ท้าทายลิขิตสวรรค์ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
ตอนที่ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
จากนั้นหยางซื่อเหมยกกระชากร่างของหลินตงหนานที่มีท่าทางเหม่อลอยขึ้นและสิ่งที่เกิดขึ้นคือเธอทุ่มร่างของผู้ชายคนนี้ไปทางหยางเจี้ยนหมิงที่กําลังอยู่ในอาการตกตะลึงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก 1
สําหรับคนอย่างหยางเจี้ยนหมิงที่หมกมุ่นอยู่แต่กับความงามของผู้หญิงเมื่อถูกร่างของหลินตงหนานที่มีความสูงสองเมตรและหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัมทับเขาจะมีสภาพอย่างไร?
แน่นอนว่าในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ากําลังถูกกดโดยภูเขาโดยหยางเจี้ยนหมิงถูกหลินตงหนานกดทับอยู่ใต้ร่างของเขาทําให้กระดูกสันหลังเคลื่อนและหักขณะที่เขาเห็นเพียงแค่ใบหน้าของหลินตงหนานและฟันสองซี่ที่แหลมคมของผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์คนนี้ก็แทงอย่างรุนแรงเข้าที่บริเวณแก้มอันหล่อเหลาของเขา
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังขึ้นและทุกคนก็ถึงกับสะดุ้ง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่หยางซื่อเหมยโดยไม่รู้ตัว
และพบว่าเท้าของเธอวางอยู่บนพื้นด้วยท่าที่ผ่อนคลาย ส่วนทรงผมของเธอก็ยังคงงดงามเหมือนเดิมขณะที่เด็กสาว มองไปที่คนทั้งสองที่กําลังก้มหน้าลงด้วยความอับอายพร้อมกับดวงตาแห่งความโกรธแค้นท่ามกลางสายตาของผู้คนเป็นจํานวนมาก
ตอนนี้หยางซื่อเหมยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าตนเองและเอื้อมมือไปกระชากกระโปรงแล้วเดินไปตรงที่ประตูทางออกทําให้ฝูงชนบางส่วนที่เห็นเธอเดินเข้ามาหาต่างก็รีบถอยออกจากทางเดินเพื่อให้เธอเดินผ่านไปได้สะดวก
และในตอนที่เด็กสาวเดินผ่านทุกคนบริเวณนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆจากนั้นกระโปรงสีขาวก็กระพือปีกจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นฝุ่นเช่นเดียวกับหุบเขาที่ว่างเปล่า
ขณะที่ฉินไคเหวินตัวแข็งด้วยอาการตื่นตระหนกและวิ่งไล่ตามเธอไปทันที
“หยางซื่อเหมย!”
เมื่อหยางซื่อเหมยหยุดก้าวเดินก็พบว่าใบหน้าของเขาสงบนิ่งด้วยดวงตาที่เบิกที่กว้างดังนั้นเด็กสาวจึงเยาะเย้ยด้วยการจ้องมองเขาพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“ครูฉินมีอะไรเหรอคะ?”
เมื่อมองไปที่หยางซื่อเหมยที่เขาเคยคิดว่าเธอช่างไร้เดียงสาและอ่อนโยนแล้วมันทําให้เขาเกิดความรู้สึกสับสนในใจเพราะในตอนนี้ฉันไคเหวินแทบจะไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นคนที่เก่งกาจและโหดเหี้ยมมากขนาดนี้เขาจึงกระวนกระวายใจเล็กน้อยและกล่าวอย่างประหม่าว่า
“หยางซื่อเหมย..เธอ…รู้จักศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”
เมื่อคุณครูฉินได้เห็นมันแล้วเธอจึงไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไปและทําได้แค่เพียงพยักหน้า
“อืม! หนรู้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”
เล็กน้อยเหรอ? โยนผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเธอสองเท่าอย่างง่ายดายเนี่ยนะ?
ไม่จริง! เธอต้องเป็นนักกีฬาเทควันโดสายดําอย่างแน่นอน!
แต่..
เขากล่าวกับเธอด้วยความกังวลใจว่า
“ภูมิหลังของผู้คนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยดังนั้นต่อไปเธออาจจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลําบากมากในเมืองนี้และหยางเจี้ยนหมิงก็เป็นลูกชายของ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาล
“ขอบคุณสําหรับคําเตือนของคุณครูแต่หนูทราบถึงผลที่จะตามมาทั้งหมดแล้ว”หยางซื่อเหมยกล่าวด้วยท่าทางเฉยเมยอีกว่า
“หนูคิดดีแล้วถึงตัดสินใจทําแบบนี้”
ฉินไคเหวินมองไปที่เธอพร้อมกับถอน หายใจเนื่องจากคิดว่าเธอยังเด็กมากและย้ายมาจากชนบทได้ไม่นานและไม่แน่ใจว่าเธอมีศิลปะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามบนโลกนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้ได้ทุกที่เพราะเราไม่ทราบว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
และเมื่อเด็กสาวเห็นใบหน้าของฉันไคเหวินที่เต็มไปด้วยความทุกข์หยางซื่อเหมยทําให้คิดว่าหยางเจี้ยนหมิงน่าจะมาทําร้ายเขา จึงเตือนให้เขาระวังตัว
“คุณครูไม่ต้องห่วงหนู..ช่วงนี้คุณควร ระวังตัวด้วยเพราะริมฝีปากของคุณซีดมากและใบหน้าของคุณก็หมองคล่ำมากเช่นกันดังนั้นช่วงนี้ควรระวังคนแอบแทงข้างหลัง”
ฉันไคเหวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่พร้อมกับจ้องมองไปที่เธอด้วยอาการงงงวย ขณะ ที่หยางซื่อเหมยยิ้มและกําลังคิดว่า คุณครูฉินน่าจะหาทางป้องกันตัวเองจากเหตุการณ์ร้ายที่กําลังจะเกิดขึ้นกับเขาได้ และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนักแต่หากเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้มันก็จะส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานของเขา
และตอนนี้เธอยังคงมีงานต้องทํา ดังนั้นจึงไม่ต้องการสนทนากับฉินไคเหวินนานเกินไปเด็กสาวจึงยิ้มและโบกมือพลางกล่าวว่า
“คุณครูคะ หนูขอตัวกลับก่อน”
“ซื้อเหมย…” ฉินไคเหวินวิ่งไล่ตามเธอไปทันที
“ช่วยพูดให้ชัดเจนได้หรือเปล่าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผม?”
“เพื่อนร่วมงานที่โรงเรียนจะสร้างปัญหาให้คุณมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประเมินที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้”หยางซื่อเหมยเตือนเขาว่า
“หนูพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้คุณลองคิดดูเองก็แล้วกัน..ตอนนี้หนูไม่ว่างเอาไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะ”
ฉินไคเหวินยืนนิ่งเพื่อทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กสาวกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ทางโรงเรียนกําลังจะมีการประเมินผลงานของคุณครูในโรงเรียนแต่มันเป็นการต่อสู้ที่เปิดเผยมาโดยตลอดแล้วมันจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นได้อย่างไร?
จากนั้นหยางซื่อเหมยก็เดินทางมาที่บริเวณหน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นทรงสูงโดยบ้านหลังที่อยู่ทางทางตะวันตกแห่งนี้เป็นบ้านของท่านเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลหยางต้าเจีย
และเมื่อเธอจ้องมองไปที่มันสักพักก็พบว่าบรรยากาศบริเวณนี้มีความสมดุลของหยินและหยางที่มีความกลมกลื นกันเป็นอย่างมาก
โดยบริเวณด้านหลังของอาคารเป็นภูเขาอันเงียบสงบของเมืองนี้ซึ่งทิศทางของลมได้รวบรวมไอธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากจากมุมมองของฮวงจุ้ย
และแน่นอนว่าในเมืองสมัยใหม่มักจะไม่ค่อยมีสภาพแวดล้อมที่แท้จริงที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำแต่หลักของฮวงจุ้ยมีความเชื่อว่าภูเขาที่อยู่รอบ ๆ อาคารมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและถนนก็เป็นเหมือนดั่งสายน้ำ
ดังนั้นหากมีตึกสูงด้านหลังเป็นฉาก หลังและมีอาคารโอบรับลมทางซ้ายกับทางขวาและมีถนนผ่านด้านหน้าก็สามารถถือได้ว่าเป็นรูปแบบฮวงจุ้ยที่เรียกว่า”รูปแบบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ”
ในทางตรงกันข้ามหากไม่มีอาคารสูงอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงหรือมีบ้านที่เตี้ยเกินไปจะส่งผลให้เกิดความเร็วของลมที่แรงเกินไปเราควรพยายามหลีกเลี่ยงเพราะหากอาคารด้านหลังต่ำกว่าเรามันจะทําให้พลังของเราอ่อนแอ
สําหรับขนาดของบ้านก็ควรอยู่ในระดับปานกลางด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าการเลือกบ้านที่มีขนาดใหญ่จะเป็นการดีเสมอไปโดยการเลือกขนาดของบ้านควรคํานึงถึงจํานวนคนที่อาศัยอยู่ด้วย
ส่วนบ้านหลังที่มีขนาดใหญ่แต่มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คนดังนั้นมันจึงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีโดยมันจะส่งผลให้
บรรยากาศภายในบ้านดูอึมครึมซึ่งอาจมีวิญญาณแฝงตัวเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่มีคนอยู่ได้ผลลัพธ์ก็คือครอบครัวนี้จะไม่มีคนอุปถัมภ์และจะมีคดีความเกิดขึ้นมากมาย
แต่ภูเขาที่เงียบสงบด้านหลังอาคารของหยางต้าเจียเป็นภูเขาธรรมชาติที่มีพลังอันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ในที่สุดหลังจากฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ทางการเมืองหลายครั้ง เขาก็สามารถเป็นผู้ชนะและมันไม่สามารถส่งผลกระทบต่องานราชการของเขาเลย
อย่างไรก็ตามตอนอายุห้าขวบหยางซื้อเหมยเคยวางรูปแบบทําร้ายหลุมฝังศพบรรพบุรุษของครอบครัวนี้แต่เนื่องจากเธอขาดประสบการณ์ ดังนั้นจึงถูกปรมาจารย์ด้านฮวงจัยคนอื่นทําลายจ นทําให้เธอเกือบจะเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว! และจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปเป็นอันขาด
แม้ว่ายังมีตัวช่วยอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในกระถางธูปหยกโบราณแต่หากจะใช้งานมันในตอนนี้ก็คงจะไม่ทันเวลาเนื่องจากมันต้องใช้เวลาในการก่อตัวนานเกินไปและเธอไม่ สามารถรอได้
เนื่องจากเธอกลัวว่าครอบครัวของตนเองจะตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงต้องทําให้ครอบครัวของพวกเขาตกที่นั่งลําบากโดยเร็วที่สุด
Comments
ท้าทายลิขิตสวรรค์ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
ตอนที่ 68 ไปเยี่ยมบ้านศัตรู
จากนั้นหยางซื่อเหมยกกระชากร่างของหลินตงหนานที่มีท่าทางเหม่อลอยขึ้นและสิ่งที่เกิดขึ้นคือเธอทุ่มร่างของผู้ชายคนนี้ไปทางหยางเจี้ยนหมิงที่กําลังอยู่ในอาการตกตะลึงซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก 1
สําหรับคนอย่างหยางเจี้ยนหมิงที่หมกมุ่นอยู่แต่กับความงามของผู้หญิงเมื่อถูกร่างของหลินตงหนานที่มีความสูงสองเมตรและหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัมทับเขาจะมีสภาพอย่างไร?
แน่นอนว่าในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ากําลังถูกกดโดยภูเขาโดยหยางเจี้ยนหมิงถูกหลินตงหนานกดทับอยู่ใต้ร่างของเขาทําให้กระดูกสันหลังเคลื่อนและหักขณะที่เขาเห็นเพียงแค่ใบหน้าของหลินตงหนานและฟันสองซี่ที่แหลมคมของผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์คนนี้ก็แทงอย่างรุนแรงเข้าที่บริเวณแก้มอันหล่อเหลาของเขา
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังขึ้นและทุกคนก็ถึงกับสะดุ้ง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่หยางซื่อเหมยโดยไม่รู้ตัว
และพบว่าเท้าของเธอวางอยู่บนพื้นด้วยท่าที่ผ่อนคลาย ส่วนทรงผมของเธอก็ยังคงงดงามเหมือนเดิมขณะที่เด็กสาว มองไปที่คนทั้งสองที่กําลังก้มหน้าลงด้วยความอับอายพร้อมกับดวงตาแห่งความโกรธแค้นท่ามกลางสายตาของผู้คนเป็นจํานวนมาก
ตอนนี้หยางซื่อเหมยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้าตนเองและเอื้อมมือไปกระชากกระโปรงแล้วเดินไปตรงที่ประตูทางออกทําให้ฝูงชนบางส่วนที่เห็นเธอเดินเข้ามาหาต่างก็รีบถอยออกจากทางเดินเพื่อให้เธอเดินผ่านไปได้สะดวก
และในตอนที่เด็กสาวเดินผ่านทุกคนบริเวณนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆจากนั้นกระโปรงสีขาวก็กระพือปีกจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นฝุ่นเช่นเดียวกับหุบเขาที่ว่างเปล่า
ขณะที่ฉินไคเหวินตัวแข็งด้วยอาการตื่นตระหนกและวิ่งไล่ตามเธอไปทันที
“หยางซื่อเหมย!”
เมื่อหยางซื่อเหมยหยุดก้าวเดินก็พบว่าใบหน้าของเขาสงบนิ่งด้วยดวงตาที่เบิกที่กว้างดังนั้นเด็กสาวจึงเยาะเย้ยด้วยการจ้องมองเขาพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“ครูฉินมีอะไรเหรอคะ?”
เมื่อมองไปที่หยางซื่อเหมยที่เขาเคยคิดว่าเธอช่างไร้เดียงสาและอ่อนโยนแล้วมันทําให้เขาเกิดความรู้สึกสับสนในใจเพราะในตอนนี้ฉันไคเหวินแทบจะไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นคนที่เก่งกาจและโหดเหี้ยมมากขนาดนี้เขาจึงกระวนกระวายใจเล็กน้อยและกล่าวอย่างประหม่าว่า
“หยางซื่อเหมย..เธอ…รู้จักศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”
เมื่อคุณครูฉินได้เห็นมันแล้วเธอจึงไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไปและทําได้แค่เพียงพยักหน้า
“อืม! หนรู้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”
เล็กน้อยเหรอ? โยนผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเธอสองเท่าอย่างง่ายดายเนี่ยนะ?
ไม่จริง! เธอต้องเป็นนักกีฬาเทควันโดสายดําอย่างแน่นอน!
แต่..
เขากล่าวกับเธอด้วยความกังวลใจว่า
“ภูมิหลังของผู้คนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยดังนั้นต่อไปเธออาจจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลําบากมากในเมืองนี้และหยางเจี้ยนหมิงก็เป็นลูกชายของ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาล
“ขอบคุณสําหรับคําเตือนของคุณครูแต่หนูทราบถึงผลที่จะตามมาทั้งหมดแล้ว”หยางซื่อเหมยกล่าวด้วยท่าทางเฉยเมยอีกว่า
“หนูคิดดีแล้วถึงตัดสินใจทําแบบนี้”
ฉินไคเหวินมองไปที่เธอพร้อมกับถอน หายใจเนื่องจากคิดว่าเธอยังเด็กมากและย้ายมาจากชนบทได้ไม่นานและไม่แน่ใจว่าเธอมีศิลปะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามบนโลกนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้ได้ทุกที่เพราะเราไม่ทราบว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร
และเมื่อเด็กสาวเห็นใบหน้าของฉันไคเหวินที่เต็มไปด้วยความทุกข์หยางซื่อเหมยทําให้คิดว่าหยางเจี้ยนหมิงน่าจะมาทําร้ายเขา จึงเตือนให้เขาระวังตัว
“คุณครูไม่ต้องห่วงหนู..ช่วงนี้คุณควร ระวังตัวด้วยเพราะริมฝีปากของคุณซีดมากและใบหน้าของคุณก็หมองคล่ำมากเช่นกันดังนั้นช่วงนี้ควรระวังคนแอบแทงข้างหลัง”
ฉันไคเหวินนิ่งเงียบไปชั่วครู่พร้อมกับจ้องมองไปที่เธอด้วยอาการงงงวย ขณะ ที่หยางซื่อเหมยยิ้มและกําลังคิดว่า คุณครูฉินน่าจะหาทางป้องกันตัวเองจากเหตุการณ์ร้ายที่กําลังจะเกิดขึ้นกับเขาได้ และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนักแต่หากเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้มันก็จะส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานของเขา
และตอนนี้เธอยังคงมีงานต้องทํา ดังนั้นจึงไม่ต้องการสนทนากับฉินไคเหวินนานเกินไปเด็กสาวจึงยิ้มและโบกมือพลางกล่าวว่า
“คุณครูคะ หนูขอตัวกลับก่อน”
“ซื้อเหมย…” ฉินไคเหวินวิ่งไล่ตามเธอไปทันที
“ช่วยพูดให้ชัดเจนได้หรือเปล่าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผม?”
“เพื่อนร่วมงานที่โรงเรียนจะสร้างปัญหาให้คุณมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประเมินที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้”หยางซื่อเหมยเตือนเขาว่า
“หนูพูดอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้คุณลองคิดดูเองก็แล้วกัน..ตอนนี้หนูไม่ว่างเอาไว้เจอกันที่โรงเรียนนะคะ”
ฉินไคเหวินยืนนิ่งเพื่อทบทวนเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กสาวกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ทางโรงเรียนกําลังจะมีการประเมินผลงานของคุณครูในโรงเรียนแต่มันเป็นการต่อสู้ที่เปิดเผยมาโดยตลอดแล้วมันจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นได้อย่างไร?
จากนั้นหยางซื่อเหมยก็เดินทางมาที่บริเวณหน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นทรงสูงโดยบ้านหลังที่อยู่ทางทางตะวันตกแห่งนี้เป็นบ้านของท่านเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลหยางต้าเจีย
และเมื่อเธอจ้องมองไปที่มันสักพักก็พบว่าบรรยากาศบริเวณนี้มีความสมดุลของหยินและหยางที่มีความกลมกลื นกันเป็นอย่างมาก
โดยบริเวณด้านหลังของอาคารเป็นภูเขาอันเงียบสงบของเมืองนี้ซึ่งทิศทางของลมได้รวบรวมไอธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากจากมุมมองของฮวงจุ้ย
และแน่นอนว่าในเมืองสมัยใหม่มักจะไม่ค่อยมีสภาพแวดล้อมที่แท้จริงที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแม่น้ำแต่หลักของฮวงจุ้ยมีความเชื่อว่าภูเขาที่อยู่รอบ ๆ อาคารมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและถนนก็เป็นเหมือนดั่งสายน้ำ
ดังนั้นหากมีตึกสูงด้านหลังเป็นฉาก หลังและมีอาคารโอบรับลมทางซ้ายกับทางขวาและมีถนนผ่านด้านหน้าก็สามารถถือได้ว่าเป็นรูปแบบฮวงจุ้ยที่เรียกว่า”รูปแบบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ”
ในทางตรงกันข้ามหากไม่มีอาคารสูงอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงหรือมีบ้านที่เตี้ยเกินไปจะส่งผลให้เกิดความเร็วของลมที่แรงเกินไปเราควรพยายามหลีกเลี่ยงเพราะหากอาคารด้านหลังต่ำกว่าเรามันจะทําให้พลังของเราอ่อนแอ
สําหรับขนาดของบ้านก็ควรอยู่ในระดับปานกลางด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าการเลือกบ้านที่มีขนาดใหญ่จะเป็นการดีเสมอไปโดยการเลือกขนาดของบ้านควรคํานึงถึงจํานวนคนที่อาศัยอยู่ด้วย
ส่วนบ้านหลังที่มีขนาดใหญ่แต่มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คนดังนั้นมันจึงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีโดยมันจะส่งผลให้
บรรยากาศภายในบ้านดูอึมครึมซึ่งอาจมีวิญญาณแฝงตัวเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่มีคนอยู่ได้ผลลัพธ์ก็คือครอบครัวนี้จะไม่มีคนอุปถัมภ์และจะมีคดีความเกิดขึ้นมากมาย
แต่ภูเขาที่เงียบสงบด้านหลังอาคารของหยางต้าเจียเป็นภูเขาธรรมชาติที่มีพลังอันแข็งแกร่งเป็นอย่างมากดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ในที่สุดหลังจากฟาดฟันกับคู่ต่อสู้ทางการเมืองหลายครั้ง เขาก็สามารถเป็นผู้ชนะและมันไม่สามารถส่งผลกระทบต่องานราชการของเขาเลย
อย่างไรก็ตามตอนอายุห้าขวบหยางซื้อเหมยเคยวางรูปแบบทําร้ายหลุมฝังศพบรรพบุรุษของครอบครัวนี้แต่เนื่องจากเธอขาดประสบการณ์ ดังนั้นจึงถูกปรมาจารย์ด้านฮวงจัยคนอื่นทําลายจ นทําให้เธอเกือบจะเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว! และจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปเป็นอันขาด
แม้ว่ายังมีตัวช่วยอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ในกระถางธูปหยกโบราณแต่หากจะใช้งานมันในตอนนี้ก็คงจะไม่ทันเวลาเนื่องจากมันต้องใช้เวลาในการก่อตัวนานเกินไปและเธอไม่ สามารถรอได้
เนื่องจากเธอกลัวว่าครอบครัวของตนเองจะตกเป็นเหยื่ออีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงต้องทําให้ครอบครัวของพวกเขาตกที่นั่งลําบากโดยเร็วที่สุด
Comments