ท้าทายลิขิตสวรรค์ 46 ฝังเข็ม

Now you are reading ท้าทายลิขิตสวรรค์ Chapter 46 ฝังเข็ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 46 ฝังเข็ม

 

ตอนที่ 46 ฝังเข็ม

 

หลังเลิกเรียน หยางซื่อเหมยก็ก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือกับ อุปกรณ์การเรียนลงในกระเป๋า ขณะที่หวงอี้เฟิงกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า

 

“เธอ..เอ่อ…เราจะฝังเข็มกันตอนนี้เลยเหรอ?”

 

“อือ”

 

หยางซื่อเหมยพยักหน้า เนื่องจากเธอยังต้องการรักษาเขาให้หายโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นเธอจะต้องปิดจุดรับรู้กลิ่นของตนเองทุกวัน ซึ่งมันคงจะไม่ใช่เรื่องดีสําหรับเธออย่างแน่นอน

 

จากนั้นเมื่อหยางซื่อเหมยเห็นว่าเพื่อนนักเรียนเดินออกจากห้องไปหมดแล้ว เธอจึงส่งสัญญาณให้เขาถอดเสื้อออก 

 

และการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับเทพธิดาเช่นนี้เป็นเรื่องที่หนักใจมากสําหรับหวงอี้เฟิงทําให้เขาเริ่มลุกลี้ลุกลนด้วยความอายและไม่เต็มใจที่จะถอดมันออก

หยางซื่อเหมยจึงกล่าวด้วยความรู้สึกรําคาญว่า

 

“ถ้าเธอไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วฉันจะฝังเข็มได้ยังไง? เร็วเข้าเสียเวลาจริง ๆ เลย! ถ้าไม่รักษาฉันจะได้กลับบ้าน”

 

เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มอารมณ์เสีย หวงอี้เฟิงก็จําใจถอดเสื้อออกขณะที่กัดฟันแน่นด้วยความลําบากใจ

 

ทันใดนั้นกลิ่นกายของเขาที่เกิดจากความอับชื้นและความร้อนที่บริเวณใต้รักแร้ก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลและฟังกระจายออกไป ดังนั้นเธอจึงต้องใช้การฝังเข็มเพื่อคลายการอุดตันของรูขุมขน

และเพื่อให้การรักษาด้วยการฝังเข็มนี้บรรลุผลหยางซื่อเหมยก็สั่งเขาว่า

 

“ห้ามขยับเด็ดขาด”

 

ต่อมาเธอก็หยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเองจากนั้นเมื่อพบจุดสําคัญหลายตําแหน่งแล้วเธอก็เริ่มทําการรักษาด้วยการเคลื่อนไหวที่แสนจะว่องไว โดยทําเพียงแค่สอดเข็มเงินด้วยการบิดนิ้วเล็กน้อยเท่านั้น

 

จากนั้นยี่สิบนาทีต่อมาเธอก็ดึงเข็มเงินทั้งหมดออกและเก็บเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม พลางกล่าวกับหวงอี้เพิ่งว่า

 

“เรียบร้อยแล้ว!”

 

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวงอี้เฟิงเอ่ยถามด้วยอาการตก

 

หยางซื่อเหมยทําเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ

 

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงการกดชัตเตอร์กล้องดังขึ้น

 

*แชะ* โดยเสียงนี้ดังมาจากนอกบริเวณหน้าต่าง

 

ขณะที่หยางซื่อเหมยกับหวงอี้เฟิงไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เนื่องจากคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เสียงของคนที่ถ่ายภาพที่ทิวทัศน์ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเก็บข้าวเก็บของเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านใครบ้านมัน

 

ต่อมาเมื่อหวงอี้เฟิงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบเข้าไปในห้องน้ําและในขณะที่อาบน้ําเขาก็ยกแขนขึ้นเพื่อสูดดมรักแร้ของตนเองอย่างแรง โดยค้นพบว่าตอนนี้กลิ่นเหม็นที่รุนแรงที่เคยมีเริ่มเบาบางลงแล้ว

 

การฝังเข็มมันช่วยได้จริง ๆ เหรอ?

 

หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้วเขาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นและทํางานเพื่อให้เหงื่อออก จากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นเพื่อสูดดมอีกครั้งและพบว่าเต่าน้อยที่อยู่กับเขามานานแสนนานได้จากไปแล้ว

 

โอ้…ลาก่อน…ลาขาด…ไม่ต้องกลับมาแล้วนะ!

 

***

 

ส่วนหยางชื่อเหมยนั้นไม่ได้มุ่งหน้าตรงกลับบ้าน แต่เธอเดินตรงไปที่ถนนเหวินไหล

 

ตอนนี้เป็นปีพ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นปีที่มีแรงผลักดันเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่รุนแรงมากดังนั้นมาตรฐานการใช้ชีวิตของประชากรจึงเริ่มดีขึ้นและมีคนที่มีฐานะร่ํารวยเป็นจํานวนมาก

 

สําหรับตลาดการค้าขายวัตถุโบราณก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีแรงซื้อเพิ่มมากขึ้นก็ทําให้เกิดการรวมกลุ่มกันของกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายมากมายหลายกลุ่ม ส่งผลให้ธุรกิจด้านนี้เริ่มมีความตื่นตัว

 

และนับตั้งแต่ขายสมบัติอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นเมื่อตอนที่เธอมีอายุห้าขวบ เธอก็ไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกเลย เนื่องจากการถูกพลังดีดกลับจนทําให้เธอได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็นและกระดูกส่งผลให้เธอไม่สามารถลงมาจากเขาได้

 

แต่เธอยังคงจดจําข้อตกลงระหว่างตนเองกับซงซวนมาโดยตลอดว่าหากเธออายุได้หกขวบเธอจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องวัตถุโบราณจากเขา แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ทําตามสัญญานั้นและไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังจําเธอได้หรือไม่?

 

เนื่องจากมันผ่านมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เขาอาจลืมเธอไปแล้วก็เป็นได้!

 

ชาติที่แล้วเธอจําได้ว่าในปี พ.ศ. 2545 อาจารย์ซ่งซวนได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีและอ่อนโยน ขณะที่พวกเขามีบุตรชายตัวอ้วนซึ่งมีผมหางม้าที่แสนน่ารัก และมักจะวิ่งเล่นไปมาอยู่บนถนนเหวินไหลแห่งนี้ทุกวัน

 

แต่เธอไม่ได้เดินตรงไปยังศาลาโม่เพื่อตามหาอาจารย์ซึ่งซวน เนื่องจากเธอต้องการจะตรวจสอบสินค้าที่วางขายอยู่ตามข้างทางเพื่อตรวจดูว่าจะมีสมบัติล้ําค่าปะปนอยู่หรือ

 

อย่างไรก็ตามการที่บิดาของเธอได้ย้ายมาทํางานในเมืองทําให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก นอกจากนี้พวกเขายังใช้เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญเพื่อซื้อคอนโดมีเนียมสุดหรูบริเวณริมแม่

 

และต่อมามารดาของเธอก็ให้กําเนิดบุตรชายฝาแฝดจริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว ซึ่งค่านมผงกับผ้าอ้อมสําเร็จรูปก็ค่อนข้างแพงมากเช่นเดียวกัน ทําให้เงินหกแสนเหรียญที่เธอได้มาในตอนนั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดไปแล้ว

 

ดังนั้นเธอจึงต้องหาวิธีในการหาเงินอีกครั้ง และการหาซื้อสมบัติล้ําค่าก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุด เนื่องจากเธอสามารถมองเห็นพลังงานทางจิตวิญญาณของวัตถุโบราณ เป็นผลให้เธอสามารถตรวจสอบได้ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม 

 

จากนั้นเธอได้เดินสํารวจผ่านแผงขายของหลายสิบร้านแต่ก็พบว่าไม่มีวัตถุโบราณจากร้านใดเลยที่มีพลังทางจิตวิญญาณเปล่งประกายออกมา

 

ว้ามีแต่ของปลอมทั้งนั้นเลย!

 

แต่ในขณะที่เธอกําลังเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับบรรยากาศบนท้องถนน ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงลําแสงสีขาวที่เปล่งประกายออกมา จนทําให้ดวงตาของเธอเกิดอาการพร่ามัว

 

และในตอนนี้เธอก็ได้ค้นพบว่า ต้นกําเนิดของลําแสงสีขาวนั้นมาจากร้านค้าข้างถนนซึ่งปูเสื่อที่ค่อนข้างสกปรกของชายชราคนหนึ่ง

 

โดยสินค้าที่วางอยู่บนร้านของเขามีการชุบโคลนและจัดวางอย่างกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาด รวมไปถึงเหรียญโบราณสีดําที่แม้แต่ผู้ซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวัตถุโบราณก็ยังสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า เหรียญโบราณเหล่านั้นเป็นของปลอมเนื่องจากมันเป็นงานฝีมือที่ห่วยมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ท้าทายลิขิตสวรรค์ 46 ฝังเข็ม

Now you are reading ท้าทายลิขิตสวรรค์ Chapter 46 ฝังเข็ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 46 ฝังเข็ม

 

ตอนที่ 46 ฝังเข็ม

 

หลังเลิกเรียน หยางซื่อเหมยก็ก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือกับ อุปกรณ์การเรียนลงในกระเป๋า ขณะที่หวงอี้เฟิงกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า

 

“เธอ..เอ่อ…เราจะฝังเข็มกันตอนนี้เลยเหรอ?”

 

“อือ”

 

หยางซื่อเหมยพยักหน้า เนื่องจากเธอยังต้องการรักษาเขาให้หายโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นเธอจะต้องปิดจุดรับรู้กลิ่นของตนเองทุกวัน ซึ่งมันคงจะไม่ใช่เรื่องดีสําหรับเธออย่างแน่นอน

 

จากนั้นเมื่อหยางซื่อเหมยเห็นว่าเพื่อนนักเรียนเดินออกจากห้องไปหมดแล้ว เธอจึงส่งสัญญาณให้เขาถอดเสื้อออก 

 

และการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นหญิงที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับเทพธิดาเช่นนี้เป็นเรื่องที่หนักใจมากสําหรับหวงอี้เฟิงทําให้เขาเริ่มลุกลี้ลุกลนด้วยความอายและไม่เต็มใจที่จะถอดมันออก

หยางซื่อเหมยจึงกล่าวด้วยความรู้สึกรําคาญว่า

 

“ถ้าเธอไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วฉันจะฝังเข็มได้ยังไง? เร็วเข้าเสียเวลาจริง ๆ เลย! ถ้าไม่รักษาฉันจะได้กลับบ้าน”

 

เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มอารมณ์เสีย หวงอี้เฟิงก็จําใจถอดเสื้อออกขณะที่กัดฟันแน่นด้วยความลําบากใจ

 

ทันใดนั้นกลิ่นกายของเขาที่เกิดจากความอับชื้นและความร้อนที่บริเวณใต้รักแร้ก็ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลและฟังกระจายออกไป ดังนั้นเธอจึงต้องใช้การฝังเข็มเพื่อคลายการอุดตันของรูขุมขน

และเพื่อให้การรักษาด้วยการฝังเข็มนี้บรรลุผลหยางซื่อเหมยก็สั่งเขาว่า

 

“ห้ามขยับเด็ดขาด”

 

ต่อมาเธอก็หยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเองจากนั้นเมื่อพบจุดสําคัญหลายตําแหน่งแล้วเธอก็เริ่มทําการรักษาด้วยการเคลื่อนไหวที่แสนจะว่องไว โดยทําเพียงแค่สอดเข็มเงินด้วยการบิดนิ้วเล็กน้อยเท่านั้น

 

จากนั้นยี่สิบนาทีต่อมาเธอก็ดึงเข็มเงินทั้งหมดออกและเก็บเข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม พลางกล่าวกับหวงอี้เพิ่งว่า

 

“เรียบร้อยแล้ว!”

 

“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?” หวงอี้เฟิงเอ่ยถามด้วยอาการตก

 

หยางซื่อเหมยทําเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ

 

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงการกดชัตเตอร์กล้องดังขึ้น

 

*แชะ* โดยเสียงนี้ดังมาจากนอกบริเวณหน้าต่าง

 

ขณะที่หยางซื่อเหมยกับหวงอี้เฟิงไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เนื่องจากคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เสียงของคนที่ถ่ายภาพที่ทิวทัศน์ ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเก็บข้าวเก็บของเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านใครบ้านมัน

 

ต่อมาเมื่อหวงอี้เฟิงกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบเข้าไปในห้องน้ําและในขณะที่อาบน้ําเขาก็ยกแขนขึ้นเพื่อสูดดมรักแร้ของตนเองอย่างแรง โดยค้นพบว่าตอนนี้กลิ่นเหม็นที่รุนแรงที่เคยมีเริ่มเบาบางลงแล้ว

 

การฝังเข็มมันช่วยได้จริง ๆ เหรอ?

 

หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้วเขาก็เริ่มกระโดดโลดเต้นและทํางานเพื่อให้เหงื่อออก จากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นเพื่อสูดดมอีกครั้งและพบว่าเต่าน้อยที่อยู่กับเขามานานแสนนานได้จากไปแล้ว

 

โอ้…ลาก่อน…ลาขาด…ไม่ต้องกลับมาแล้วนะ!

 

***

 

ส่วนหยางชื่อเหมยนั้นไม่ได้มุ่งหน้าตรงกลับบ้าน แต่เธอเดินตรงไปที่ถนนเหวินไหล

 

ตอนนี้เป็นปีพ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นปีที่มีแรงผลักดันเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่รุนแรงมากดังนั้นมาตรฐานการใช้ชีวิตของประชากรจึงเริ่มดีขึ้นและมีคนที่มีฐานะร่ํารวยเป็นจํานวนมาก

 

สําหรับตลาดการค้าขายวัตถุโบราณก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีแรงซื้อเพิ่มมากขึ้นก็ทําให้เกิดการรวมกลุ่มกันของกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายมากมายหลายกลุ่ม ส่งผลให้ธุรกิจด้านนี้เริ่มมีความตื่นตัว

 

และนับตั้งแต่ขายสมบัติอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นเมื่อตอนที่เธอมีอายุห้าขวบ เธอก็ไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีกเลย เนื่องจากการถูกพลังดีดกลับจนทําให้เธอได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็นและกระดูกส่งผลให้เธอไม่สามารถลงมาจากเขาได้

 

แต่เธอยังคงจดจําข้อตกลงระหว่างตนเองกับซงซวนมาโดยตลอดว่าหากเธออายุได้หกขวบเธอจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องวัตถุโบราณจากเขา แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้ทําตามสัญญานั้นและไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังจําเธอได้หรือไม่?

 

เนื่องจากมันผ่านมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เขาอาจลืมเธอไปแล้วก็เป็นได้!

 

ชาติที่แล้วเธอจําได้ว่าในปี พ.ศ. 2545 อาจารย์ซ่งซวนได้แต่งงานกับภรรยาที่ดีและอ่อนโยน ขณะที่พวกเขามีบุตรชายตัวอ้วนซึ่งมีผมหางม้าที่แสนน่ารัก และมักจะวิ่งเล่นไปมาอยู่บนถนนเหวินไหลแห่งนี้ทุกวัน

 

แต่เธอไม่ได้เดินตรงไปยังศาลาโม่เพื่อตามหาอาจารย์ซึ่งซวน เนื่องจากเธอต้องการจะตรวจสอบสินค้าที่วางขายอยู่ตามข้างทางเพื่อตรวจดูว่าจะมีสมบัติล้ําค่าปะปนอยู่หรือ

 

อย่างไรก็ตามการที่บิดาของเธอได้ย้ายมาทํางานในเมืองทําให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก นอกจากนี้พวกเขายังใช้เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญเพื่อซื้อคอนโดมีเนียมสุดหรูบริเวณริมแม่

 

และต่อมามารดาของเธอก็ให้กําเนิดบุตรชายฝาแฝดจริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว ซึ่งค่านมผงกับผ้าอ้อมสําเร็จรูปก็ค่อนข้างแพงมากเช่นเดียวกัน ทําให้เงินหกแสนเหรียญที่เธอได้มาในตอนนั้นร่อยหรอจนแทบจะหมดไปแล้ว

 

ดังนั้นเธอจึงต้องหาวิธีในการหาเงินอีกครั้ง และการหาซื้อสมบัติล้ําค่าก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุด เนื่องจากเธอสามารถมองเห็นพลังงานทางจิตวิญญาณของวัตถุโบราณ เป็นผลให้เธอสามารถตรวจสอบได้ว่าวัตถุชิ้นนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม 

 

จากนั้นเธอได้เดินสํารวจผ่านแผงขายของหลายสิบร้านแต่ก็พบว่าไม่มีวัตถุโบราณจากร้านใดเลยที่มีพลังทางจิตวิญญาณเปล่งประกายออกมา

 

ว้ามีแต่ของปลอมทั้งนั้นเลย!

 

แต่ในขณะที่เธอกําลังเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับบรรยากาศบนท้องถนน ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงลําแสงสีขาวที่เปล่งประกายออกมา จนทําให้ดวงตาของเธอเกิดอาการพร่ามัว

 

และในตอนนี้เธอก็ได้ค้นพบว่า ต้นกําเนิดของลําแสงสีขาวนั้นมาจากร้านค้าข้างถนนซึ่งปูเสื่อที่ค่อนข้างสกปรกของชายชราคนหนึ่ง

 

โดยสินค้าที่วางอยู่บนร้านของเขามีการชุบโคลนและจัดวางอย่างกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาด รวมไปถึงเหรียญโบราณสีดําที่แม้แต่ผู้ซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวัตถุโบราณก็ยังสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า เหรียญโบราณเหล่านั้นเป็นของปลอมเนื่องจากมันเป็นงานฝีมือที่ห่วยมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+