ท้าทายลิขิตสวรรค์ 47 หาสมบัติ
ทําทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 47 หาสมบัติ
ตอนที่ 47 หาสมบัติ
เมื่อเห็นลําแสงที่เปล่งประกายออกมา หยางซือเหมยก็นั่งยอง ๆ ลงที่หน้าร้านของชายชราคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
และเมื่อชายชราเห็นว่าเธอเกิดความรู้สึกสนใจสินค้าของเขาทันใดนั้นตัวตนที่ง่วงเหงาหาวนอนก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นทันที และเขาเริ่มโอ้อวดสรรพคุณเกี่ยวกับสินค้าที่วางขายอยู่บนเสื่อผืนเก่า
โดยเฉพาะเหรียญโบราณเหล่านั้น โดยกล่าวว่าพวกมันตกทอดมาจากยุคประวัติศาสตร์ รวมถึงอธิบายถึงที่มาที่ไปของสินค้าชนิดอื่น ๆ ด้วย
จากนั้นเขาได้หยิบเหรียญสีเข้มที่มีตัวอักษรเขียนว่า “ต้าฉีตงเป่า” ออกมาอย่างตั้งใจและยื่นให้หยางซือเหมยพลางกล่าว
“คุณหนูครับ! คุณรู้จักเหรียญนี้หรือเปล่า? เหรียญทองแดงของแคว้นต้าฉี เป็นเหรียญโบราณที่มีมูลค่ามากที่สุดชนิดหนึ่งในตลาดเลยเชียวนะ เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นในยุคห้าราชวงศ์โดยอาณาจักรถังทางใต้
อีกทั้งในปัจจุบันนี้ยังมีเพียงแค่สองเหรียญในโลกเท่านั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ และนี่คืออันที่สามที่มีคนสามารถขุดมันขึ้นมาได้
ลุงแค่ต้องการขายให้กับผู้ที่ผู้ที่มีชะตาต้องกับมันเท่านั้นและคุณหนูคือลูกค้าคนแรกที่ได้เห็นมัน ดังนั้นผมจะยอมขาดทุนเล็กน้อย คิดเพียงแค่สามหมื่นเหรียญก็แล้วกัน”
เหรียญทองแดงต้าฉีถูกสร้างขึ้นในยุคห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักรโดยอาณาจักรถังทางใต้ ซึ่งเป็นเหรียญรูปแบบวงกลมและเจาะรูตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
ซึ่งเหรียญชนิดนี้เริ่มทําขึ้นในสมัยราชวงศ์เหลียงของยุคหนาน-เป่ยเฉา และด้วยความที่แม่พิมพ์เป็นหิน จึงสามารถทําเหรียญออกมาได้บางเพียง 0.25-0.3 ซม.เท่านั้น โดยมีชื่อเรียกว่า “ เหรียญบ้านเหลียง”
และเหรียญรูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็กซึ่งสามารถพกพาได้อย่างสะดวก จากนั้นก็ได้ใช้ต่อกันมาอีกหลายพันปี
โดยมีการพัฒนาเทคนิคการผลิตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงขีดสุด ซึ่งสิ่งนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้น ๆ ด้วย
และเหรียญชนิดนี้นับเป็นหนึ่งในห้าสิบเหรียญโบราณที่ล้ำค่าที่สุดของจีน
หยางซือเหมยมองไปยังเหรียญกษาปณ์ปลอมที่ดูหมองคล้ำซึ่งไม่มีแสงแห่งออร่าอะไรเลยด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอกล่าวว่า
“คุณลุงคะ หนูเป็นคนไม่ชอบเอาเปรียบใคร ดังนั้นของมีค่าแบบนี้คุณควรขายให้กับคนอื่นจะดีกว่า นอกจากนี้หนูเป็นแค่เด็กนักเรียนจึงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น”
“แล้วคุณหนูมีเงินเท่าไหร่ครับ?” ชายชราเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ทั้งเนื้อทั้งตัวหนูมีเพียงแค่สามสิบเหรียญเท่านั้นค่ะ” หยางซือเหมยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นลุงก็จะขายให้กับหนูในราคาสามสิบเหรียญได้เพราะลุงรู้สึกถูกชะตากับหนู เนื่องจากเห็นว่าหนูเป็นคนน่ารัก” ชายชรากล่าวด้วยท่าทางที่แสนจะจริงใจ
หยางซือเหมยส่ายหัวทันทีพร้อมกับกล่าวว่า
“ไม่เอาดีกว่า เพราะหนูไม่ค่อยชอบลักษณะของเหรียญนี้สักเท่าไหร่ คุณลุงเก็บเอาไว้ขายให้กับคนอื่นเถอะค่ะ หนูจะลองเลือกเหรียญอื่นดู”
เมื่อกล่าวจบแล้วมือของเธอก็เอื้อมไปหยิบสิ่งที่เธอเห็นว่ามันส่องแสงเปล่งประกายสีขาวออกมา ซึ่งมีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ โดยมันมีลักษณะยาวเหมือนมีดที่คนโบราณใช้ และตรงส่วนปลายเป็นทรงกลมรูปเหรียญกับมีลําตัวเหมือนมีด
อย่างไรก็ตามเหรียญนี้สกปรกมาก เนื่องจากส่วนที่เป็นวงกลมมีรอยหมึกสีเข้มปรากฏอยู่ด้านบนเหรียญราวกับว่าต้องการจะปกปิดอะไรบางอย่าง
” อันนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
ชายชราหันมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางชื่นชอบมัน เขาจึงต่องการโก่งราคาขึ้น แต่เขาจําได้ว่าเมื่อครู่เธอได้กล่าวว่ามีเงินเพียงแค่สามสิบเหรียญ ดังนั้นเขากลัวว่าจะทําให้เธอตกใจจึงรีบกล่าวว่า
“ลุงจะยอมขายขาดทุนให้คุณหนูในราคาสามสิบเหรียญก็แล้วกัน”
หยางซือเหมยขี้เกียจที่จะต่อรองจึงรีบล้วงเงินสามสิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเงินของตนเอง ต่อมา หลังจากมอบให้เขาแล้วเธอก็เก็บหรียญมีดนั้นไว้
เมื่อเห็นร่างของเธอห่างออกไปชายชราก็โกยเงินอย่างมีความสุข
“ฮ่าฮ่า! วันนี้โชคดีจัง! ได้เจอคนโง่แต่หัววันเลย”
หยางซือเหมยห่อเหรียญมีดนั้นเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง และแม้จะได้เห็นพลังงานทางจิตวิญญาณของมัน แต่เธอก็ไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของมัน
ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะต้องไปพบซ่งซวนเพื่อประเมินราคามัน
แต่เธอยังไม่รีบร้อนไปยังสถานที่ของซ่งซวน เนื่องจากเมื่อผลการประเมินออกมาข่าวการพบสมบัติล้ำค่าของเธอก็จะแพร่กระจายออกไปทั่วถนนเหวินไหล
ซึ่งจะทําให้เธอหาซื้อวัตถุโบราณชิ้นต่อไปได้ยาก ดังนั้นเธอจึงต้องการเดินดูแผงขายของอื่น ๆ ก่อน
ต่อมานอกจากเหรียญมีดแล้วเธอยังพบสิ่งของอื่น ๆ อีกสี่รายการที่ทําให้มีพลังงานทางด้านจิตวิญญาณเปล่งประกายออกมา
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นประกอบด้วย จานกระเบื้องเคลือบลวดลายปลาคู่ กับหยกหลายชิ้น และภาพวาดรูปดอกไม้หลากหลายชนิด อีกทั้งยังมีรูปปั้นที่ทําจากทองแดงขนาดเล็กซึ่งรวมแล้วเธอใช้จ่ายเงินไปทั้งสิ้นสามร้อยเหรียญ
จากนั้นเธอได้เก็บสิ่งของเหล่านั้นลงในกระเป๋าของตนเองอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ซ่งซวนประเมินราคาพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียว ซึ่งมันอาจจะทําให้เขาเกิดความสงสัย
โดยเธอมีความมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน และเมื่อใดก็ตามที่ครอบครัวของเธอต้องการเงินอย่างเร่งด่วนก็สามารถนําพวกมันออกมาขายได้
แต่สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้คือมูลค่าของเหรียญมีดนี้ เนื่องจากแสงที่เปล่งประกายออกมานั้นเป็นสีขาวซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นมงคลอย่างแท้จริง
และเมื่อเดินมาถึงจุดหมายก็พบว่า หน้าร้านขายวัตถุโบราณที่ชื่อ ศาลาโม่นั้นยังคงมีคนมายืนรอประเมินราคากันอย่างล้นหลามเช่นเดิม
ขณะที่หยางซือเหมยเงยหน้าขึ้นและเห็นเพียงแค่อาจารย์ซ่งซวนที่สวมชุดสีเขียวกําลังก้มหน้าลงพร้อมกับถือแว่นขยายเพื่อตรวจสอบชามหยกขาวในมือด้วยสีหน้าจริงจัง
ทําให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ใบหน้าของเขาจะดูซูบผอมลง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียการความอ่อนโยนไปเลย ขณะที่ผมของเขาเริ่มมีสีขาวปะปนเล็กน้อย
Comments
ท้าทายลิขิตสวรรค์ 47 หาสมบัติ
ทําทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 47 หาสมบัติ
ตอนที่ 47 หาสมบัติ
เมื่อเห็นลําแสงที่เปล่งประกายออกมา หยางซือเหมยก็นั่งยอง ๆ ลงที่หน้าร้านของชายชราคนนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
และเมื่อชายชราเห็นว่าเธอเกิดความรู้สึกสนใจสินค้าของเขาทันใดนั้นตัวตนที่ง่วงเหงาหาวนอนก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นทันที และเขาเริ่มโอ้อวดสรรพคุณเกี่ยวกับสินค้าที่วางขายอยู่บนเสื่อผืนเก่า
โดยเฉพาะเหรียญโบราณเหล่านั้น โดยกล่าวว่าพวกมันตกทอดมาจากยุคประวัติศาสตร์ รวมถึงอธิบายถึงที่มาที่ไปของสินค้าชนิดอื่น ๆ ด้วย
จากนั้นเขาได้หยิบเหรียญสีเข้มที่มีตัวอักษรเขียนว่า “ต้าฉีตงเป่า” ออกมาอย่างตั้งใจและยื่นให้หยางซือเหมยพลางกล่าว
“คุณหนูครับ! คุณรู้จักเหรียญนี้หรือเปล่า? เหรียญทองแดงของแคว้นต้าฉี เป็นเหรียญโบราณที่มีมูลค่ามากที่สุดชนิดหนึ่งในตลาดเลยเชียวนะ เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นในยุคห้าราชวงศ์โดยอาณาจักรถังทางใต้
อีกทั้งในปัจจุบันนี้ยังมีเพียงแค่สองเหรียญในโลกเท่านั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ และนี่คืออันที่สามที่มีคนสามารถขุดมันขึ้นมาได้
ลุงแค่ต้องการขายให้กับผู้ที่ผู้ที่มีชะตาต้องกับมันเท่านั้นและคุณหนูคือลูกค้าคนแรกที่ได้เห็นมัน ดังนั้นผมจะยอมขาดทุนเล็กน้อย คิดเพียงแค่สามหมื่นเหรียญก็แล้วกัน”
เหรียญทองแดงต้าฉีถูกสร้างขึ้นในยุคห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักรโดยอาณาจักรถังทางใต้ ซึ่งเป็นเหรียญรูปแบบวงกลมและเจาะรูตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
ซึ่งเหรียญชนิดนี้เริ่มทําขึ้นในสมัยราชวงศ์เหลียงของยุคหนาน-เป่ยเฉา และด้วยความที่แม่พิมพ์เป็นหิน จึงสามารถทําเหรียญออกมาได้บางเพียง 0.25-0.3 ซม.เท่านั้น โดยมีชื่อเรียกว่า “ เหรียญบ้านเหลียง”
และเหรียญรูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็กซึ่งสามารถพกพาได้อย่างสะดวก จากนั้นก็ได้ใช้ต่อกันมาอีกหลายพันปี
โดยมีการพัฒนาเทคนิคการผลิตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงขีดสุด ซึ่งสิ่งนี้นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยังสะท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคนั้น ๆ ด้วย
และเหรียญชนิดนี้นับเป็นหนึ่งในห้าสิบเหรียญโบราณที่ล้ำค่าที่สุดของจีน
หยางซือเหมยมองไปยังเหรียญกษาปณ์ปลอมที่ดูหมองคล้ำซึ่งไม่มีแสงแห่งออร่าอะไรเลยด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอกล่าวว่า
“คุณลุงคะ หนูเป็นคนไม่ชอบเอาเปรียบใคร ดังนั้นของมีค่าแบบนี้คุณควรขายให้กับคนอื่นจะดีกว่า นอกจากนี้หนูเป็นแค่เด็กนักเรียนจึงไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น”
“แล้วคุณหนูมีเงินเท่าไหร่ครับ?” ชายชราเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ทั้งเนื้อทั้งตัวหนูมีเพียงแค่สามสิบเหรียญเท่านั้นค่ะ” หยางซือเหมยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นลุงก็จะขายให้กับหนูในราคาสามสิบเหรียญได้เพราะลุงรู้สึกถูกชะตากับหนู เนื่องจากเห็นว่าหนูเป็นคนน่ารัก” ชายชรากล่าวด้วยท่าทางที่แสนจะจริงใจ
หยางซือเหมยส่ายหัวทันทีพร้อมกับกล่าวว่า
“ไม่เอาดีกว่า เพราะหนูไม่ค่อยชอบลักษณะของเหรียญนี้สักเท่าไหร่ คุณลุงเก็บเอาไว้ขายให้กับคนอื่นเถอะค่ะ หนูจะลองเลือกเหรียญอื่นดู”
เมื่อกล่าวจบแล้วมือของเธอก็เอื้อมไปหยิบสิ่งที่เธอเห็นว่ามันส่องแสงเปล่งประกายสีขาวออกมา ซึ่งมีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ โดยมันมีลักษณะยาวเหมือนมีดที่คนโบราณใช้ และตรงส่วนปลายเป็นทรงกลมรูปเหรียญกับมีลําตัวเหมือนมีด
อย่างไรก็ตามเหรียญนี้สกปรกมาก เนื่องจากส่วนที่เป็นวงกลมมีรอยหมึกสีเข้มปรากฏอยู่ด้านบนเหรียญราวกับว่าต้องการจะปกปิดอะไรบางอย่าง
” อันนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
ชายชราหันมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และเมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทางชื่นชอบมัน เขาจึงต่องการโก่งราคาขึ้น แต่เขาจําได้ว่าเมื่อครู่เธอได้กล่าวว่ามีเงินเพียงแค่สามสิบเหรียญ ดังนั้นเขากลัวว่าจะทําให้เธอตกใจจึงรีบกล่าวว่า
“ลุงจะยอมขายขาดทุนให้คุณหนูในราคาสามสิบเหรียญก็แล้วกัน”
หยางซือเหมยขี้เกียจที่จะต่อรองจึงรีบล้วงเงินสามสิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าเงินของตนเอง ต่อมา หลังจากมอบให้เขาแล้วเธอก็เก็บหรียญมีดนั้นไว้
เมื่อเห็นร่างของเธอห่างออกไปชายชราก็โกยเงินอย่างมีความสุข
“ฮ่าฮ่า! วันนี้โชคดีจัง! ได้เจอคนโง่แต่หัววันเลย”
หยางซือเหมยห่อเหรียญมีดนั้นเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง และแม้จะได้เห็นพลังงานทางจิตวิญญาณของมัน แต่เธอก็ไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของมัน
ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะต้องไปพบซ่งซวนเพื่อประเมินราคามัน
แต่เธอยังไม่รีบร้อนไปยังสถานที่ของซ่งซวน เนื่องจากเมื่อผลการประเมินออกมาข่าวการพบสมบัติล้ำค่าของเธอก็จะแพร่กระจายออกไปทั่วถนนเหวินไหล
ซึ่งจะทําให้เธอหาซื้อวัตถุโบราณชิ้นต่อไปได้ยาก ดังนั้นเธอจึงต้องการเดินดูแผงขายของอื่น ๆ ก่อน
ต่อมานอกจากเหรียญมีดแล้วเธอยังพบสิ่งของอื่น ๆ อีกสี่รายการที่ทําให้มีพลังงานทางด้านจิตวิญญาณเปล่งประกายออกมา
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นประกอบด้วย จานกระเบื้องเคลือบลวดลายปลาคู่ กับหยกหลายชิ้น และภาพวาดรูปดอกไม้หลากหลายชนิด อีกทั้งยังมีรูปปั้นที่ทําจากทองแดงขนาดเล็กซึ่งรวมแล้วเธอใช้จ่ายเงินไปทั้งสิ้นสามร้อยเหรียญ
จากนั้นเธอได้เก็บสิ่งของเหล่านั้นลงในกระเป๋าของตนเองอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ซ่งซวนประเมินราคาพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียว ซึ่งมันอาจจะทําให้เขาเกิดความสงสัย
โดยเธอมีความมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน และเมื่อใดก็ตามที่ครอบครัวของเธอต้องการเงินอย่างเร่งด่วนก็สามารถนําพวกมันออกมาขายได้
แต่สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดในตอนนี้คือมูลค่าของเหรียญมีดนี้ เนื่องจากแสงที่เปล่งประกายออกมานั้นเป็นสีขาวซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นมงคลอย่างแท้จริง
และเมื่อเดินมาถึงจุดหมายก็พบว่า หน้าร้านขายวัตถุโบราณที่ชื่อ ศาลาโม่นั้นยังคงมีคนมายืนรอประเมินราคากันอย่างล้นหลามเช่นเดิม
ขณะที่หยางซือเหมยเงยหน้าขึ้นและเห็นเพียงแค่อาจารย์ซ่งซวนที่สวมชุดสีเขียวกําลังก้มหน้าลงพร้อมกับถือแว่นขยายเพื่อตรวจสอบชามหยกขาวในมือด้วยสีหน้าจริงจัง
ทําให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ใบหน้าของเขาจะดูซูบผอมลง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียการความอ่อนโยนไปเลย ขณะที่ผมของเขาเริ่มมีสีขาวปะปนเล็กน้อย
Comments