นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 961 เจียงหนาน,เด็กกำพร้าไร้พ่อแม่
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 961 เจียงหนาน,เด็กกำพร้าไร้พ่อแม่
ไม่ว่าจะเป็นความงดงาม ความเลิศล้ำ หรือความภูมิฐานสง่าผ่าเผย ผู้หญิงวัยกลางคนก็ไม่อาจสู้หญิงสาววัยละอ่อนได้ ช่วงนี้มีผู้หญิงเข้ามาในพระราชวังมากกว่าปกติ และมีหลายนางที่ตั้งครรภ์ ความลำบากตกมาถึงฮองเฮาแล้ว แม้ว่านางสนมซูจะเป็นที่โปรดปรานมากกว่าใคร แต่อย่างน้อยก็เป็นคนของนาง
“ที่มามาพูดนั้นก็ถูก เป็นข้าเองที่คิดมากเกินไป สิ่งที่ข้าควรกังวลไม่ใช่เรื่องนางสนมผู้เป็นที่รัก แต่เป็นเด็กในท้องของพวกนาง เด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยใกล้จะคลอดออกมาทุกที ไม่รู้ว่านางจะให้กำเนิดทารกเช่นใดออกมา”
ฮองเฮาคิดจะลงมือกับเด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยงั้นหรือ แต่ดวงชะตาของสนมเอกเซี่ยนั้นแข็ง ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ครั้งก็ถูกช่วยไว้โดยเฟิ่งชิงเฉิน
“เหนียงเหนียงวางใจ หมอหลวงกล่าวว่าสนมเอกเซี่ยนอนอยู่บนเตียงมาเนิ่นนาน ท้องของนางใหญ่ขึ้น ร่างกายของนางก็ยิ่งอ่อนแอ กระดูกเชิงกรานก็ยิ่งเล็กลง เกรงว่ายากที่จะคลอดออกมา ตราบใดที่เหนียงเหนียงขัดขวางนางเอาไว้ตอนที่สนมเอกเซี่ยกำลังคลอด เมื่อถึงเวลานั้นพวกนางอาจจะตายทั้งแม่และลูก หรือไม่ก็คนใดคนหนึ่ง เหมือนกับที่เหนียงเหนียงกล่าวเอาไว้”
อองเฮาได้ยินสิ่งที่มามากล่าวก็คิดว่ามันมีทางเป็นไปได้ ทั้งสองคิดว่าจะรั้งเฟิ่งชิงเฉินไว้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกำจัดเฟิ่งชิงเฉิน และในช่วงเวลาที่สนมเอกเซี่ยใกล้คลอด กัดเฟิ่งชิงเฉินออกไป เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ยังมีเวลาอีกสองเดือน พวกนางยังมีเวลาเตรียมตัว สุดท้ายฮองเฮาและมามายังไม่ทันคิดออกว่าทำอย่างไรถึงสามารถขัดขวางเฟิ่งชิงเฉินไว้ได้ พวกนางก็ถูกเรื่องอันยิ่งใหญ่ทำให้ตกใจจนขวัญหาย
องค์รัชทายาทที่ถูกกักบริเวณไปพร้อมกับลั่วอ๋อง แน่นอนว่าต้องถูกปล่อยตัวออกมาในพร้อมกัน ไม่มีทางที่องค์รัชทายาทจะถูกลืม เนื่องจากในราชสำนักมีผู้สนับสนุนเขาอยู่มากมาย ตอนแรกคิดว่าหลังจากลั่วอ๋องและองค์รัชทายาทได้รับอิสระอีกครั้ง พวกเขาจะต่อสู้กัน สุดท้ายผลที่ออกมากลับเกินกว่าที่ใคร ๆ คิดไว้
หลังจากลั่วอ๋องถูกปล่อยตัว เรื่องแรกที่เขาทำคือการขอรับโทษ เขากล่าวว่าตนเองนั้นโง่เขลา ทำให้เสด็จพ่อต้องเหนื่อย ในฐานะมนุษย์ที่เปล่าประโยชน์ จึงขอรับโทษจากจักรพรรดิ
จักรพรรดิเห็นตงหลิงจื่อลั่วรับโทษด้วยความเต็มใจ ประกอบกับเคยเป็นบุตรแห่งมังกร แน่นอนว่าต้องชื่นชมและมอบรางวัลให้แก่จวนลั่วจำนวนมาก ให้ขุนนางและแม่ทัพได้เข้าใจว่าจื่อลั่วยังคงเป็นบุตรแห่งมังกรเช่นเคย
แม้ว่าโจวอ๋องไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและทนกล้ำกลืนต่อไป ใครใช้ให้เขาไม่ใช่คนโปรดของจักรพรรดิ
หากการที่ลั่วอ๋องกลับมาเป็นบุตรแห่งมังกรอีกครั้งเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายของทุกคน เช่นนั้นการที่องค์รัชทายาทปลีกตัวออกไปยังเจียงหนานเพื่อฟื้นฟูร่างกายตนเองก็เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของทุกคน
ต้องรู้ก่อนว่ายามที่องค์รัชทายาทถูกกักบริเวณ เขามีอิสระและเย่อหยิ่งเพียงใด นอกจากองค์รัชทายาทไม่สามารถออกนอกจวนได้ ชีวิตขององค์รัชทายาทนั้นมีค่ากว่าที่เคยเป็น เพียงแต่จักรพรรดิทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง ทำเป็นมองไม่เห็นเท่านั้น
จักรพรรดิปฏิบัติต่อองค์รัชทายาทอย่างใจกว้าง ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงว่าองค์รัชทายาทยังมีสถานะบางอย่างในใจของจักรพรรดิ นอกจากนี้ การแสดงความสามารถและท่าทางขององค์รัชทายาทเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังทำให้เสนาบดีจำนวนมากคิดขึ้นมาได้คิดว่า ที่องค์รัชทายาทยังมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแย่งชิงอำนาจ
แม้ว่าร่างกายขององค์รัชทายาทจะไม่ค่อยดี เจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมาหมอหลวงบอกว่าความพัวพันทางอารมณ์ในหัวใจขององค์รัชทายาทถูกกำจัดออกไปแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิต สามารถอยู่ต่อไปได้อีกสองสามปีอย่างไม่มีปัญหา และหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ทำการรักษาต่อไปได้
แต่เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวยต่อองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทกลับตัดสินใจออกจากเมืองหลวง ไม่เพียงแค่นั้น ในฐานะแม่ทัพที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาขององค์รัชทายาท ชิงอ๋องได้มอบอำนาจในการปกครองทหารให้พาองค์รัชทายาทไปส่งยังเจียงหนานเพื่อพักฟื้นและดูแลตนเอง
จักรพรรดิโกรธมาก ตั้งแต่สมัยโบราณมีเพียงองค์รัชทายาทที่ถูกขับไล่ออกไป ไม่มีองค์รัชทายาทที่พาตนเองออกไปจากเมืองหลวง โดยเฉพาะนี่คือองค์รัชทายาทของจักรพรรดิ จักรพรรดิทรงพิโรธ “ข้าไม่เห็นด้วย หมอหลวงสามารถดูแลรักษาร่างกายขององค์รัชทายาทได้ จะไปเขตชนบทอย่างเจียงหนานเพื่อสิ่งใด”
“เสด็จพ่อ หมอหลวงกล่าวว่าเจียงหนานเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะแก่การพักฟื้นของลูก หากอยู่เจียงหนาน ลูกก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกครึ่งปีถึงหนึ่งปี เสด็จพ่อได้โปรดอนุญาต” องค์รัชทายาทก้มหน้าอย่างกล้าหาญ เขากล่าวออกมาจากใจจริง หากจักรพรรดิไม่เห็นด้วยก็เท่ากับว่าไม่อยากให้เขามีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น
จักรพรรดิโกรธมาก “เมืองจักรพรรดิยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีที่ซึ่งเหมาะสมกับการฟื้นฟูสภาพร่างกายของเจ้าเลยงั้นหรือ องค์รัชทายาท เจ้าอย่าลืมว่าด้วยสถานะของเจ้า ยังมีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบ เจ้าอยากจะไปเจียงหนานก็ได้ แต่เจ้าต้องละทิ้งตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าเสียก่อน ข้าจึงอนุญาตให้เจ้าไปยังเจียงหนาน”
“เสด็จพ่อ สภาพอากาศของเจียงหนานนั้นเลิศล้ำ อบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ นี่คือสิ่งที่เมืองหลวงไม่สามารถเทียบเคียงได้ แม้เมืองจักรพรรดิจะยิ่งใหญ่ แต่มันก็ไม่มีสถานที่ซึ่งเหมาะกับการพักฟื้นของข้า หากเสด็จพ่อไม่พอใจในตัวลูก ต้องการให้ลูกสละตำแหน่งองค์รัชทายาท ลูกก็จะไม่คัดค้าน” องค์รัชทายาทคุกเข่าลงพื้น ไม่ได้พูดว่าจะสละตำแหน่งด้วยตนเอง
ล้อเล่นหรืออย่างไร หากไม่มีสถานะขององค์รัชทายาท ใครจะช่วยพาเขาไปยังเจียงหนาน เขาจะทำอะไรที่เจียงหนานได้ และเขาจะติดต่อกับเสด็จอาเก้าได้อย่างไร
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าปลดเจ้าอย่างนั้นหรือ?” ในความจริงจักรพรรดิก็ไม่อยากที่จะปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่ง
จักรพรรดิปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่ง กับองค์รัชทายาทยอมสละตำแหน่งด้วยตนเอง ผลลัพธ์นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง องค์รัชทายาทไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใด จักรพรรดิปลดองค์รัชทายาทอย่างไร้เหตุผล มันมีแต่ทำให้เหล่าเสนาบดีและข้าราชบริพารคิดว่าเขาถืออารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำให้เหล่าขุนนางที่คอยสนับสนุนองค์รัชทายาทไม่พอใจ แต่หากองค์รัชทายาทยอมสละตำแหน่งด้วยตนเอง ความผิดทั้งหมดก็จะตกอยู่ที่องค์รัชทายาท
“ลูกอยู่ในสถานะองค์รัชทายาทมาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมาลูกก็ไม่เคยทำผิดแต่อย่างใด หากเสด็จพ่อต้องการปลดลูกลงจากตำแหน่ง ลูกก็ไม่มีสิ่งใดจะพูด” องค์รัชทายาทคุกเข่าอยู่ตรงนั้นราวกับว่าไม่เห็นความตำแหน่งองค์รัชทายาทอยู่ในสายตา
เขารู้ว่าจักรพรรดิไม่มีทางปลดเขาลงจากตำแหน่งด้วยตนเอง ชื่อเสียงของเขาในหมู่ขุนนางและประชาชนก็ถือว่าไม่เลว ประกอบกับร่างกายอันอ่อนแอของเขา เหตุใดจักรพรรดิต้องแบกรับความอับอายขายหน้า ทำให้เหล่าประชาชนและขุนนางรู้สึกว่าเขาเยือกเย็น สุดท้ายแค่รอให้เขาตายก็พอ อย่างไรร่างกายของเขาก็อ่อนแออยู่แล้ว ไม่มีทางมีอายุยืนยาวกว่าจักรพรรดิ
“เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่งั้นหรือ?” จักรพรรดิหรี่ตาลง ความดุร้ายเผยออกมาจากแววตาของเขา
เผชิญหน้ากับความโกรธของจักรพรรดิ องค์รัชทายาทรู้สึกเย็นวาบตรงสันหลัง พยายามสูดลมหายใจเข้า ราวกับมีอะไรบางอย่างกดทับอยู่ตรงหัวใจ หายใจแทบไม่ออก องค์รัชทายาทอยากจะตอบโต้กลับไปสักสองสามคำ แต่ในตอนที่เขากำลังจะพูดออกไป เขากลอกตา ตาทั้งสองข้างปิดลงและหมดสติไป
เสียงร่างกายกระทบพื้น ไม่เพียงแค่เหล่าขุนนางเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่จักรพรรดิเองก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาจึงรีบไปเรียกหมอหลวงมาโดยเร็ว
แม้จักรพรรดิจะโหดร้าย แต่เขาก็ไม่เคยเข่นฆ่าลูกชายของเขาเอง หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่ต้องการแบกรับความอับอายหากลูกชายของเขาต้องมาตายไปเช่นนี้
หมอหลวงมาถึงอย่างรวดเร็ว ในฐานะคนไข้เก่า หมอหลวงรู้อาการขององค์รัชทายาทเป็นอย่างดี หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยก็เขียนใบสั่งยา และสั่งให้คนในพระราชวังรีบไปปรุงยาทันที
“องค์รัชทายาทเป็นอย่างไรบ้าง?” ไม่สนว่าจะชอบใจหรือไม่ แต่สิ่งที่ผู้เป็นพ่อควรทำก็ต้องแสดงออกมา
หมอหลวงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง พูดออกมาอย่างระมัดระวัง “องค์รัชทายาทมีอาการหัวใจวายกะทันหัน ต้องการพักผ่อนอย่างสงบ ไม่เช่นนั้นคงอยู่ได้อีกไม่เกินสามเดือน”
อยู่ได้อีกไม่เกินสามเดือน?
สีหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนไปทันที
หากเวลานี้ยังไม่ยอมให้องค์รัชทายาทเสด็จไปรักษาอาการป่วยที่เจียงหนาน เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าลูกชายของตนเอง จักรพรรดิไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดก็อนุญาตให้องค์รัชทายาทไปยังเจียงหนาน และยังทรงรับสิ่งอีกว่าหากไม่หายดีห้ามกลับมายังเมืองหลวง
อยากไปเจียงหนานอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ไปเสียให้ไกล และอย่าคิดที่จะหวนกลับมา
ไม่สามารถกลับเมืองหลวงได้หากไม่มีคำสั่ง แม้จะไม่ได้ปลดองค์รัชทายาทลงจากตำแหน่ง แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกัน องค์รัชทายาทที่ไม่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ เช่นนั้นเขายังมีโอกาสได้เป็นผู้สืบทอดอยู่อีกงั้นหรือ?
เมื่อเจ้าชายได้รับพระราชโองการจากจักรพรรดิ เขาไม่ได้มีความสุขหรือเสียใจแต่อย่างใด เขาสั่งให้เหล่าองครักษ์เก็บของ เตรียมตัวออกเดินทางไปยังเจียงหนาน
เสด็จพ่อที่ไร้ซึ่งความรู้สึก เขาตงหลิงจื่อเทียน นับตั้งแต่วันนี้ไปจะกลายเป็นคนไร้ซึ่งพ่อแม่ เขาจะมีชีวิตอยู่เพื่อตนเองเท่านั้น……
Comments