นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 358 มงคล ออกจากเมืองหลวง

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 358 มงคล ออกจากเมืองหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อตี๋ตงหมิงที่ได้รับเรื่องนั้น ก็พลันรีบมุ่งหน้ามายังประตูเมืองในทันที เมื่อมาถึงพลันเห็นสีหน้าของนายทหารแต่คน ต่างก็ขาวซีดราวกับผักดอง คล้ายว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างก็ไม่ปาน พร้อมทั้งเอาแต่บ่นพึมพำตัวสั่นเทา ว่าพบเจอลางร้าย ตี๋ตงหมิงรู้สึกโมโหยิ่งนัก

ลางร้าย? เจอผี?

ลางร้ายอะไรกัน เจอผีตัวใดกัน หากโลกนี้มีผีสางจริง ๆ ผู้ที่ตายไปก็หาใช่พวกเขาไม่ ในเมื่อชั่วชีวิตนี้มิเคยทำชั่ว แล้วจะไปหวาดกลัวกับทูตผีทำไมกัน เรื่องราวผีสางที่ถูกเล่าขานมานานนั้น ตี๋ตงหมิงหาได้มีความเชื่อไม่ อีกทั้งยังไม่เคยคิดที่จะนำมันมาใส่ใจอีกด้วย

มีเหล่าทหารคนใดบ้าง ที่มือมิเคยเปื้อนเลือด ยามที่มีศึกสงครามนั้น ศพกองพะเนินเป็นภูเขา เลากา แม้แต่คนในราชวงศ์เอง มีผู้ใดบ้างที่มิเคยเอาชีวิตผู้อื่น เป็นทูตผีแล้วอย่างไร พวกผีเองก็เกรงกลัวคนเช่นกัน ในยามที่ตี๋ตงหมิงกำลังจะเปิดปากต่อว่านั้น จู่ ๆ ก็พลันเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดขึ้นมา

ปัง

เสียงที่ดังสนั่น ทำให้ตี๋ตงหมิงต้องหันหน้าไปตามเสียงในทันที ก็พลันพบว่าภายในพระราชวังมีฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง พร้อมกับเขม่าควันไฟมากมายที่โพยพุ่งขึ้นฟ้า

“แย่แล้ว เกิดเรื่องในพระราชวัง” ตี๋ตงหมิงที่เติบโตมาพร้อมกับหลักคำสอนที่ให้คอยปกป้องบ้านเมืองนั้น แม้ว่าเขาจะมิใคร่ชอบพอการกระทำของฝ่าบาท แต่ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือการกังวลต่อความปลอดภัยของฝ่าบาทเช่นกัน

“เข้าวัง ไปคุ้มครอง” ตี๋ตงหมิงรีบร้อนออกคำสั่งในทันที พร้อมทั้งวิ่งไปที่คอกม้าด้วยอาภรณ์เต็มยศ เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปคุ้มครองความปลอดภัยขององค์จักรพรรดิ

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น เขาจะปล่อยให้ฝ่าบาทเป็นอันใดมิได้เป็นอันขาด หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาแล้วละก็ เหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ย่อมต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังค์มังกรขึ้นมาแน่ ต่อจากนั้น ทั่วทุกทีก็จะเกิดความระส่ำระสายขึ้นมาในทันที

ฝ่ามือของตี๋ตงหมิงพลันเต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย เขาอดไม่ได้ที่ต้องปลอบใจตนเองว่า ให้ใจเย็นลง หน้าที่ความมั่นคงและความปลอดภัยในมือหลวงในยามนี้ กำลังตกเป็นหน้าที่ของเขา

“ใต้เท้า ดูนั่น?” ยามที่ทหารคนสนิทกำลังพยุงตี๋ตงหมิงให้ขึ้นไปบนม้านั้น กลับถูกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าขัดขวางเข้าเสียก่อน

ยามที่ตี๋ตงหมิงกำลังจะเอ่ยปากว่าเขานั้นว่า เขายังมีเวลามาชื่นชมท้องฟ้าอีกงั้นหรือ เมื่อเงยหน้าก็พลันพบว่า

“เมฆมงคลห้าสี? เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

อีกฝั่งเกิดม่านหมอกทะเลเพลิง อีด้านเกิดเมฆมงคลห้าสี หรือว่า เรื่องราวลางร้ายที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวงจะเป็นเรื่องจริง เรื่องทูตผีปีศาจมีอยู่จริงงั้นหรือ?

ตี๋ตงหมิงพลันตกอยู่ในอาการเหม่อลอยไปในทันที พร้อมกลับค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงไป เมื่อครู่เขามิได้เอ่ยอันใดออกไปใช่หรือไม่ นับว่าโชคดีนัก มิเช่นนั้นคงเป็นการตบหน้าตนเองเป็นแน่

“เร็ว รีบไปสืบมา ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” หลังจากที่ตี๋ตงหมิงใจเย็นลงแล้วนั้น อีกด้านเป็นทะเลเพลิง อีกด้านเป็นเมฆมงคล มีบางเรื่องที่เขาไม่อาจไม่ทำใจเชื่อได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ฝ่าบาทคงมิได้เป็นอันใดกระมัง อีกทั้งหากเขาเข้าวังไปในยามนี้ คงไม่แคล้วตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ในยามนี้อย่างแน่นอน

“ปิดการเข้าออกเมืองหลวงทุกเส้นทาง คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า” ในยามนี้คงทำได้เพียงป้องกันข้อมูลมิให้รั่วไหลออกไปได้เท่านั้น อีกทั้งยังต้องเร่งแก้ปัญหาให้ทันท่วงที เพลิงไหม้ในราชวังนั้น มันเผาร่างของผู้ใดกันแน่ อีกทั้งเมฆมงคลห้าสีที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

“ขอรับ”

ตี๋ตงหมิงพลันแบ่งกองกำลังทหารม้าภายในเมืองหลวงออกเป็นสี่กอง กองแรกให้มุ่งหน้าเข้าไปคุ้มครององค์จักรพรรดิ กองที่สองมอบหน้าที่ให้ไปคุ้มกันเหล่าองค์ชายทั้งหลาย พร้อมด้วยคณะขุนนาง เพื่อคอยปกป้องพวกเขา กองที่สามให้ไปคุ้มกันซีหลิงเทียนเหล่ย เป่ยหลิงเฟิ่งเฉียนและซูหว่าน อีกนัยหนึ่งคือให้ไปจับตามองพวกเขา หากเกิดเรื่องคับขันขึ้นจริง ๆ สามารถฆ่าพวกเขาได้เลย และกองที่สี่ ให้นำมาปกป้องคุ้มครองเมืองหลวงตรวจดูเวรยามให้แน่นหนา ไม่ให้ผู้ใดเข้าออกเมืองหลวงได้

ถ้าหากกล่าวว่า การระเบิดขึ้นในเมืองหลวงนั้น สามารถทำให้เสด็จอาเก้าตกตะลึงไปได้แล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีเมฆมงคลห้าสีโผล่ขึ้นมาเช่นนี้ กลับทำให้เสด็จอาเก้าสงสัยในดวงตาของตนเองยิ่งนัก แต่สมองของเสด็จอาเก้ากลับกล่าวว่า เขามิได้มองผิดไป

ไม่ใช่ ที่แห่งนั้นแลดูคุ้นตายิ่งนัก ถ้าหากเขามิได้จำผิดละก็ เมฆมงคลห้าสี่มันลอยอยู่บนจวนเฟิ่ง เสด็จอาเก้าจากที่ตึงเครียดอยู่นั้น พลันผ่อนคลายลงไปในทันที ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้

เสด็จอาเก้าพลันชำเลืองมองเฟิ่งชิงเฉินเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มมากมาย เขาก็รู้ว่าตนเองมิได้คิดผิดไป”เมฆมงคลห้าสี่ เจ้าเป็นคนทำงั้นรึ?”

บนยอดเขาลมแรงยิ่งนัก ทั้งสองตนจึงได้ยินแต่เสียง”ฟู่ ฟู่”ตามมา หากมองจากไกล ๆ จะเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคล้ายกับรูปปั้นหยกก็ไม่ปาน

“เหตุใดถึงมั่นใจว่าเป็นข้าละ?” เฟิ่งชิงเฉินหาได้ตอบคำถามไม่ นางกลับถามคำถามกลับแทน เพียงเกิดเสียงที่ดังสนั่นเมื่อครู่ ร่างกายของนางในยามนี้ แลดูจะนิ่งขรึมมากขึ้น มิได้มีท่าทีตื่นเต้นดีใจเฉกเช่นในคราแรกไม่ อารมณ์ที่นางตระเตรียมมาสิบกว่าวันนั้น เพียงเพื่อนาทีนี้ ยามที่ทุกอย่างเกิดขึ้นมานั้น อารมณ์ความยินดีปรีดาของนางก็หายไปในชั่วพริบตา

ฆ่าคนที่แท้ก็ง่ายดายเช่นนี้ เพียงแค่นางกดปุ่มลงไปเบา ๆ ผู้ที่ทำให้นางใช้ชีวิตลำบากมานับเดือนเช่นหลี่เซี่ยงก็ได้ตายจากไปในทันที เพราะการตายของหลี่เซี่ยง ทำให้ใจของเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่างเปล่า

นางและหลี่เซี่ยงย่อมต้องเป็นคนที่มาจากโลกเดียวกัน เพียงแค่ได้พบหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น ทว่าความแค้นกลับไม่มีวันเลิกรา แต่นางโชคดีกว่าหลี่เซี่ยงเพียงเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ต้องมาตกตายไปก็ยังคงเป็นหลี่เซี่ยงหาใช่นางไม่

“นอกจากเจ้าแล้วยังมีผู้ใดอีกงั้นหรือ? เมฆมงคลบนจวนเฟิ่งช่างงดงามยิ่งนัก” งดงามราวกับมิใช่ของจริง งดงามเสียจน ไม่มีผู้ใดเชื่อได้ว่ามันเป็นฝีมือของมนุษย์ที่ทำขึ้นมา ยามที่เสด็จอาเก้าคิดที่จะซักไซ้เฟิ่งชิงเฉินนั้น เขาพลันรู้สึกว่าตนเองราวกับมิได้รู้จักเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย

เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้คล้ายกับของสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน ทุกครั้งที่เขาคิดว่าขุดสมบัติขึ้นมาหมดแล้ว กลับต้องพบว่ามันยังมีสมบัติหรืออยู่อีกชั้นหนึ่ง ยิ่งเขาขุดลงไปมากเท่าใด ก็ยิ่งพบว่าตนเองไม่อาจจะรามือจากสมบัติได้เลยแม้แต่น้อย

บัณฑิตเปรียบเสมือนเรือ ราษฎรเสมือนน้ำ น้ำสามารถทำให้เรือล่องลอยเป็นอิสระได้ แต่ก็ทำให้เรือพลิกคว่ำได้เช่นกัน หากพบเจอกับแรงต่อต้านของราษฎรเมื่อใด แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่อาจควบคุมมันได้แน่ ราชวงศ์ก่อนมิใช่พ่ายแพ้ให้กับพลังของราษฎรงั้นหรือ

ปีศาจ เมฆมงคล ล้วนแต่เป็นจุดอ่อนของฝ่าบาททั้งหมด เกรงว่า แม้หลี่เซี่ยงจะมิได้ตาย ฝ่าบาทก็คงจะนำตัวหลี่เซี่ยงมาเผาไหม้ เพื่อสยบต่อความหวาดกลัวของเหล่าราษฎรกระมัง

“ย่อมต้องงดงาม ท่านวางใจได้ ข้าจักไม่เอาความมงคลมาใช้เช่นนี้อีก วิธีการเดียวกันเช่นนี้ ข้าย่อมไม่นำมาใช้เป็นครั้งที่สอง” เมฆมงคลที่ลอยอยู่บนจวนเฟิ่งนั้น ก็ค่อย ๆ จางหายไป หากมิใช่เพราะว่าเมฆมงคลห้าสีดูสะดุดตาผู้คนนั้น ผู้คนย่อมต้องสงสัยว่าตนเองเห็นผิดไปหรือไม่ นั่นแหละคือเป้าหมายในแผนการของนาง ” เสด็จอาเก้าเพคะ ในเมื่อพวกเราชมความงามของทิวทัศน์เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกันเถอะเพคะ ”

เช่นนี้ ไม่ว่าจะท้องถนนหรือบนฟากฟ้า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นางจะถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย

เฟิ่งชิงเฉินพลันหลับตาลง พร้อมกับพยายามอดกลั้นความรู้สึกที่อยู่ด้านในไม่ให้มันพรั่งพรูออกมา

เมื่อมีเรื่องมงคลเช่นนี้ เหตุการณ์ที่จวนเฟิ่งถูกเผาไหม้นั้นก็ย่อมได้รับการอธิบาย เรื่องราวของนางก็จะถูกชำระล้าง มลทินทั้งหลายที่อยู่ติดตัวนางนั้น ก็จะไม่มีผู้ใดกล้าหยิบยกขึ้นมา ทั้งยังไม่มีผู้ใดกล้าหยิบเรื่องที่นางสูญเสียพรหมจรรย์ก่อนแต่งขึ้นมาโจมตีนางอีก นางสามารถมีชีวิตเฉกเช่นคนปกติธรรมดาเสียที นางจะเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว

“กลับไป? เจ้าคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในพระราชวังเช่นนี้ เวรยามในเมืองหลวงจะไม่เข้มงวดมากขึ้นงั้นหรือ เจ้าคิดว่า เจ้าเข้าออกได้เป็นอิสระงั้นรึ? เจ้าคิดว่า ฝ่าบาทเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจะยอมรับได้หรือ”เสด็จอาเก้าพลันมองไปยังเฟิ่งชิงเฉินด้วยความขบขัน

มีองค์ชายมากมายอยู่ในเมืองเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่พลาดโอกาสเช่นนี้แน่ เฟิ่งชิงเฉินคิดว่า มากวนน้ำให้ขุ่นเช่นนี้แล้ว เพียงชั่วครู่น้ำมันจะกลับมาใสเหมือนเดิมหรืออย่างไร?

หลี่เซี่ยงตายแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องปวดหัวมากแน่ หากฝ่าบาทสืบพบว่า การตายของหลี่เซี่ยงเกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉินแล้วละก็ นางย่อมต้องปวดหัวมากกว่าเดิมอีก

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องกลับไปก็พอ จวนเฟิ่งก็ถูกทำลายลงแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีบ้านของข้าอีกต่อไป ใต้หล้าที่กว้างใหญ่เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่อาจไปที่ใดได้” เฟิ่งชิงเฉินพูดขึ้นมาราวกับคนหมดหนทาง นางเชื่อว่าเสด็จอาเก้าต้องมีหนทางคอยรับมือเป็นแน่ ถึงอย่างไร ฝ่าบาทย่อมไม่อาจสืบเจอนางได้ง่ายถึงเพียงนั้น

ในโลกนี้มีคนต้องการให้หลี่เซี่ยงตาย มีมากมายนัก เฟิ่งชิงเแินย่อมมิถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก ๆ หรอก อีกทั้งการตายของหลี่เซี่ยง จะต้องมีคนมาสร้างความลำบากให้กับองค์จักรพรรดิเป็นจำนวนมาก ฝ่าบาทย่อมไม่มีทางมาสนใจกุ้งตัวเล็ก ๆ เช่นนางเป็นแน่

อีกทั้ง ผู้คนที่อยู่ในเมืองหลวงหาได้มีคนคู่ควรให้นางคิดถึงมีมากมายไม่ หากมิใช่เพราะเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของคนไม่กี่คนนั้น เพื่อมิให้คนที่เข้ามาช่วยเหลือนางต้องพลอยมาตกระกำลำบากไปด้วย นางคงจากไปนานแล้ว

เสด็จอาเก้านั้น?

แต่เดิมเขาก็มิใช่เป็นผู้ที่นางจะสามารถครอบครองได้ง่ายแล้ว นางมิจำเป็นต้องดึงดันอีกต่อไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองในค่ำคืนเมื่อวานนี้นั้น เฟิ่งชิงเฉินจะคิดเสียว่า เสด็จอาเก้ามีฝีมือสูงส่ง สามารถทำให้เฟิ่งชิงเฉินมัวเมาไปกับเขาได้ นางจะถือเสียว่า เรื่องราวในค่ำคืนเมื่อวานเป็นความทรงจำดี ๆ ที่สามารถหวนกลับไปคิดนึกถึงได้แล้วกัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *