ท้าทายลิขิตสวรรค์ 80 หินพนัน
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์
ตอนที่ 80 หินพนัน
ตอนที่ 80 หินพนัน
แต่แม้จะตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาก็ยังคงไม่ต้องการที่จะรับน้ําเต้าหยกที่ทําด้วยมือแบบนี้เอาไว้
“ขอบคุณ.ถ้าน้ําเต้าหยกสามารถหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายได้ ผมก็มีมันอยู่ในร้านเหมือนกัน ดังนั้นผมไม่กล้าที่จะรับของคณหนูหยางเอาไว้” มู่หรงปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ
หยางซื่อเหมยเดาว่า เหตุผลที่เขาไม่ต้องการน้ําเต้าหยกของเธอคงเป็นเพราะมันทํามาจากหยกเนื้อไม่ดี ดังนั้นเมื่อเขาไม่ต้องการเธอจึงไม่ต้องการที่จะรบเร้าอีกต่อไปซึ่งเขาคงไม่เข้าใจว่า การปลุกเสกสิ่งที่เป็นมงคลเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะมันจะต้องคํานึงถึงเวลาและสถานที่ด้วย
แต่ถ้าคนที่รู้จักหยกน้ําเต้านี้เห็นก็จะทราบในทันทีว่ามันไม่สามารถวัดด้วยราคาได้ และในตอนที่หยางซื่อเหมยกําลังจะเก็บน้ําเต้าหยกซ่งซวนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยถามว่า
“สาวน้อย…คุณแกะสลักน้ําเต้าหยกนี้ด้วยตัวเองเหรอ?”
“ฉันแกะสลักมันเมื่อหลายปีก่อน” หยางซื่อเหมยพยักหน้า
ทันใดนั้นดวงตาของซงซวนก็สว่างวาบขึ้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่รีบร้อนว่า:
“สาวน้อย..คุณให้ผมได้หรือเปล่า?”
หยางซื่อเหมยเหลือบมองเขาโดยคิดว่า เขาได้สัมผัสกับวัตถุโบราณในห้องนี้มาเป็นเวลานานในระดับหนึ่งดังนั้นร่างกายของเขาจะต้องปนเปื้อนวิญญาณชั่วร้าย
จากนั้นเมื่อเด็กสาวเห็นเชือกสีแดงบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง เธอจึงหยิบมันขึ้นมาและเอามันร้อยใส่น้ําเต้าหยกและมัดปมเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย อีกทั้งยังแอบร่ายเวทย์มนต์พร้อมกับส่งพลังทางจิตวิญญาณเข้าไปก่อนที่จะส่งให้ซ่งซวน
หลังจากจ้องมองหญิงสาวอยู่นานเมื่อซ่งซวนได้รับสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้จึงรีบแขวนน้ําเต้าหยกเอาไว้ที่คอของเขาทันที
จากมุมมองด้านรูปลักษณ์ของน้ําเต้าหยกที่แขวนอยู่บนร่างกายของซงซวนนี้ มันทําให้เขาอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขารู้สึกชื่นชอบรูปแบบของมันเป็นอย่าง
มาก
อย่างไรก็ตามซงซวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เหตุผลที่เขารู้สึกมีความสุขมากเพราะน้ําเต้าหยกนี้แกะสลักโดยหยางซื่อเหมย และเธอก็เป็นคนผูกปมสีแดงด้วยเช่นกัน
มู่หรงหยุนชิงเฝ้าดูซังซวนที่กําลังมีความสุขเพราะได้แขวนหยกน้ําเต้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว แต่ไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะเหตุใดขณะที่เขาเริ่มเกิดความเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย
เดิมที่ซ่งซวนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนี้ต่ําเกินไป แต่หลังจากแขวนน้ําเต้าหยกแล้วเขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่รู้สึกหนาวเย็นอีกต่อไป
“คุณซ่ง ตอนนี้คุณช่วยตรวจสอบเครื่องประดับหยกเหล่านี้ให้ผมได้หรือยัง?”
หลังจากเห็นซ่งซวนแขวนหยกน้ําเต้าร่างของเขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพลังงานที่เปล่งประกายสว่างไสวจนวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นต่างก็รีบหลบเลี่ยงเขาด้วยความหวาดกลัว
ต่อมาซงซวนได้เริ่มเอาแว่นขยายมาตรวจสอบเครื่องประดับหยกทีละชิ้น จากนั้นเขาก็กล่าวกับมู่หรงหยุนชิงอย่างอารมณ์ดีว่า
“คุณมู่หรงครับ เครื่องประดับหยกเหล่านี้สวมใส่โดยสนมของราชสํานักแห่งราชวงศ์ฮั่น และแต่ละชิ้นเป็นของล้ําค่ามาก”
มู่หรงหยุนชิงยิ้มอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ขณะที่รู้สึกว่ารูขุมขนบนร่างกายของเขาถูกรุกรานโดยอากาศเย็นจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทําให้ต้องการออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“ในเมื่อคุณซงตรวจดูเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นเราไปดูพวกเขาพนันหินกันดีกว่า”
“ตกลง”
ซ่งซวนยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับวางของที่กําลังประเมินไว้ที่เดิม แล้วเดินตามเขาออกไป จากนั้นเมื่อมู่หรงหยุนชิงเดินออกมาจากห้องหยก ในทันใดความเย็นยะเยือกในร่างกายของเขาก็ลดลงจนกลับมาเป็นปกติ
เนื่องจากเขาฆ่าคนมามาก ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อเรื่องภูตผีหรือเทพเจ้ามาโดยตลอด แต่ทําไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนั้นตอนที่เขาอยู่ในห้อง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? หรือหยางซื่อเหมยเป็นคนเรียกให้วิญญาณมา?
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่หยางซื่อเหมย และเมื่อเห็นใบ หน้าของเด็กสาวยังคงนุ่มนวลและสงบนิ่งด้วยดวงตาที่ชัดเจน โดยไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ มันจึงยิ่งทําให้เขารู้สึกแปลกใจ
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงพื้นที่สําหรับการเดิมพันหิน โดยการพนันแบบนี้กลายเป็นวิธีการค้าหยกที่เป็นที่นิยมและแพร่หลายบริเวณชายแดนของประเทศจีน…
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาประเทศพม่ามีก้อนหินที่ยังไม่ได้เปิดดูข้างใน มากมายดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นนอกจากรูปร่างและน้ําหนักของมัน
ในตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการตรวจจับว่ามีหยกอยู่ในนั้นหรือไม่ ดังนั้นจะต้องใช้การตัดเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะหาข้อสรุปที่แท้จริงได้
โดยผู้ซื้อจะตัดสินใจโดยอาศัยประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะใช้วิธีการเดาโดยพิจารณาจาก
ประสิทธิภาพบนผิวของก้อนหินเพื่อประมาณราคา และเมื่อ ซื้อมาแล้วบางคนอาจจะโชคดีได้หยกเนื้อดีที่มีมูลค่าหลายแสนหรือหลายล้านเห รียญ
นอกจากนี้ยังอาจจะได้หยกที่ไม่มีคุณภาพจึงกลายเป็นสิ่งไร้ค่าในทันที และนี่คือความเสี่ยงของการพนันหิน ดังนั้นหินจึงสามารถทําให้ผู้คนร่ํารวยหรือสร้างโชคได้ในชั่วข้ามคืน และหินพนันนี้วางอยู่ในสวนหลังบ้านของหยุซื่อหยวน โดยในเวลานี้มีหลายคนเดินทางมาถึงแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นมู่หรงหยุนซึ่งกับซงซวนเดินเข้ามา ทุกคนก็ทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น และเมื่อมาถึงจุดนี้หยางซื่อเหมยจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้าง ขณะที่เห็นว่าก้อนหินเหล่านี้มีขนาดและรูปร่างกับผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน โดยบางก้อนมีขนาดเท่ากําปั้นไปจนถึงหนักเป็นต้น
ขณะที่ผิวสัมผัสของพวกมันมีความหยาบที่ไม่มีความแตกต่างจากหินธรรมดา ดังนั้นมันจึงยากที่จะเชื่อว่าบางก่อนจะซ่อนหยกสีเขียวที่สวยงามเอาไว้ในนั้น
เธอเห็นราคาบนก้อนหินแต่ละก้อน โดยหินทรายสีขาวขนาดเท่าลูกบาสมีราคา สองหมื่นเหรียญ ส่วนอีกก้อนหนึ่งเป็นหินทรายสีดําที่มีขนาดใหญ่เท่ากับตัวคนมีราคาห้าแสนเหรียญ
แน่นอนว่าหยางซื่อเหมยไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องหินพนันนี้เลย และเธอไม่รู้เลยว่าพวกเขาใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการกาหนดราคา แต่จากการคาดเดาอย่างคร่าว ๆ เธอคิดว่ายิ่งราคาสูงความเป็นไปได้ที่จะเป็นหยกสีเขียวก็จะยิ่งสูงขึ้น
จากนั้นเมื่อเธอเห็นคนด้านข้างใช้มือสัมผัสผิวของก้อนหินนั้น เธอก็มองตามด้วยแว่นขยายและไฟฉายซ้ําแล้วซ้ําเล่าพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะมัน
อย่างไรก็ตามปรมาจารย์หยุซึ่งเคยกล่าวเสมอว่าเธอมีดวงตาที่พิเศษมาก เนื่องจากสามารถสื่อสารกลิ่นอายของสวรรค์และโลกได้ อีกทั้งยังไวต่อลักษณะของทุกสิ่งในโลก
แต่ครั้งนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองจะสามารถมองเห็นมันหรือเปล่า?
Comments
ท้าทายลิขิตสวรรค์ 80 หินพนัน
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์
ตอนที่ 80 หินพนัน
ตอนที่ 80 หินพนัน
แต่แม้จะตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาก็ยังคงไม่ต้องการที่จะรับน้ําเต้าหยกที่ทําด้วยมือแบบนี้เอาไว้
“ขอบคุณ.ถ้าน้ําเต้าหยกสามารถหลีกเลี่ยงความชั่วร้ายได้ ผมก็มีมันอยู่ในร้านเหมือนกัน ดังนั้นผมไม่กล้าที่จะรับของคณหนูหยางเอาไว้” มู่หรงปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ
หยางซื่อเหมยเดาว่า เหตุผลที่เขาไม่ต้องการน้ําเต้าหยกของเธอคงเป็นเพราะมันทํามาจากหยกเนื้อไม่ดี ดังนั้นเมื่อเขาไม่ต้องการเธอจึงไม่ต้องการที่จะรบเร้าอีกต่อไปซึ่งเขาคงไม่เข้าใจว่า การปลุกเสกสิ่งที่เป็นมงคลเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะมันจะต้องคํานึงถึงเวลาและสถานที่ด้วย
แต่ถ้าคนที่รู้จักหยกน้ําเต้านี้เห็นก็จะทราบในทันทีว่ามันไม่สามารถวัดด้วยราคาได้ และในตอนที่หยางซื่อเหมยกําลังจะเก็บน้ําเต้าหยกซ่งซวนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยถามว่า
“สาวน้อย…คุณแกะสลักน้ําเต้าหยกนี้ด้วยตัวเองเหรอ?”
“ฉันแกะสลักมันเมื่อหลายปีก่อน” หยางซื่อเหมยพยักหน้า
ทันใดนั้นดวงตาของซงซวนก็สว่างวาบขึ้นและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่รีบร้อนว่า:
“สาวน้อย..คุณให้ผมได้หรือเปล่า?”
หยางซื่อเหมยเหลือบมองเขาโดยคิดว่า เขาได้สัมผัสกับวัตถุโบราณในห้องนี้มาเป็นเวลานานในระดับหนึ่งดังนั้นร่างกายของเขาจะต้องปนเปื้อนวิญญาณชั่วร้าย
จากนั้นเมื่อเด็กสาวเห็นเชือกสีแดงบนโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง เธอจึงหยิบมันขึ้นมาและเอามันร้อยใส่น้ําเต้าหยกและมัดปมเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย อีกทั้งยังแอบร่ายเวทย์มนต์พร้อมกับส่งพลังทางจิตวิญญาณเข้าไปก่อนที่จะส่งให้ซ่งซวน
หลังจากจ้องมองหญิงสาวอยู่นานเมื่อซ่งซวนได้รับสมบัติล้ําค่าชิ้นนี้จึงรีบแขวนน้ําเต้าหยกเอาไว้ที่คอของเขาทันที
จากมุมมองด้านรูปลักษณ์ของน้ําเต้าหยกที่แขวนอยู่บนร่างกายของซงซวนนี้ มันทําให้เขาอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะเขารู้สึกชื่นชอบรูปแบบของมันเป็นอย่าง
มาก
อย่างไรก็ตามซงซวนไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เหตุผลที่เขารู้สึกมีความสุขมากเพราะน้ําเต้าหยกนี้แกะสลักโดยหยางซื่อเหมย และเธอก็เป็นคนผูกปมสีแดงด้วยเช่นกัน
มู่หรงหยุนชิงเฝ้าดูซังซวนที่กําลังมีความสุขเพราะได้แขวนหยกน้ําเต้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว แต่ไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะเหตุใดขณะที่เขาเริ่มเกิดความเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย
เดิมที่ซ่งซวนรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนี้ต่ําเกินไป แต่หลังจากแขวนน้ําเต้าหยกแล้วเขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่รู้สึกหนาวเย็นอีกต่อไป
“คุณซ่ง ตอนนี้คุณช่วยตรวจสอบเครื่องประดับหยกเหล่านี้ให้ผมได้หรือยัง?”
หลังจากเห็นซ่งซวนแขวนหยกน้ําเต้าร่างของเขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพลังงานที่เปล่งประกายสว่างไสวจนวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นต่างก็รีบหลบเลี่ยงเขาด้วยความหวาดกลัว
ต่อมาซงซวนได้เริ่มเอาแว่นขยายมาตรวจสอบเครื่องประดับหยกทีละชิ้น จากนั้นเขาก็กล่าวกับมู่หรงหยุนชิงอย่างอารมณ์ดีว่า
“คุณมู่หรงครับ เครื่องประดับหยกเหล่านี้สวมใส่โดยสนมของราชสํานักแห่งราชวงศ์ฮั่น และแต่ละชิ้นเป็นของล้ําค่ามาก”
มู่หรงหยุนชิงยิ้มอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ขณะที่รู้สึกว่ารูขุมขนบนร่างกายของเขาถูกรุกรานโดยอากาศเย็นจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทําให้ต้องการออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“ในเมื่อคุณซงตรวจดูเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นเราไปดูพวกเขาพนันหินกันดีกว่า”
“ตกลง”
ซ่งซวนยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมกับวางของที่กําลังประเมินไว้ที่เดิม แล้วเดินตามเขาออกไป จากนั้นเมื่อมู่หรงหยุนชิงเดินออกมาจากห้องหยก ในทันใดความเย็นยะเยือกในร่างกายของเขาก็ลดลงจนกลับมาเป็นปกติ
เนื่องจากเขาฆ่าคนมามาก ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อเรื่องภูตผีหรือเทพเจ้ามาโดยตลอด แต่ทําไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนั้นตอนที่เขาอยู่ในห้อง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? หรือหยางซื่อเหมยเป็นคนเรียกให้วิญญาณมา?
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่หยางซื่อเหมย และเมื่อเห็นใบ หน้าของเด็กสาวยังคงนุ่มนวลและสงบนิ่งด้วยดวงตาที่ชัดเจน โดยไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ มันจึงยิ่งทําให้เขารู้สึกแปลกใจ
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงพื้นที่สําหรับการเดิมพันหิน โดยการพนันแบบนี้กลายเป็นวิธีการค้าหยกที่เป็นที่นิยมและแพร่หลายบริเวณชายแดนของประเทศจีน…
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาประเทศพม่ามีก้อนหินที่ยังไม่ได้เปิดดูข้างใน มากมายดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้นนอกจากรูปร่างและน้ําหนักของมัน
ในตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการตรวจจับว่ามีหยกอยู่ในนั้นหรือไม่ ดังนั้นจะต้องใช้การตัดเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะหาข้อสรุปที่แท้จริงได้
โดยผู้ซื้อจะตัดสินใจโดยอาศัยประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะใช้วิธีการเดาโดยพิจารณาจาก
ประสิทธิภาพบนผิวของก้อนหินเพื่อประมาณราคา และเมื่อ ซื้อมาแล้วบางคนอาจจะโชคดีได้หยกเนื้อดีที่มีมูลค่าหลายแสนหรือหลายล้านเห รียญ
นอกจากนี้ยังอาจจะได้หยกที่ไม่มีคุณภาพจึงกลายเป็นสิ่งไร้ค่าในทันที และนี่คือความเสี่ยงของการพนันหิน ดังนั้นหินจึงสามารถทําให้ผู้คนร่ํารวยหรือสร้างโชคได้ในชั่วข้ามคืน และหินพนันนี้วางอยู่ในสวนหลังบ้านของหยุซื่อหยวน โดยในเวลานี้มีหลายคนเดินทางมาถึงแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นมู่หรงหยุนซึ่งกับซงซวนเดินเข้ามา ทุกคนก็ทักทายพวกเขาอย่างกระตือรือร้น และเมื่อมาถึงจุดนี้หยางซื่อเหมยจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้าง ขณะที่เห็นว่าก้อนหินเหล่านี้มีขนาดและรูปร่างกับผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน โดยบางก้อนมีขนาดเท่ากําปั้นไปจนถึงหนักเป็นต้น
ขณะที่ผิวสัมผัสของพวกมันมีความหยาบที่ไม่มีความแตกต่างจากหินธรรมดา ดังนั้นมันจึงยากที่จะเชื่อว่าบางก่อนจะซ่อนหยกสีเขียวที่สวยงามเอาไว้ในนั้น
เธอเห็นราคาบนก้อนหินแต่ละก้อน โดยหินทรายสีขาวขนาดเท่าลูกบาสมีราคา สองหมื่นเหรียญ ส่วนอีกก้อนหนึ่งเป็นหินทรายสีดําที่มีขนาดใหญ่เท่ากับตัวคนมีราคาห้าแสนเหรียญ
แน่นอนว่าหยางซื่อเหมยไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องหินพนันนี้เลย และเธอไม่รู้เลยว่าพวกเขาใช้อะไรเป็นมาตรฐานในการกาหนดราคา แต่จากการคาดเดาอย่างคร่าว ๆ เธอคิดว่ายิ่งราคาสูงความเป็นไปได้ที่จะเป็นหยกสีเขียวก็จะยิ่งสูงขึ้น
จากนั้นเมื่อเธอเห็นคนด้านข้างใช้มือสัมผัสผิวของก้อนหินนั้น เธอก็มองตามด้วยแว่นขยายและไฟฉายซ้ําแล้วซ้ําเล่าพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะมัน
อย่างไรก็ตามปรมาจารย์หยุซึ่งเคยกล่าวเสมอว่าเธอมีดวงตาที่พิเศษมาก เนื่องจากสามารถสื่อสารกลิ่นอายของสวรรค์และโลกได้ อีกทั้งยังไวต่อลักษณะของทุกสิ่งในโลก
แต่ครั้งนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองจะสามารถมองเห็นมันหรือเปล่า?
Comments