ท้าทายลิขิตสวรรค์ 76 ไปตรวจสอบหยก
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 76 ไปตรวจสอบหยก
ตอนที่ 76 ไปตรวจสอบหยก
เมื่อเห็นน้ําเสียงและการแสดงออกของเขาแล้ว เหลียงเซ็นก็รู้สึกหนาวสันที่ไปจนถึงกระดูกหลังด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ผมขอโทษครับคุณมู่หรง ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าทําแบบนี้อีกแล้วครับ!”
“ยืนนิ้วก้อยของมือซ้ายออกมา” มู่หรงหยุนซึ่งสูดลมหายใจเบา ๆ พลางกล่าวอีก
“การลงโทษครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงโทษสถานเบา”
ทันใดนั้นเหลียงเซินก็เหงื่อแตกพลั่กพร้อมกับกัดฟันแน่นเมื่อเห็นกริชขนาดเล็กที่ใช้สําหรับป้องกันตัวถูกดึงออกมาจากร่างของผู้ชายตรงหน้า เขาจึงหลับตาลง ขณะที่ผู้ชายคนนั้นออกแรงทั้งหมดที่มีสําหรับการสับในครั้งนี้ ส่งผลให้นิ้วก้อยของมือข้างซ้ายตกลงไปที่พื้นโดยมันสร้างความเจ็บปวดเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกถึงความเจ็บปวดเมื่อได้เห็นกองเลือด และทําได้แค่เพียงเหลือบมองไปที่มู่หรงหยุนซึ่งด้วยสีหน้าซีดเซียว
“เก็บนิ้วของแกออกไปด้วย!”
ใบหน้าของมู่หรงหยุนซึ่งยังคงดูอ่อนโยนและเรียบเฉย แต่แสงที่อยู่ด้านหลังเลนส์นั้นเย็นยะเยือกเสียจนสามารถทําให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นได้
“ขอบคุณครับคุณมู่หรง”
เหลียงเซินรีบหยิบนิ้วที่ขาดและเดินออกจากประตูไป…
จากนั้นมู่หรงหยุนชิงได้วางซิการ์ไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาซงซวน
“โอ้! คุณซึ่งเป็นไงบ้าง?!”
น้ําเสียงของเขากลับมาเป็นน้ําเสียงที่นุ่มนวลของนักธุรกิจคนเดิมโดยไม่มีความเย็นชาและเฉยเมยในตอนนี้
“สวัสดีครับคุณมู่หรง!”
เสียงของซ่งซวนนั้นอ่อนโยนและรื่นหูมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์ระดับต่าจากไวน์บัวยที่ดื่มไปเมื่อครู่
“ฮ่า…”
มู่หรงหยุนชิงหัวเราะชอบใจยกใหญ่และกล่าวอีกว่า
“ผมมีชุดหยกอยากให้คุณช่วยตรวจสอบ ไม่ทราบว่าคุณซ่งพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“คุณมู่หรงอุตส่าห์โทรมาทั้งที ถึงไม่ว่างก็ต้องว่างล่ะครับ”
“ฮ่าฮ่า…คุณซ่ง..เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณจะพาศิษย์หญิงที่น่ารักและฉลาดของคุณมาด้วยหรือเปล่าครับ? เพราะเพื่อนสนิทของผมมีวัตถุโบราณกับหยกหลายชิ้นที่ถูกส่งมาจากพม่าดังนั้นผมจึงอยากให้คุณมาเลือกก่อน เผื่อว่าคุณจะสนใจ” มู่หรงหยุนชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณคุณมู่หรงสําหรับความห่วงใยของคุณ เอาเป็นว่าผมจะลองถามซื่อเหมยดูว่าคืนนี้เธอพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
ก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะโทรมา ซึ่งซ่วนก็กําลังคิดว่าต้องการจะพบหน้าหยางซื่อเหมยอยู่พอดี แต่เขาไม่ทราบว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างดี แต่ตอนนี้มู่หรงหยุนชิงโทรมาเชิญเขา ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้โทรหาเธอ โดยกล่าวว่าจะพาเธอไปตรวจดูหยก และวัตถุโบราณ
เมื่อมีความคิดปรากฏขึ้น ทันใดนั้นภาพของเด็กสาวที่มีดวงตากลมโตก็ลอยเข้ามาราวกับขนนกที่สะบัดเบา ๆ บนหัวใจของเขา มันช่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเสียเหลือ
เกิน
ต่อมาหลังจากหยางซื่อเหมยกลับมาถึงบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงรีบรับสายในทันที และเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาว ซึ่งส่วนก็รู้สึกประหม่าจนต้องพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ซื้อเหมย คืนนี้คุณพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“ว่างค่ะ! มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อืม! คือว่าคุณมู่หรงมีหยกชุดใหม่จะให้ผมช่วยตรวจสอบและเขาต้องการให้คุณไปช่วยดูด้วย คุณต้องการจะไปกับผมหรือเปล่า?”
“ตกลง” หยางซื่อเหมยตอบโดยไม่ต้องคิดและกล่าวอีกว่า
“กี่โมงคะ?”
“ตอนนี้มันหนึ่งทุ่มแล้ว อย่างนั้นผมจะไปรับคุณตอนสองทุ่มครึ่งนะ”
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคําตอบของหยางซื่อเหมยแล้ว ซึ่งซ่วนก็มีความสุขมากและรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยดอกไม้ที่กาลังเบ่งบาน
สําหรับหยางซื่อเหมยหลังจากวางโทรศัพท์ของซงซวนแล้ว เด็กสาวก็เดินมานั่งด้านข้างคุณย่าที่กาลังสวมเสื้อกันหนาวและสนทนากับย่าของเธอสักพัก ต่อมานั้นไม่นานหวงซิวลี่ ผู้เป็นมารดาของเธอก็กลับมาข้างนอกและเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและหงุดหงิดราวกับว่ากําลังมีปัญหา
“แม่ไปไหนมาคะ?”
“แม่ออกไปหางานทํามา เพราะครอบครัวเราอยู่กันหลายคนจึงมีค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้นเงินเดือนเพียงแค่พันกว่าเหรียญที่พ่อได้มาจึงไม่พอใช้
หวงซิ่วลื่นั่งลงอย่างเหนื่อยล้า ดังนั้นหยางซื่อเหมยจึงรีบลุกขึ้นแล้วในน้ําอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว จากนั้นก็มายืนอยู่ข้างหลังเพื่อนวดไหล่ให้มารดา
โดยในระหว่างการนวดเธอก็แอบส่งพลังภายในเข้าไปในร่างกายของมารดาเพื่อให้เธอฟื้นคืนจิตวิญญาณและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“แม่คะ น้องสาวกับน้องชายยังเด็กมาก ถึงแม่อยากจะออกไปทํางานก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะคุณย่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว”
“แม่คิดว่าถ้าหางานได้ก็จะส่งน้องชายของลูกไปโรงเรียนอนุบาล ส่วนซื่อซีอายุสิบขวบแล้วก็สามารถดูแลตัวเองได้”
หวงซิ่วลี่ถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่จะกล่าวอีกว่า
“เฮ้อ! แม่เรียนจบแค่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่คนกวาดพื้นตามบริษัททั่วไปยังต้องการประกาศนียบัตรระดับปริญญาเลย”
หลังจากนั้นมารดาก็มองไปที่หยางซื่อเหมยด้วยความกระตือรือร้นและเอื้อมมือไปตบที่มือของหยางซื่อเหมยที่วางอยู่บนไหล่ของตนเอง
“ลูกรัก ลูกต้องตั้งใจเรียนและมุ่งมั่นเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และที่สําคัญเพื่อที่จะหางานที่ดีในอนาคต จะได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี”
หยางซื่อเหมยยิ้มอย่างอ่อนโยน
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาหยางซื่อเหมยต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดความรู้และความสามารถแต่ต้องการหางานทําที่สะดวกสบายซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อมีคนได้ยินว่าเธอไม่ได้รับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น เธอก็ถูกปฏิเสธทันที
ตอนนั้นเธอยังพยายามที่จะทํางานเป็นคนงานสุขาภิบาลหรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือคนกวาดถนนก็ยังคงถูกปฏิเสธ โดยนายหน้าหางานเหล่านั้นล้วนแล้วแต่กล่าวว่า คนที่อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้เขาจะเอาไปทําไม
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการต้มตุ้นและหลอกลวงผู้คนไปวัน ๆ ทั้งที่ส่วนลึกในใจของเธอนั้นต้องการที่จะเรียนหนังสือเหมือนกับคนอื่น ๆ
แต่ตอนนี้สวรรค์ทรงเมตตามอบชีวิตใหม่ให้กับเธอแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติเพราะกระดูกของเธอแตกหักในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาสเธอจะทะนุถนอมมันโดยการเรียนให้จบมหาวิทยาลัยเพื่อชดเชยความด้อยโอกาสที่เธอไม่เคยมีมาก่อน
“แม่คะ! ต่อไปนี้แม่สามารถอยู่ดูแลบ้านได้อย่างสบายใจได้แล้วนะคะ” หยางซื่อ
เหมยก้มลงกอดคอมารดา
“ยืม! เงินที่ลูกหามาก็ใกล้จะหมดแล้ว และเงินเดือนของพ่อก็น้อยนิดจนแทบจะไม่พบใช้ อีกทั้งยังจะมีค่าใช้จ่ายสําหรับค่าเล่าเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ดังนั้นเงินเดือนของพ่อคนเดียวคงไม่พอใช้จ่าย”
หวงซิ่วลี่กล่าวด้วยความเสียใจอีกว่า
“ต้องโทษแม่เองที่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงจากชนบทที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย”
Comments
ท้าทายลิขิตสวรรค์ 76 ไปตรวจสอบหยก
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 76 ไปตรวจสอบหยก
ตอนที่ 76 ไปตรวจสอบหยก
เมื่อเห็นน้ําเสียงและการแสดงออกของเขาแล้ว เหลียงเซ็นก็รู้สึกหนาวสันที่ไปจนถึงกระดูกหลังด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ผมขอโทษครับคุณมู่หรง ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าทําแบบนี้อีกแล้วครับ!”
“ยืนนิ้วก้อยของมือซ้ายออกมา” มู่หรงหยุนซึ่งสูดลมหายใจเบา ๆ พลางกล่าวอีก
“การลงโทษครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงโทษสถานเบา”
ทันใดนั้นเหลียงเซินก็เหงื่อแตกพลั่กพร้อมกับกัดฟันแน่นเมื่อเห็นกริชขนาดเล็กที่ใช้สําหรับป้องกันตัวถูกดึงออกมาจากร่างของผู้ชายตรงหน้า เขาจึงหลับตาลง ขณะที่ผู้ชายคนนั้นออกแรงทั้งหมดที่มีสําหรับการสับในครั้งนี้ ส่งผลให้นิ้วก้อยของมือข้างซ้ายตกลงไปที่พื้นโดยมันสร้างความเจ็บปวดเข้าไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออกถึงความเจ็บปวดเมื่อได้เห็นกองเลือด และทําได้แค่เพียงเหลือบมองไปที่มู่หรงหยุนซึ่งด้วยสีหน้าซีดเซียว
“เก็บนิ้วของแกออกไปด้วย!”
ใบหน้าของมู่หรงหยุนซึ่งยังคงดูอ่อนโยนและเรียบเฉย แต่แสงที่อยู่ด้านหลังเลนส์นั้นเย็นยะเยือกเสียจนสามารถทําให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่นได้
“ขอบคุณครับคุณมู่หรง”
เหลียงเซินรีบหยิบนิ้วที่ขาดและเดินออกจากประตูไป…
จากนั้นมู่หรงหยุนชิงได้วางซิการ์ไว้บนที่เขี่ยบุหรี่ และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อโทรหาซงซวน
“โอ้! คุณซึ่งเป็นไงบ้าง?!”
น้ําเสียงของเขากลับมาเป็นน้ําเสียงที่นุ่มนวลของนักธุรกิจคนเดิมโดยไม่มีความเย็นชาและเฉยเมยในตอนนี้
“สวัสดีครับคุณมู่หรง!”
เสียงของซ่งซวนนั้นอ่อนโยนและรื่นหูมาก เนื่องจากแอลกอฮอล์ระดับต่าจากไวน์บัวยที่ดื่มไปเมื่อครู่
“ฮ่า…”
มู่หรงหยุนชิงหัวเราะชอบใจยกใหญ่และกล่าวอีกว่า
“ผมมีชุดหยกอยากให้คุณช่วยตรวจสอบ ไม่ทราบว่าคุณซ่งพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“คุณมู่หรงอุตส่าห์โทรมาทั้งที ถึงไม่ว่างก็ต้องว่างล่ะครับ”
“ฮ่าฮ่า…คุณซ่ง..เอ่อ..ไม่ทราบว่าคุณจะพาศิษย์หญิงที่น่ารักและฉลาดของคุณมาด้วยหรือเปล่าครับ? เพราะเพื่อนสนิทของผมมีวัตถุโบราณกับหยกหลายชิ้นที่ถูกส่งมาจากพม่าดังนั้นผมจึงอยากให้คุณมาเลือกก่อน เผื่อว่าคุณจะสนใจ” มู่หรงหยุนชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณคุณมู่หรงสําหรับความห่วงใยของคุณ เอาเป็นว่าผมจะลองถามซื่อเหมยดูว่าคืนนี้เธอพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
ก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะโทรมา ซึ่งซ่วนก็กําลังคิดว่าต้องการจะพบหน้าหยางซื่อเหมยอยู่พอดี แต่เขาไม่ทราบว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างดี แต่ตอนนี้มู่หรงหยุนชิงโทรมาเชิญเขา ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้โทรหาเธอ โดยกล่าวว่าจะพาเธอไปตรวจดูหยก และวัตถุโบราณ
เมื่อมีความคิดปรากฏขึ้น ทันใดนั้นภาพของเด็กสาวที่มีดวงตากลมโตก็ลอยเข้ามาราวกับขนนกที่สะบัดเบา ๆ บนหัวใจของเขา มันช่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเสียเหลือ
เกิน
ต่อมาหลังจากหยางซื่อเหมยกลับมาถึงบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงรีบรับสายในทันที และเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาว ซึ่งส่วนก็รู้สึกประหม่าจนต้องพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ซื้อเหมย คืนนี้คุณพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”
“ว่างค่ะ! มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อืม! คือว่าคุณมู่หรงมีหยกชุดใหม่จะให้ผมช่วยตรวจสอบและเขาต้องการให้คุณไปช่วยดูด้วย คุณต้องการจะไปกับผมหรือเปล่า?”
“ตกลง” หยางซื่อเหมยตอบโดยไม่ต้องคิดและกล่าวอีกว่า
“กี่โมงคะ?”
“ตอนนี้มันหนึ่งทุ่มแล้ว อย่างนั้นผมจะไปรับคุณตอนสองทุ่มครึ่งนะ”
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคําตอบของหยางซื่อเหมยแล้ว ซึ่งซ่วนก็มีความสุขมากและรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยดอกไม้ที่กาลังเบ่งบาน
สําหรับหยางซื่อเหมยหลังจากวางโทรศัพท์ของซงซวนแล้ว เด็กสาวก็เดินมานั่งด้านข้างคุณย่าที่กาลังสวมเสื้อกันหนาวและสนทนากับย่าของเธอสักพัก ต่อมานั้นไม่นานหวงซิวลี่ ผู้เป็นมารดาของเธอก็กลับมาข้างนอกและเดินผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและหงุดหงิดราวกับว่ากําลังมีปัญหา
“แม่ไปไหนมาคะ?”
“แม่ออกไปหางานทํามา เพราะครอบครัวเราอยู่กันหลายคนจึงมีค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้นเงินเดือนเพียงแค่พันกว่าเหรียญที่พ่อได้มาจึงไม่พอใช้
หวงซิ่วลื่นั่งลงอย่างเหนื่อยล้า ดังนั้นหยางซื่อเหมยจึงรีบลุกขึ้นแล้วในน้ําอุ่นให้เธอหนึ่งแก้ว จากนั้นก็มายืนอยู่ข้างหลังเพื่อนวดไหล่ให้มารดา
โดยในระหว่างการนวดเธอก็แอบส่งพลังภายในเข้าไปในร่างกายของมารดาเพื่อให้เธอฟื้นคืนจิตวิญญาณและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“แม่คะ น้องสาวกับน้องชายยังเด็กมาก ถึงแม่อยากจะออกไปทํางานก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะคุณย่าคนเดียวคงดูแลไม่ไหว”
“แม่คิดว่าถ้าหางานได้ก็จะส่งน้องชายของลูกไปโรงเรียนอนุบาล ส่วนซื่อซีอายุสิบขวบแล้วก็สามารถดูแลตัวเองได้”
หวงซิ่วลี่ถอนหายใจอย่างหนักก่อนที่จะกล่าวอีกว่า
“เฮ้อ! แม่เรียนจบแค่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่คนกวาดพื้นตามบริษัททั่วไปยังต้องการประกาศนียบัตรระดับปริญญาเลย”
หลังจากนั้นมารดาก็มองไปที่หยางซื่อเหมยด้วยความกระตือรือร้นและเอื้อมมือไปตบที่มือของหยางซื่อเหมยที่วางอยู่บนไหล่ของตนเอง
“ลูกรัก ลูกต้องตั้งใจเรียนและมุ่งมั่นเรียนจนจบมหาวิทยาลัย และที่สําคัญเพื่อที่จะหางานที่ดีในอนาคต จะได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี”
หยางซื่อเหมยยิ้มอย่างอ่อนโยน
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาหยางซื่อเหมยต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดความรู้และความสามารถแต่ต้องการหางานทําที่สะดวกสบายซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากเมื่อมีคนได้ยินว่าเธอไม่ได้รับประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น เธอก็ถูกปฏิเสธทันที
ตอนนั้นเธอยังพยายามที่จะทํางานเป็นคนงานสุขาภิบาลหรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือคนกวาดถนนก็ยังคงถูกปฏิเสธ โดยนายหน้าหางานเหล่านั้นล้วนแล้วแต่กล่าวว่า คนที่อ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้เขาจะเอาไปทําไม
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการต้มตุ้นและหลอกลวงผู้คนไปวัน ๆ ทั้งที่ส่วนลึกในใจของเธอนั้นต้องการที่จะเรียนหนังสือเหมือนกับคนอื่น ๆ
แต่ตอนนี้สวรรค์ทรงเมตตามอบชีวิตใหม่ให้กับเธอแล้ว แม้ว่าเธอจะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติเพราะกระดูกของเธอแตกหักในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาสเธอจะทะนุถนอมมันโดยการเรียนให้จบมหาวิทยาลัยเพื่อชดเชยความด้อยโอกาสที่เธอไม่เคยมีมาก่อน
“แม่คะ! ต่อไปนี้แม่สามารถอยู่ดูแลบ้านได้อย่างสบายใจได้แล้วนะคะ” หยางซื่อ
เหมยก้มลงกอดคอมารดา
“ยืม! เงินที่ลูกหามาก็ใกล้จะหมดแล้ว และเงินเดือนของพ่อก็น้อยนิดจนแทบจะไม่พบใช้ อีกทั้งยังจะมีค่าใช้จ่ายสําหรับค่าเล่าเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ดังนั้นเงินเดือนของพ่อคนเดียวคงไม่พอใช้จ่าย”
หวงซิ่วลี่กล่าวด้วยความเสียใจอีกว่า
“ต้องโทษแม่เองที่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงจากชนบทที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย”
Comments