ท้าทายลิขิตสวรรค์ 6 ไม่มีลูกชาย
ตอนที่ 6 ไม่มีลูกชาย
จากความทรงจำของเด็กหญิงตัวน้อย เหลียงหลูฮัวคนนี้เป็นคนที่ปากร้ายและนิสัยเสีย เป็นเพราะสามีเป็นผู้ใหญ่บ้าน เธอจึงมักจะวางอำนาจ โดยไม่รู้ว่ามีกี่ครอบครัวที่ถูกรังแกเช่นเดียวกับครอบครัวของซือเหมย โดยเฉพาะมารดาของตนเองที่มักจะเสียใจจนต้องร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานอยู่บ่อยครั้ง
ดังนั้นเมื่อได้เห็นผู้หญิงคนนี้ความเกลียดชังที่แฝงอยู่ในแววตาของเด็กน้อยก็ปรากฎขึ้นในทันที แต่ทันใดนั้นเองเด็กหญิงตัวน้อยก็เห็นตัวอักษรปรากฏขึ้นบริเวณเหนือศีรษะของเหลียงหลูฮัวผู้นี้:
‘เหลียงหลูฮัว; เกิดวันที่ 24 มกราคม,1964 7:00; บ้าอำนาจ; ปากร้าย; มองโลกในแง่ร้าย; สามีคือหยางต้าหมิง; มีลูกชายหนึ่งคนชื่อ ‘หยางซวง’…’
ซือเหมยรู้สึกตกใจมาก และต้องการมองดูให้ชัดเจนมากขึ้นว่า มันเป็นภาพหลอนหรือว่าตัวเองตาฝาดไป?
แต่ทันใดนั้นเธอกลับมีอาการหัวเวียนศีรษะอย่างกะทันหัน แต่หลังจากส่ายหัวเล็กน้อยอาการเหล่านั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?…บ้าไปแล้ว
จากนั้นเธอจึงลองจ้องมองไปยังเจ้าเด็กอ้วนที่ชื่อ หยางซวงและเห็นว่ามีตัวอักษรปรากฏขึ้นแถวหนึ่งบริเวณเหนือศีรษะของเขาด้วยเช่นกัน
‘:หยางซวง; เกิดวันที่ 5 เมษายน ,1987 5:00; บิดาคือหยางต้าหมิง; มารดาคือเหลียงหลูหัว; ไม่มีพี่น้อง…’
ตัวอักษรเหล่านั้นปรากฏขึ้นได้อย่างไร?
เด็กหญิงตัวน้อยหันหน้ากลับไปเพื่อมองหาบิดาของตนเองที่ชื่อ ‘หยางชิง’ แต่ทว่าไม่เห็นตัวอักษรใด ๆ ปรากฏขึ้นเลย
จากนั้นเธอจึงหันไปมองน้องสาวคนเล็กของตนเองที่ชื่อ ‘หยางซือซี’ ที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในตะกร้า ขณะที่ไม่เห็นสิ่งใดปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน
แล้วทำไมในตอนที่มองไปย้งเหลียงหลูฮัวและบุตรชายจะมีตัวหนังสือปรากฏขึ้นให้เห็น?
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอต้องการมองดูอีกครั้งกลางหน้าผากของเธอก็เริ่มเจ็บ เธอรู้สึกเวียนหัวทันทีป้องกันไม่ให้มองไปมากกว่านี้
***
จากนั้นหยางซือเหมยจึงต้องการที่จะทดสอบว่า ถ้าจ้องมองไปยังผู้อื่นจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอก็ได้ยินเสียงของเหลียงหลูฮัวกล่าวพร้อมกับดึงร่างของหยางซวงมานั่งอยู่ตรงหน้าหยางชิง
“อาจารย์หยาง วันนี้ลูกชายตัวน้อยของฉันถูกรังแกที่โรงเรียน คุณไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเขา แต่กลับดุด่าเขาด้วย ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
หยางชิงผงะเล็กน้อยขณะที่ขยับแว่นหนาเตอะให้เข้าที่และกล่าวว่า
“หยางซวงเป็นคนตีเพื่อนร่วมชั้นของเขา เขาเป็นคนที่รังแกคนอื่น ไม่ใช่คนอื่นรังแกเขา”
“ไอ้หยา! อาจารย์หยาง!ฉันรู้ว่า เพราะเขาเป็นหลานชายของคุณ ดังนั้นคุณจึงมีอคติ ปกติหยางซวงของฉันเป็นเด็กดีมาก แล้วเขาจะไปตีคนอื่นได้ยังไง?”
เหลียงหลูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชื่นชม แต่ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนชี้นิ้วอันอวบอ้วนของเธอไปที่หยางชิง พร้อมกับตะโกนขณะที่พ่นน้ำลายออกมาว่า
“ตาหยางถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของหยางซวง คุณคิดว่าตัวเองจะได้มาสอนในโรงเรียนประถมของหมู่บ้านเหรอ?
ไม่ตอบแทนบุญคุณแล้วยังกล้ามารังแกลูกชายของชั้นอีกเหรอ?!”
ใบหน้าของหยางชิงแดงฉานด้วยความอับอาย ขณะที่เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด ขณะที่ทำได้เพียงแค่อธิบายอย่างเกรี้ยวกราดว่า
“เป็นหยางซวงที่ไปตีคนก่อน!”
“แม้ว่าหยางซวงของฉันจะเริ่มก่อน แต่เป็นหยางฮุ่ยที่ยั่วโมโหเขา คุณต้องทำโทษหยางฮุ่ยต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนและขอโทษหยางซวงของฉันด้วย!
และคุณต้องกล่าวคำขอโทษต่อหน้าคุณครูและนักเรียนคนอื่น ๆ โดยบอกว่า ทุกอย่างเป็นเพราะว่าคุณลำเอียง!”
เหลียงหลูฮัวกล่าวอย่างเย็นชาอีกว่า
“มิฉะนั้นตระกูลหยางของคุณจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้อย่างยากลำบากแน่!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้หญิงคนนี้ หยางซือเหมยที่ยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ
เธอจำได้ว่าในชาติที่แล้วก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันนี้เช่นกัน และมันทำให้บิดาของเธอนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความกลุ้มใจ โดยเอาแต่ถอนหายใจ ทำให้มารดาต้องปลอบประโลมเขาเป็นเวลานาน
วันรุ่งขึ้นเมื่อบิดาของเธอไปโรงเรียนโดยเขาทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นสั่งจริง ๆ ทำให้หยางซวงที่อยู่ในวัยเด็กต้องการที่จะอวดเบ่งมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะตีนักเรียนคนอื่น ๆ เท่านั้นแต่เขามักจะขว้างก้อนหินใส่หยางชิด้วย
อย่างไรก็ตามบิดาของเธอก็ทำได้แค่เพียงอดทนต่อไป…
ร่างกายของหยางชิไม่ค่อยแข็งแรงนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถทำกิจกรรมที่หนักหน่วงได้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคุณครูสอนชั่วคราวของโรงเรียนประถมในหมู่บ้าน แต่เขาก็ได้รับค่าตอบแทนเพียงแค่เดือนละสิบเหรียญเท่านั้น ซึ่งมันแทบจะไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวด้วยซ้ำ
แต่ถ้าต้องลาออกจากงานนี้เขาก็ไม่รู้จะไปทำอาชีพอะไร ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ระงับความคับแค้นใจและพยายามอดทนต่อการถูกกลั่นแกล้งครั้งนี้
ในเวลานั้นหยางซือเหมยยังเด็ก และไม่สามารถเข้าใจได้ถึงความเจ็บปวดและความเสียใจของบิดาตนเอง
แต่ตอนนี้เธอมีความคิดของผู้หญิงที่มีอายุยี่สิบแปดปี และสามารถเข้าใจได้ทุกอย่างแล้ว มันจึงทำให้เธอรู้สึกโกรธมาก
และเมื่อได้เห็นท่าทางที่เศร้าโศกของบิดาจึงทำให้รู้สึกราวกับว่ามีมีดที่แหลมคมพุ่งเข้ามาแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเธอ
ซือเหมยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้นและสาบานว่า จะปกป้องครอบครัวของตนเอง เธอจะไม่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายพวกเขาอีกต่อไปแล้ว!
เหลียงหลูฮัวแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยชัยชนะพร้อมกับใช้มือจับที่ไหล่ของหยางซวงและเดินจากไป
ขณะที่หยางชิงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสายตาที่หดหู่และจ้องมองไปยังท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
จากนั้นหยางซือเหมยจึงเดินเข้าไปหาและปีนขึ้นไปนั่งบนตักของบิดาพร้อมกับโอบแขนเอาไว้รอบคอเขาและกระพริบตาสีเข้มของเธออย่างจริงจังขณะที่กล่าวว่า
“พ่อไม่ต้องเสียใจนะคะ ต่อไปนี้หนูจะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกพ่ออีกแน่นอน!”
หยางชิงยิ้มอย่างเศร้าใจขณะที่เอาแต่กล่าวว่า เธอยังเป็นเด็กและยังไม่เข้าใจ
ตอนนั้นคุณปู่หยางไป๋เดินออกมาจากบ้านพอดี และจ้องมอง มาที่เธอพร้อมกับถอนหายใจอย่างเย็นชาและกล่าวว่า
“ทุกอย่างเป็นเพราะแม่ของเธอที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ พวกเราจึงถูกคนอื่นรังแกเช่นนี้
หากแม่ของเธอยังไม่สามารถทำตามความคาดหวังโดย การให้กำเนิดลูกชายในภายหลังเราก็จะไม่มีที่ยืน
เมื่อสองสามวันก่อนหมู่บ้านนี้กำลังจะแบ่งที่ดินทำกิน ถ้าเราไม่มีหลานชายเราก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งนั้น”
ชีวิตในชนบทในยุค 90 เพศชายยังคงมีคุณค่าสูงกว่าเพศหญิง ถ้าบ้านหลังไหนไม่มีลูกผู้ชาย คน ในบ้านหลังนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายของการถูกข่มเหงอย่างแน่นอน
และในเวลานี้มารดาได้ให้กำเนิดเธอกับน้องสาวแค่เพียงสองพี่น้องเท่านั้น และในตอนที่น้องสาวคนเล็กเกิด การคลอดนั้นยากทำให้มีเลือดออกมากและหมอตำแยในหมู่บ้านก็ไม่ได้มีความรู้มากนัก
และเนื่องจากการขาดสุขอนามัยที่ดี ดังนั้นจึงทำให้เกิดการติดเชื้อในมดลูกของมารดา และตามที่แพทย์ระบุถึงความเป็นไปได้ที่เธอจะตั้งครรภ์อีกครั้งนั้นต่ำมาก
นั่นเป็นเหตุผลที่หยางไป๋โกรธเคืองและมักจะตำหนิหวงซิ่วลี่ในทุกวิถีทาง ที่เธอไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้
Comments