ท้าทายลิขิตสวรรค์ 72 ไปส่งสาวน้อย

Now you are reading ท้าทายลิขิตสวรรค์ Chapter 72 ไปส่งสาวน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 72 ไปส่งสาวน้อย

ตอนที่ 72 ไปส่งสาวน้อย

“หยางซื่อเหมย เธอจะไปไหน?” มินกังจับตัวหยางซื่อเหมยเอาไว้และเอ่ยถาม

“กลับบ้าน” หยางซื่อเหมยมองเขาด้วยสายตาแห่งความประหลาดใจ

“บ้านของคุณอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ใกล้กับแม่น้ำ”

“ผมคิดว่า คุณอาศัยอยู่ที่นี่เสียอีก”

น้ำเสียงของมินกังผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยปากอีกครั้ง

“ทิวทัศน์ริมถนนหยางเจียงสวยงามมาก และผมมักจะไปวิ่งออกกาลังกายที่นั้น”
“จริงเหรอ?”

“อม” อันที่จริงแล้วเขาโกหก ดังนั้นมินกังจึงยกมือขึ้นมาเกาหัวของตนเองอย่างเชื่องช้า

ท่าทีที่บ่งบอกถึงความลําบากใจของเขานั้นน่ารักมากจนทําให้หยางซื่อเหมยคิดที่จะหยิกแก้มของเขาและทันใดนั้นเธอก็อยากจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อนั้นแต่ทําได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

“ฉันจะรีบกลับบ้าน” เมื่อรู้สึกอึดอัดใจหยางซื่อเหมยจึงกล่าวค่าอาลาแต่มินกังรีบกล่าวว่า

“ถนนหยานเจียงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่และไม่มีรถประจําทาง ดังนั้นผมจะไปส่งคุณเอง”

หยางซื่อเหมยกะพริบตาถี่ยิบพร้อมกับจ้องมองไปที่เขา…

บางที่เขาอาจจะนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองแสดงท่าที่คุ้นเคยและกระตือรือร้นมากเกินไปดังนั้นมินกังจึงรู้สึกเขินอายจนหน้าแดงลามไปถึงใบหูและรีบอธิบายอย่างชัดเจน
ว่า:

“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันและตอนนี้ก็มีดแล้ว….คุณเป็นเด็กผู้หญิงคงจะไม่ปลอดภัยถ้าเดินกลับบ้านคนเดียว”

หยางซื่อเหมยยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยประกายพร่างพราว ขณะที่ดวงตาสีดาของเธอเป็นเหมือนดวงดาวเพราะเธอเห็นว่าหัวใจของมินกังที่ถูกหล่อหลอมด้วยหินเริ่มกร่อนแล้วเนื่องจากระลอกคลื่นที่ซัดเข้าหามันอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้เขาจ้องมองเธออย่างประหม่าด้วยความกังวลใจว่าเธอจะปฏิเสธ

“ตกลง!”

หยางซื่อเหมยตอบมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอกําลังพึงพอใจเพราะการได้นั่งรถของมินกังนั้นคือความต้องการที่เธอปรารถนามานานในชาติที่แล้ว

อย่างไรก็ตามในชีวิตที่แล้วเธอได้เห็นมินกังขับรถหรูหราราคาแพงซึ่งเธอใฝ่ฝันที่จะได้นั่งในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าสักวันหนึ่งและแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงแค่จักรยานแต่เธอก็ยังมีความปรารถนาที่จะให้เขาเชิญตนเองให้เป็นเพื่อนร่วมทาง

จากนั้นมินกุ้งก็ขอให้เธอยืนรอสักครู่และรีบวิ่งกลับบ้านไป ต่อมาภายในห้านาที่เขาก็ขี่จักรยานสีน้ำเงินออกมา สําหรับเสื้อที่เปียกชุ่มเหงื่อของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกันโดยเขาสวมชุดกีฬาสีน้ำเงินอีกตัว

เมื่อรถจักรยานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอด้วยขายาวของมินกังที่วางลงบนพื้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า

“ขึ้นรถได้แล้วครับ นี่คือบีเอ็มดับบลิวคันเก่งของผมเอง”

คํากล่าวของชายหนุ่มคนนี้ทําให้หัวใจของหยางซื่อเหมยกลับมาเต้นอย่างรุนแรงอีกครั้งและรีบกระโดดขึ้นไปที่เบาะหลังของรถอย่างรวดเร็วขณะที่มินกังผิวปากอย่างมีความสุขและจับแฮนด์จักรยานพร้อมกับใช้เท้าปั่นจักรยานพาเธอเดินทางไปบนถนนอย่างมีความสุข…

หยางซื่อเหมยนั่งอยู่บนเบาะหลังจักรยานของชายหนุ่ม โดยที่มินยังมีเหงื่อออกแต่เธอไม่ได้กลิ่นเหงื่อของเขาเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าความรักมันสามารถบดบังประสาทสัมผัสได้?

ตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองหลังยาวของเขาและมองสายลมยามเย็นพัดผมสีเข้มของเขาซึ่งมันกําลังซ้อนทับกับความทรงจําในชีวิตก่อนหน้านี้ราวกับว่ามันเป็นความฝัน

ทันใดนั้นมินกังก็ร้องเพลงได้ไพเราะมาก และเป็นเพลงที่เธอรู้สึกชื่นชอบโดยน้ำเสียงของเขานั้นช่างไพเราะอีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังและทําให้หยางซื่อเหมยรู้สึกหลงใหลในตัวเขามากยิ่งขึ้น

แต่ในเวลานี้รถยนต์คันหรูสีดําที่หายากในเมืองนี้กําลังแล่นมาตามถนนสายยาวนี้ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถคือ อาหลงที่สวมชุดดําและจูกัดหลางในชุดขาว

จํากัดหลางมองไปข้างนอกด้วยความรู้สึกเบื่อ และสายตาของเขาก็จับจองไปยังเด็กชายกับเด็กหญิงคู่หนึ่งที่มีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีบนเลนจักรยาน

เด็กหนุ่มคนนั้นโดนแสงแดดอ่อนยามเย็นสาดส่องมาโดนอย่างเต็มที่ขณะที่กระโปรงสีขาวของสาวน้อยพลิ้วไสวไปตามสายลม

“ว้าว! ฉันคิดถึงช่วงเวลาดี ๆ ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นและขี่จักรยานไปส่งเด็กผู้หญิงที่บ้านของเธอจัง”

ภาพที่สวยงามตรงหน้านี้ทําให้จูกัดหลางถึงกับถอนหายใจ แต่เพื่อนที่กําลังขับรถอยู่ด้านข้างกลับมีท่าที่ไม่สบอารมณ์

หญิงสาวนั่งอยู่บนรถจักรยานหันหลังให้กับทิศทางที่พวกเขาอยู่โดยเห็นเพียงแค่เอวบางกับกระโปรงสีขาวที่พลิ้วไสวกับรองเท้าสีขาวคู่หนึ่งในขณะที่เด็กหนุ่มร่าเริงและเต็มไปด้วยความจริงจังในวัยเยาว์

ดวงตาสีดําของชายหนุ่มคนที่กําลังขับรถสลดลงเล็กน้อยและมีความรู้สึกสูญเสียในหัวใจของเขา ซึ่งต่างจากจูกัดหลางที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีและไม่มีปมอยู่ในใจ

จํากัดหลางมองเห็นความเศร้าหมองในดวงตาของเขาจึงร้องตะโกนออกมา

“ดูทําท่าเข้าสิ เหมือนคนกําลังแบกโลกทั้งใบเอาไว้ไม่มีผิด”

โดยเพื่อนของเขาไม่ได้ใส่ใจค่ากล่าวเหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้ละสายตาจากวัยรุ่นคู่นั้นและยังคงจ้องมองไปข้างหน้า

แต่ทันใดนั้นเขาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงจอดรถข้างทางและผลักประตูรถเพื่อเดินออกจากรถด้วยขายาวที่แข็งแรงอย่างรวดเร็วเช่นสายฟ้าฟาดทําให้ผู้คนที่สัญจรไปมารู้สึกได้ถึงเงาที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น

ดังนั้นจูกัดหลางจึงรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเขาเห็นว่าอาหลงนิ่งเงียบมาตลอดทั้งทางแล้วอยู่ดี ๆทําไมเขาถึงทําท่าราวกับว่าได้พบเจอกับศัตรูแบบนี้?

จากนั้นเขาจึงมุ่งหน้าออกไปดู แต่พบว่าทิศทางที่อาหลงวิ่งไปเป็นทิศทางเดียวกันกับที่เด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่งกําลังสัญจรผ่านไป

เขารู้สึกอิจฉาความรักของคนอื่นมากขนาดนี้เลยเหรอ?

จูกัดหลางตั้งใจดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึงและเห็นว่ามินถึงกาลังปั่นจักรยานด้วยความสบายใจแต่ทันใดนั้นชายในชุดด่าเหมือนผีก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเช่นเดียวกับซอมบี้ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากพื้นดิน

เขาจึงเบรกรถจักรยานอย่างรวดเร็วด้วยการเหยียบเท้าทั้งสองข้างลงบนพื้นและจ้องมองไปที่ชายแปลกหน้าที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดํากับกางเกงขายาวสีดําและรองเท้าหนังสีด่าตรงหน้าตนเองด้วยความสงสัย

ขณะที่เขารู้สึกเพียงว่า ผู้ชายคนนี้คงจะเป็นเหมือนเหยี่ยวในยามราตรีและน่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

ส่วนหยางซื่อเหมยที่กําลังดื่มด่กับความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจก็ตกใจมากจนต้องเงยหน้าขึ้นมาทําให้ได้พบกับดวงตาสีดาที่คมกริบของหลงลื่อเถียนราวกับว่าเขาต้องการที่จะเขมือบเธอในยามเย็นย่าเช่นนี้

ผู้ชายคนนี้ท่าไมหน้าตาคุ้น ๆ ?!

ความสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้าสิบซึ่งดูสมส่วน และผมเป็นสีด่าที่เป็นแนวตั้งอีกทั้งคิ้วยังเป็นรูปดาบที่เฉียงขึ้นรับกับดวงตาสีดคมกริบกับริมฝีปากบางเฉียบ

เขายืนอยู่หน้ารถจักรยานโดยไม่ได้กล่าวอะไรเลย และบรรยากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะเงียบงันไปชั่วขณะแต่สามารถสัมผัสได้ว่ามีความหดหูที่กําลังจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ท้าทายลิขิตสวรรค์ 72 ไปส่งสาวน้อย

Now you are reading ท้าทายลิขิตสวรรค์ Chapter 72 ไปส่งสาวน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 72 ไปส่งสาวน้อย

ตอนที่ 72 ไปส่งสาวน้อย

“หยางซื่อเหมย เธอจะไปไหน?” มินกังจับตัวหยางซื่อเหมยเอาไว้และเอ่ยถาม

“กลับบ้าน” หยางซื่อเหมยมองเขาด้วยสายตาแห่งความประหลาดใจ

“บ้านของคุณอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ใกล้กับแม่น้ำ”

“ผมคิดว่า คุณอาศัยอยู่ที่นี่เสียอีก”

น้ำเสียงของมินกังผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เอ่ยปากอีกครั้ง

“ทิวทัศน์ริมถนนหยางเจียงสวยงามมาก และผมมักจะไปวิ่งออกกาลังกายที่นั้น”
“จริงเหรอ?”

“อม” อันที่จริงแล้วเขาโกหก ดังนั้นมินกังจึงยกมือขึ้นมาเกาหัวของตนเองอย่างเชื่องช้า

ท่าทีที่บ่งบอกถึงความลําบากใจของเขานั้นน่ารักมากจนทําให้หยางซื่อเหมยคิดที่จะหยิกแก้มของเขาและทันใดนั้นเธอก็อยากจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อนั้นแต่ทําได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

“ฉันจะรีบกลับบ้าน” เมื่อรู้สึกอึดอัดใจหยางซื่อเหมยจึงกล่าวค่าอาลาแต่มินกังรีบกล่าวว่า

“ถนนหยานเจียงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่และไม่มีรถประจําทาง ดังนั้นผมจะไปส่งคุณเอง”

หยางซื่อเหมยกะพริบตาถี่ยิบพร้อมกับจ้องมองไปที่เขา…

บางที่เขาอาจจะนึกขึ้นมาได้ว่าตนเองแสดงท่าที่คุ้นเคยและกระตือรือร้นมากเกินไปดังนั้นมินกังจึงรู้สึกเขินอายจนหน้าแดงลามไปถึงใบหูและรีบอธิบายอย่างชัดเจน
ว่า:

“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันและตอนนี้ก็มีดแล้ว….คุณเป็นเด็กผู้หญิงคงจะไม่ปลอดภัยถ้าเดินกลับบ้านคนเดียว”

หยางซื่อเหมยยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยประกายพร่างพราว ขณะที่ดวงตาสีดาของเธอเป็นเหมือนดวงดาวเพราะเธอเห็นว่าหัวใจของมินกังที่ถูกหล่อหลอมด้วยหินเริ่มกร่อนแล้วเนื่องจากระลอกคลื่นที่ซัดเข้าหามันอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้เขาจ้องมองเธออย่างประหม่าด้วยความกังวลใจว่าเธอจะปฏิเสธ

“ตกลง!”

หยางซื่อเหมยตอบมั่นใจด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอกําลังพึงพอใจเพราะการได้นั่งรถของมินกังนั้นคือความต้องการที่เธอปรารถนามานานในชาติที่แล้ว

อย่างไรก็ตามในชีวิตที่แล้วเธอได้เห็นมินกังขับรถหรูหราราคาแพงซึ่งเธอใฝ่ฝันที่จะได้นั่งในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าสักวันหนึ่งและแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงแค่จักรยานแต่เธอก็ยังมีความปรารถนาที่จะให้เขาเชิญตนเองให้เป็นเพื่อนร่วมทาง

จากนั้นมินกุ้งก็ขอให้เธอยืนรอสักครู่และรีบวิ่งกลับบ้านไป ต่อมาภายในห้านาที่เขาก็ขี่จักรยานสีน้ำเงินออกมา สําหรับเสื้อที่เปียกชุ่มเหงื่อของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกันโดยเขาสวมชุดกีฬาสีน้ำเงินอีกตัว

เมื่อรถจักรยานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอด้วยขายาวของมินกังที่วางลงบนพื้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า

“ขึ้นรถได้แล้วครับ นี่คือบีเอ็มดับบลิวคันเก่งของผมเอง”

คํากล่าวของชายหนุ่มคนนี้ทําให้หัวใจของหยางซื่อเหมยกลับมาเต้นอย่างรุนแรงอีกครั้งและรีบกระโดดขึ้นไปที่เบาะหลังของรถอย่างรวดเร็วขณะที่มินกังผิวปากอย่างมีความสุขและจับแฮนด์จักรยานพร้อมกับใช้เท้าปั่นจักรยานพาเธอเดินทางไปบนถนนอย่างมีความสุข…

หยางซื่อเหมยนั่งอยู่บนเบาะหลังจักรยานของชายหนุ่ม โดยที่มินยังมีเหงื่อออกแต่เธอไม่ได้กลิ่นเหงื่อของเขาเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าความรักมันสามารถบดบังประสาทสัมผัสได้?

ตอนนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองหลังยาวของเขาและมองสายลมยามเย็นพัดผมสีเข้มของเขาซึ่งมันกําลังซ้อนทับกับความทรงจําในชีวิตก่อนหน้านี้ราวกับว่ามันเป็นความฝัน

ทันใดนั้นมินกังก็ร้องเพลงได้ไพเราะมาก และเป็นเพลงที่เธอรู้สึกชื่นชอบโดยน้ำเสียงของเขานั้นช่างไพเราะอีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลังและทําให้หยางซื่อเหมยรู้สึกหลงใหลในตัวเขามากยิ่งขึ้น

แต่ในเวลานี้รถยนต์คันหรูสีดําที่หายากในเมืองนี้กําลังแล่นมาตามถนนสายยาวนี้ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถคือ อาหลงที่สวมชุดดําและจูกัดหลางในชุดขาว

จํากัดหลางมองไปข้างนอกด้วยความรู้สึกเบื่อ และสายตาของเขาก็จับจองไปยังเด็กชายกับเด็กหญิงคู่หนึ่งที่มีอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปีบนเลนจักรยาน

เด็กหนุ่มคนนั้นโดนแสงแดดอ่อนยามเย็นสาดส่องมาโดนอย่างเต็มที่ขณะที่กระโปรงสีขาวของสาวน้อยพลิ้วไสวไปตามสายลม

“ว้าว! ฉันคิดถึงช่วงเวลาดี ๆ ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นและขี่จักรยานไปส่งเด็กผู้หญิงที่บ้านของเธอจัง”

ภาพที่สวยงามตรงหน้านี้ทําให้จูกัดหลางถึงกับถอนหายใจ แต่เพื่อนที่กําลังขับรถอยู่ด้านข้างกลับมีท่าที่ไม่สบอารมณ์

หญิงสาวนั่งอยู่บนรถจักรยานหันหลังให้กับทิศทางที่พวกเขาอยู่โดยเห็นเพียงแค่เอวบางกับกระโปรงสีขาวที่พลิ้วไสวกับรองเท้าสีขาวคู่หนึ่งในขณะที่เด็กหนุ่มร่าเริงและเต็มไปด้วยความจริงจังในวัยเยาว์

ดวงตาสีดําของชายหนุ่มคนที่กําลังขับรถสลดลงเล็กน้อยและมีความรู้สึกสูญเสียในหัวใจของเขา ซึ่งต่างจากจูกัดหลางที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีและไม่มีปมอยู่ในใจ

จํากัดหลางมองเห็นความเศร้าหมองในดวงตาของเขาจึงร้องตะโกนออกมา

“ดูทําท่าเข้าสิ เหมือนคนกําลังแบกโลกทั้งใบเอาไว้ไม่มีผิด”

โดยเพื่อนของเขาไม่ได้ใส่ใจค่ากล่าวเหล่านี้ เพราะเขาไม่ได้ละสายตาจากวัยรุ่นคู่นั้นและยังคงจ้องมองไปข้างหน้า

แต่ทันใดนั้นเขาดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงจอดรถข้างทางและผลักประตูรถเพื่อเดินออกจากรถด้วยขายาวที่แข็งแรงอย่างรวดเร็วเช่นสายฟ้าฟาดทําให้ผู้คนที่สัญจรไปมารู้สึกได้ถึงเงาที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น

ดังนั้นจูกัดหลางจึงรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเขาเห็นว่าอาหลงนิ่งเงียบมาตลอดทั้งทางแล้วอยู่ดี ๆทําไมเขาถึงทําท่าราวกับว่าได้พบเจอกับศัตรูแบบนี้?

จากนั้นเขาจึงมุ่งหน้าออกไปดู แต่พบว่าทิศทางที่อาหลงวิ่งไปเป็นทิศทางเดียวกันกับที่เด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่งกําลังสัญจรผ่านไป

เขารู้สึกอิจฉาความรักของคนอื่นมากขนาดนี้เลยเหรอ?

จูกัดหลางตั้งใจดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึงและเห็นว่ามินถึงกาลังปั่นจักรยานด้วยความสบายใจแต่ทันใดนั้นชายในชุดด่าเหมือนผีก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าเขาเช่นเดียวกับซอมบี้ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากพื้นดิน

เขาจึงเบรกรถจักรยานอย่างรวดเร็วด้วยการเหยียบเท้าทั้งสองข้างลงบนพื้นและจ้องมองไปที่ชายแปลกหน้าที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดํากับกางเกงขายาวสีดําและรองเท้าหนังสีด่าตรงหน้าตนเองด้วยความสงสัย

ขณะที่เขารู้สึกเพียงว่า ผู้ชายคนนี้คงจะเป็นเหมือนเหยี่ยวในยามราตรีและน่าจะมีความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

ส่วนหยางซื่อเหมยที่กําลังดื่มด่กับความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจก็ตกใจมากจนต้องเงยหน้าขึ้นมาทําให้ได้พบกับดวงตาสีดาที่คมกริบของหลงลื่อเถียนราวกับว่าเขาต้องการที่จะเขมือบเธอในยามเย็นย่าเช่นนี้

ผู้ชายคนนี้ท่าไมหน้าตาคุ้น ๆ ?!

ความสูงเกือบหนึ่งเมตรเก้าสิบซึ่งดูสมส่วน และผมเป็นสีด่าที่เป็นแนวตั้งอีกทั้งคิ้วยังเป็นรูปดาบที่เฉียงขึ้นรับกับดวงตาสีดคมกริบกับริมฝีปากบางเฉียบ

เขายืนอยู่หน้ารถจักรยานโดยไม่ได้กล่าวอะไรเลย และบรรยากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะเงียบงันไปชั่วขณะแต่สามารถสัมผัสได้ว่ามีความหดหูที่กําลังจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+