นายน้อยเจ้าสำราญ 1115 ถามใจ (2)

Now you are reading นายน้อยเจ้าสำราญ Chapter 1115 ถามใจ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1115 ถามใจ (2)

ยามราตรีบนเขาหานซานเงียบสงัด

ที่นี่กับเมืองกวนหยุนถือเป็นสถานที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่ในลานของเรือนหยุนชิงพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดารา เงยหน้าอยู่เนิ่นนานจนเริ่มปวดคอขึ้นมาแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในจวนฟู่ ณ หลินเจียง สิ่งที่ได้เห็นเป็นอย่างแรกคือโลกที่มิคุ้นเคย ทว่าก็สงบมากยิ่งนัก

ความสงบเยี่ยงนี้คือสิ่งที่ตนชอบมากที่สุด แต่หลังจากนั้นก็ได้ก้าวเข้าสู่หนทางของทางการอีกครา

ณ จินหลิงแห่งราชวงศ์หยู สามารถเอ่ยได้เลยว่าน่าตื่นเต้นในทุกย่างก้าว ตนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มาซึ่งเกียรติยศ เพื่อมอบความสงบสุขให้แก่ภรรยาและเพื่อหนทางในอนาคตที่ถือว่ามิเลว

ตอนนั้นเขามิเคยคิดเลยว่าจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงใต้หล้านี้

หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เกรงว่าใต้หล้าในบัดนี้ก็ยังคงเป็นการรวมพลังของทั้งห้าแคว้นดังเดิม และราชวงศ์หยูในปัจจุบันก็คงจะเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ตนในฐานะติ้งอันป๋อหรือเซิ่งกั๋วกง ก็คงยังพักอยู่ที่จวนฟู่ริมทะเลสาบซวนอู่ดังเดิม เมื่อมีเวลาว่างก็หยอกล้อกับบุตร บางทีตอนนี้ตนอาจจะกำลังนั่งสนทนาเรื่องความรักกับเหล่าภรรยาอยู่ก็เป็นได้ หรือบางทีอาจจะดื่มสุรากับหนิงหยู่ชุน เยี่ยนซีเหวินและคนอื่น ๆ อยู่ที่หอซื่อฟาง

ทว่าสุดท้ายก็วิ่งออกนอกเส้นทางจนได้ ราวกับมีมือที่มองมิเห็นผลักเข้าไปในความมืดก็มิปาน

ออกนอกเส้นทางตั้งแต่เมื่อใดกัน ?

หากจะให้เอ่ยอย่างจริงจัง คาดว่าคงเป็นในยามที่เข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋เมื่อครานั้น

หากมิมีเหตุการณ์หิมะถล่มครานั้น…ตนก็อาจจะได้อยู่ในราชวงศ์อู๋อย่างสุขสบายในฐานะรัชทายาท

หากจักรพรรดิเหวินยังคงครองบัลลังก์ ตนที่อยู่ในฐานะรัชทายาทก็คงได้อยู่อย่างสุขสบาย พักอยู่ในคฤหาสน์จิ้งหู มาร่วมฟังประชุมราชสำนักเป็นครั้งครา ประดิษฐ์สิ่งของเล็ก ๆ ขึ้นมายามว่าง เกรงว่าด้วยเวลาที่มากมายนั้นตนจะยังคงใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านได้ดังเก่าก่อน

หากเป็นเช่นนั้น…เกรงว่าตนก็คงมิขัดแย้งกับอดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนได้กลับมาหวนคิดในตอนนี้ เขามิได้เกลียดชังอดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู เพราะเมื่อจักรพรรดิเหวินจากไปแล้ว ตนก็จำต้องขึ้นครองบัลลังก์ต่อ

ความสามารถที่เขาได้แสดงไว้ในราชวงศ์หยู มิว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเกษตรและโดยเฉพาะการทหาร อดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยูก็คงอดที่จะระแวงมิได้ เพื่อราชวงศ์หยู อดีตฮ่องเต้จำต้องยื่นมือวางแผนให้เขาตกตายอย่างเลี่ยงมิได้ หากลองคิดกลับกันแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่ตนจะเลือกเช่นเดียวกับอดีตฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยู จนถึงขั้นอาจจะลงมือได้โหดร้ายยิ่งกว่า

เมื่อได้ก้าวเข้าสู่หนทางจักรพรรดิแล้ว ดั่งที่มีคนเคยกล่าวไว้…นี่คือหนทางที่มิอาจหวนกลับ !

ห้าแคว้นรวมเป็นหนึ่ง นี่คือเกียรติคุณที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า !

ผืนปฐพีทั้งสี่ทิศสงบสุข ราษฎรประกอบอาชีพอย่างมีความสุข หนวดของประเทศต้าเซี่ยยืดยาวออกไปเรื่อย ๆ ฟู่เสี่ยวกวนเชื่อว่า หากตนยังคงเป็นจักรพรรดิจนถึงอายุ 60 ปี กองทัพบกและกองทัพเรือของประเทศต้าเซี่ยจะครอบครองใต้หล้าได้สำเร็จ

ทว่านี่มิใช่สิ่งที่เขาอยากทำโดยแท้จริง

สิ่งที่เขาคิดไว้คืออาศัยตอนที่ตนยังหนุ่มยังแน่น พาเหล่าภรรยาออกไปท่องเที่ยวทั่วหล้า หลังจากนั้นก็หาสถานที่ที่มีภูเขามีแม่น้ำมีทุ่งนาเพื่อตั้งถิ่นฐาน และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปชั่วชีวิต

ถึงแม้จะบอกกับโจวฮุยว่าตนจะมิเป็นจักรพรรดิแล้ว ทว่าสุริยาก็ยังคงขึ้นสู่ท้องนภาและลาลับในทุก ๆ วัน ดังนั้นสามารถทำได้ง่ายดายอย่างที่เอ่ยจริง ๆ หรือ ?

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศต้าเซี่ยยังมิเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมคราที่สอง แต่ประเทศแถบตะวันตกกลับพัฒนาราวกับติดปีก

ยังมีราษฎรของประเทศต้าเซี่ยอีกจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อุดมการณ์การปกครองของเหล่าขุนนางยังต้องเสริมความแข็งแกร่งเข้าไปอีก

การค้าระหว่างประเทศของต้าเซี่ยได้เปิดออกแล้ว ในการแข่งขันระดับสากล ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของประเทศต้าเซี่ยจะมิถูกโค่นล้มและมิถูกยึดส่วนแบ่งตลาดในท้ายที่สุด ?

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ราวกับโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างของฟู่เสี่ยวกวนเอาไว้ เขาได้สร้างกรงนกมากักขังตนเอง

“อย่างนี้เรียกว่าหาเรื่องใส่ตัวใช่หรือไม่ ? ”

“ข้าหัวเราะผู้อื่นกลับมองมิออก ผู้อื่นหัวเราะข้ากลับเสียสติ ข้าจะสามารถปล่อยวางได้จริง ๆ หรือ ? ”

จันทราสว่างเจิดจ้า สีหน้าของฟู่เสี่ยวกวนสงบเยือกเย็นราวกับแม่น้ำ

ซูซูเดินออกมาจากเรือน สวมเสื้อคลุมให้กับเขาแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “อากาศบนภูเขาหนาวเย็นมากยิ่งนัก สามี…ช่วงนี้ท่านมิมีความสุขเอาเสียมาก ๆ ”

“อือ… ดังนั้นข้าจึงอยากอยู่ที่นี่เงียบ ๆ พลางครุ่นคิดไปว่าต้องทำเยี่ยงไรถึงจะสามารถทวงความสุขของข้าให้คืนกลับมาได้”

ซูซูอยู่เคียงข้างฟู่เสี่ยวกวนในทุก ๆ ช่วงเวลา นางได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนขึ้นเป็นติ้งอันป๋อแห่งราชวงศ์หยูด้วยสายตาของตนเอง หลังจากนั้นก็กลายเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์อู๋ ทั้งยังได้ยึดครองประเทศที่ใหญ่โตนี้ไว้ ทำให้ห้าแคว้นรวมเป็นหนึ่งแล้วสร้างประเทศต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรขึ้นมา

ในช่วงหลายปีมานี้เขาวุ่นวายอยู่ตลอด เพื่อประเทศต้าเซี่ย เพื่อราษฎรของต้าเซี่ย

แม้ว่าเขาจะยกเลิกประชุมเช้าไปแล้ว ทว่าแท้จริงแล้วเขายังคงทำงานหนักเพื่อประเทศต้าเซี่ยมาโดยตลอด

เขาเลี้ยงหมูเพราะอยากให้ราษฎรได้ทานเนื้อ เขาได้สร้างเรือรบขนาดใหญ่ขึ้นมา เพื่อคุ้มกันเส้นทางเดินเรือของประเทศต้าเซี่ย

เขาแสดงให้ทุกคนเห็นเพียงด้านที่กระตือรือร้น ยามที่อยู่ในวังหลวง เขามิแม้แต่จะเผยความเหนื่อยล้าภายในจิตใจของเขาออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

พี่สาวชูหลานเอ่ยว่าสามีเหนื่อยมามากแล้ว

ดังนั้นพี่สาวชูหลานถึงได้หารือกับเสด็จแม่และได้สร้างกลุ่มจินเฟิ่งต้าเซี่ยขึ้นมา

นี่คือสิ่งที่พี่สาวชูหลานเตรียมไว้ให้สามีหลังจากสละราชบัลลังก์ พี่สาวชูหลานเอ่ยว่าธุรกิจที่ใหญ่โตของตระกูลพวกเราย่อมทำเงินได้จำนวนมหาศาล ภายภาคหน้าเมื่อสามีมิได้เป็นจักรพรรดิแล้ว เขาอาจจะออกเดินทางไปทั่วหล้า

สิ่งเหล่านี้ต่างก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น

สุดท้ายแล้วสามีจะไปหยุดพักอยู่ที่ใด ก็มิอาจมีผู้ใดคาดเดาได้ พี่สาวชูหลานยังเอ่ยอีกว่า เขาจะต้องอยากเป็นเศรษฐีที่ดินที่มั่งคั่งที่สุดเป็นแน่ !

ซูซูรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมยิ่ง

พี่สาวน้องสาวคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าความคิดนี้ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน

แม้แต่จักรพรรดินีหยูเวิ่นหวินเองก็เอ่ยไว้ว่าขอเพียงสามีพาไป นางก็จะละทิ้งตำแหน่งจักรพรรดินีเพื่อตามเขาไปทันที

ดวงตากลมโตคู่นั้นหันไปมองทางฟู่เสี่ยวกวน ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “แท้ที่จริง…ท่านมิต้องกังวลอันใดทั้งนั้น ท่านอยู่ที่ใด ที่นั่นถือว่าเป็นบ้านของพวกเรา”

“วิธีบำเพ็ญตนของสำนักเต๋าคือการเคารพจิตใจ ใช้หัวใจเป็นตัวนำทาง สามี…เหตุใดต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้ หากเลือกมิได้ก็เพียงแค่เอ่ยถามหัวใจก็พอแล้วเพค่ะ”

ฟู่เสี่ยวกวนตื่นตกใจขึ้นมาทันพลันพลัน ใช้หัวใจเป็นตัวนำทาง หากเลือกมิได้เพียงแค่เอ่ยถามหัวใจก็พอแล้ว !

ใช่ ! เดิมทีข้าควรถามใจของตนเอง จิตใจของข้าใฝ่หาอิสระ ข้าจะมิยอมทนทุกข์อยู่ในกรงนกเป็นอันขาด เหตุใดข้าต้องถามความเห็นจากผู้อื่นด้วยกัน ?

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะร่าขึ้นมาพลางคว้าตัวซูซูเข้าไปกอด “เจ้าเอ่ยได้ถูกต้อง สามีเข้าใจแล้วว่าควรทำเยี่ยงไรต่อไป”

ซูซูเงยหน้าขึ้นมองฟู่เสี่ยวกวน “สามีต้องการทำอันใดเยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”

“หลังจากจบสงครามทางทะเลครานี้แล้ว ปีหน้าสามีจะทำแผนพัฒนาระยะห้าปีฉบับที่สองให้เสร็จสมบูรณ์ แล้วจะแต่งตั้งให้อู๋เทียนซื่อเป็นรัชทายาท เสนาบดีอาวุโสทั้งสาม… ไม่สิ ! สามีจะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เสนาบดีอาวุโสทั้งสามจะถูกแต่งตั้งให้เป็นคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือรัชทายาทในด้านการปกครอง จากนั้นก็จะโยกย้ายเยี่ยนซีเหวิน หยุนซีเหยียนและหนิงหยู่ชุนมาเมืองหลวงเพื่อดำรงตำแหน่งเสนาบดีอาวุโสทั้งสามสำนักแทนพวกเขา”

“แล้วพวกเราจะไปที่ใดเยี่ยงนั้นหรือเพคะ ? ”

“ฮึ ๆ พวกเราจะต้องวิ่งออกไปให้ไกลสักหน่อย มิเช่นนั้น…พวกเขาจะต้องมารบกวนข้าเป็นแน่”

“วิ่งไปที่ใดกันเพคะ ? ”

“วิ่งออกทะเล เจ้าเห็นเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“ดีเพคะ ! ”

“ซูซู พวกเราควรเข้านอนได้แล้ว”

ใบหน้าของซูซูแดงก่ำขึ้นมาทันพลัน นางซบศีรษะลงบนอกของฟู่เสี่ยวกวน แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “เพคะ ! ”

…..

…..

ราตรีนี้ เพราะคำเอ่ยของซูซู ฟู่เสี่ยวกวนถึงได้ปลดโซ่ตรวนที่คอยพันธนาการเขาออกไปได้โดยสมบูรณ์

ราวกับเขาเป็นวัวที่มิรู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ไถพรวนดินอยู่ครึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนพร้อมด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

การนอนครานี้ ฟู่เสี่ยวกวนนอนหลับได้อย่างสนิทใจ ราวกับซูซูได้เห็นสามีที่เหมือนกับเด็กน้อยผู้หนึ่ง ใบหน้าของเขายังคงยิ้มบาง ๆ จนถึงรุ่งสาง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด