือว่าไม่ดีซึ่งท้ายที่สุดมันก็ทำให้สถานการณ์ของครอบครัวเลวร้ายลง และตอนนี้เมื่อนักบวชหยูชิงกล่าวถึงมันก็ยิ่งยืนยันความสงสัยที่มีอยู่ในใจมานานของเขา
หลังจากสนทนากับหยางไป๋และช่วยเขาตัดสินใจวันมงคลในการย้ายหลุมฝังศพแล้ว นักบวชหยูชิงก็พาหยางซือเหมยมาที่บริเวณหน้าบ้านของเธอและบอกให้เธอตรวจสอบฮวงจุ้ย
จากนั้นหยางซือเหมยได้จับจ้องไปที่หลังคาสักครู่และทันใดนั้นก็เห็นสภาพแวดล้อมของบ้านตนเองถูกปกคลุมไปด้วยอากาศที่มืดมิดและออร่า ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าช่างไม่มีความสดใสเอาเสียเลย โดยมันเป็นเหมือนกับมวลแห่งมรณะ
นี่…คือพลังหยินที่แข็งแกร่งมากเกินไป!
เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเด็กน้อยก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึง
เพราะในการศึกษาหลักฮวงจุ้ยของเธอนั้น แม้ว่าพลังหยินจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่อิทธิพลของพลังหยางนั้นมีความยิ่งใหญ่กว่ามาก เพราะมันส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ลมหายใจและสุขภาพของผู้คน
Comments