ท้าทายลิขิตสวรรค์ 17 ไม่ปล่อย
ตอนที่17 ไม่ปล่อย
หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่แล้วเธอก็กัดฟันแน่นพลางหันไปรอบ ๆ และตัดสินใจที่จะใช้ทักษะของตนเองช่วยชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ ซึ่งถ้าเขารอดได้ก็ถือเป็นโชคดีของเขาไป แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ นั่นก็คงจะเป็นชะตากรรมของเขา
จากนั้นเธอก็เริ่มปรับลมหายใจของตนเองขณะที่ยืนอยู่ด้านข้างเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาด้วยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาพนมมือและตั้งสมาธิให้จมดิ่งลงไปยังจุดที่ลึกสุดเพื่อเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณที่แท้จริงของตนเองพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย…
ต่อมาไม่นานบรรยากาศโดยรอบก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความอบอุ่นที่ยากจะบรรยาย และทันใดนั้นได้เกิดมวลของหมอกสีขาวที่ทรงอนุภาพหมุนวนอยู่ภายในร่างกายของเด็กน้อยราวกับวังน้ำวนและดูดกลืนหมอกสีดำทึบที่หนาแน่นอยู่บนศีรษะของเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง…
หลังจากดูดซับหมอกดำกลุ่มสุดท้ายที่ค่อนข้างอ่อนแรงลงในตอนนี้แล้ว พลังทางจิตวิญญาณหยางซือเหมยก็ถดถอยลงไปมากจนทำให้ร่างน้อย ๆ ของเธอทรุดตัวลงกับพื้นและหมดสติไปในที่สุด
***
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยน้อยลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองถูกโอบเอาไว้ด้วยแขนของใครบางคนในท่าทางที่ขดตัวนอนอยู่บนเตียงสีดำที่แสนจะนุ่มสบาย
นี่คือ…
ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ทำให้หยางซือเหมยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตื่นตระหนก และสิ่งที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้าเธอคือ ใบหน้าที่หล่อเหลาและบอบบางเหมือนหลุดมาจากนวนิยาย ด้วยคางอันเรียวเล็กและริมฝีปากบางสีแดงเชอร์รี่ซึ่งดูราวกับว่ากำลังยิ้มจาง ๆ พร้อมกับดวงตาทั้งสองข้างที่ปิดอยู่ด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายและลมหายใจที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
เขาหลับอยู่นี่นา…
แต่เมื่อเธอจะหันหน้าไปมองอีกครั้งกลับเห็นเพียงด้านหน้าของเสื้อคลุมเขาที่เปิดออกในขณะที่ร่างเล็กของเธอถูกเขารวบไปกอดเอาไว้แน่น โดยที่เธอสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงการเต้นเป็นจังหวะของหัวใจและเสียงลมหายใจเข้าออกในแต่ละครั้ง
ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวและแดงก่ำขึ้นด้วยความเขินอาย! ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้ร่างกายปัจจุบันเธอจะมีอายุเพียงแค่ห้าขวบ แต่จิตวิญญาณของเธอคือหญิงสาวอายุยี่สิบแปดปี
ในชีวิตก่อนหน้านี้เนื่องจากสถานการณ์ที่ยากลำบากของเธอที่แม้แต่อาหารและที่พักพิงก็ยากที่จะรับมือได้ ดั้งนั้นเรื่องของความรักจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอให้ความสนใจ แม้กระนั้นเธอก็เคยแอบชอบคนคนหนึ่งอยู่ในใจ แต่ไม่มีโอกาสที่จะบอกให้เขาได้รับรู้
โดยทุกครั้งสิ่งที่เธอทำได้ก็แค่เพียงแอบชำเลืองมองรูปร่างของชายคนนั้นขณะที่เขาเดินผ่านเธอไปอย่างเร่งรีบ และเธอก็ไม่กล้าแม้แต่จะหวังให้เขาหยุด
ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่เคยสัมผัสได้ใกล้ชิดกับเขาหรือมีความสัมพันธ์แบบชายกับหญิงเลยและสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือไม่เคยมีแม้แต่โอกาสที่จะได้จับมือกัน แต่ตอนนี้เธอกลับมานอนอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายโดยไม่ได้ตั้งใจแม้ว่าเขาจะมีอายุเพียงแค่ประมาณสิบห้าปีก็ตาม
เมื่อชายหนุ่มผู้นี้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของเด็กน้อย ขนตาหนายาวของเธอที่สวยงามก็สั่นไหวเบา ๆ เมื่อเห็นดวงตาเหยี่ยวคู่นั้นค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ซึ่งมันเผยให้เห็นนัยน์ตาของเขาซึ่งเป็นสีดำเหมือนน้ำหมึกและมีสีน้ำเงินเล็กน้อยที่กลิ้งไปมาราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าที่ทำให้เกิดเงาอันเยือกเย็นที่บ่งบอกว่าไม่แยแสใคร
และเมื่อเขาก้มศีรษะลงมาชายหนุ่มจึงเห็นดวงตาคู่ของหยางซือเหมยกำลังมองไปที่เขาด้วยความแตกต่างที่คมชัดของตากลมโตที่ใสเหมือนน้ำ ทำให้เงาที่เย็นยะเยือกจากส่วนลึกของดวงตาชายผู้นี้ค่อย ๆ ลดลงโดยที่พวกเขากำลังจ้องตากันด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและนุ่มนวล
แต่ในชั่วพริบตาหยางซือเหมยก็ดึงดูดสายตาคู่นั้นด้วยแววตาแห่งความประหลาดใจ
ทำให้เด็กหนุ่มรูปงามโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับดึงแขนที่เคยโอบรอบเธอให้เข้ามาใกล้มากขึ้น ส่งผลให้ตอนนี้ร่างกายอันอ่อนนุ่มและบอบบางของเด็กน้อยต้องแนบชิดกับเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสบายใจ
เมื่อหยางซือเหมยฟื้นขึ้นมาจากภวังค์ที่เกิดจากความรู้สึกชื่นชมในตัวเขา เธอก็รีบยื่นมือเล็ก ๆ ของเธอไปผลักร่างของชายผู้นี้และพยายามลุกขึ้นนั่ง
แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยและกอดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิมเสียอีก โดยใช้คางบังหัวของเธอไว้พร้อมกับหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับว่ากำลังสูดดมกลิ่นดอกไม้หอม ๆ ขณะที่ใบหน้าของเขาดูราวกับว่ากำลังหลงใหลบางอย่างอยู่
นี่…มันเกินไปแล้วล่ะมั้ง!
แม้แต่หูของหยางซือเหมยก็ยังร้อนผ่าวขณะที่เธอร้องออกมาอย่างจริงจัง
“คุณ! ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย!”
เด็กหนุ่มรูปหล่อพึมพำออกมาพร้อมกับใช้แขนของเขาเกี่ยวรอบตัวเธอให้แน่นยิ่งขึ้น และใช้ขายาว ๆ นั้นเกี่ยวร่างของเด็กน้อยเอาไว้ด้วย
ตอนนี้เธออายุแค่ห้าขวบดังนั้นมือน้อยกับขาเล็ก ๆ จึงไม่มีกำลังมากพอที่จะต้านทานแรงของเขาได้
แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องกอดเธอเอาไว้แน่นขนาดนี้ด้วย หรือว่าเขาจะเป็นเฒ่าหัวงู?
อย่างไรก็ตามในความคิดของเธอนั้น คนที่จะเป็นเฒ่าหัวงูมักเป็นผู้ชายแก่ที่ค่อนข้างน่าสมเพชและชอบทำตัวทุเรศต่อหน้าสาว ๆ แต่ในขณะที่เธอไม่สามารถตรวจจับอาการแบบเดียวกันนั้นกับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้เลย
โดยสิ่งที่เธอสัมผัสได้นั้นคือความงดงามและบอบบางอีกทั้งยังอบอุ่นเหมือนดอกไม้บานไม่ช่วงฤดูดอกไม้ผลิ
Comments