นายน้อยเจ้าสำราญ 1118 บ้านเกิด
ตอนที่ 1118 บ้านเกิด
เรือโดยสารลำหนึ่งที่แล่นออกจากเมืองจินหลิงไปยังหยวนตงเต้าได้เทียบท่า ณ ท่าเรือเซียอี๋
นี่คือเรือโดยสารส่วนตัวซึ่งแล่นอยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่นี้เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้ว
บนเรือโดยสารลำนี้บรรจุคนทั้งสิ้น 800 คน โดย 300 คนเป็นกะลาสี ส่วนอีก 500 คนที่เหลือล้วนเป็นบ่าวรับใช้ทั้งสิ้น
ส่วนเจ้านายของพวกเขาก็คืออดีตองค์หญิงใหญ่หยูซูหรงแห่งราชวงศ์หยูและอดีตองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวยิงฮวา
องค์หญิงใหญ่หยูซูหรงได้ขายอุตสาหกรรมทุกอย่างของนางในเมืองจินหลิงเพื่อแลกกับทรัพย์สมบัติจำนวน 1 ลำเรือ นางและยิงฮวาเดินทางมาถึงหยวนตงเต้าแล้ว บางทีที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่คู่ควรกับนางหรือบางทีก็อาจจะมิใช่
ในที่สุดหยูซูหรงและยิงฮวาก็ได้เหยียบพื้นธรณีเสียที นางจ้องมองไปยังท่าเรือที่กำลังยุ่งวุ่นวาย มีอู่ต่อเรือขนาดมหึมาอยู่มิไกลออกไป
ยิงฮวาได้เขียนจดหมายมาบอกกับเถิงหยวนจี้เซียงแล้ว ดังนั้นเถิงหยวนจี้เซียงจึงได้พาบ่าวรับใช้สามคนมารอพวกนางอยู่ที่นี่
ชั่วอึดใจที่ยิงฮวาพบกับเถิงหยวนจี้เซียงนางก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาทันใด เนื่องจากในอ้อมอกของเถิงหยวนจี้เซียงมีทารกน้อยอยู่หนึ่งคน !
“เจ้าออกเรือนแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เถิงหยวนจี้เซียงยิ้มอย่างสดใส ผ่านไปชั่วครู่นางถึงพยักหน้าตอบ
“ตั้งแต่เมื่อใดกัน ? ”
“…เดือนสิบเอ็ดเมื่อปีกลายเพคะ”
“ลูกเจ้าอายุเท่าใดแล้ว ? ”
“เพิ่งจะครบสองเดือนเพคะ…ไปกันเถิด จากความประสงค์ขององค์หญิง ข้าได้ซื้อเรือนที่เซียอี๋ไว้ให้ท่านหนึ่งหลัง อยู่มิห่างจากจวนข้าเท่าใดนัก เรือนนั้นมิเลวเลย มีทั้งภูเขาและต้นน้ำลำธาร ประเดี๋ยวท่านจงลองดูว่าขาดแคลนสิ่งใดอีก องค์หญิงสามารถมาแจ้งกับข้าได้ได้โดยตรง…ท่านผู้นี้คือ ? ”
หยูซูหรงจ้องมองเถิงหยวนจี้เซียงแล้วยกยิ้มขึ้น “ข้าเป็นสหายของแม่นางยิงฮวา นามว่าหยูซูหรง”
“อ้อ ! ของที่พวกท่านนำมานั้นมากมายเลยทีเดียว แท้ที่จริงมิจำเป็นต้องนำมามากมายถึงเพียงนี้ เนื่องจากบัดนี้เซียอี๋รุ่งเรืองกว่าแต่เก่ามากนัก มิว่าจะเป็นสินค้าในเมืองกวนหยุนหรือเมืองจินหลิงก็สามารถหาซื้อได้จากที่นี่ แม้แต่สุราซีซานก็ยังมี อีกทั้งราคามิแพงอีกด้วย หากพวกท่านพักผ่อนกันเพียงพอแล้วข้าจะพาพวกท่านไปเดินชม”
“ขอบคุณน้องสาวมากยิ่งนัก”
“องค์หญิงอย่าได้ตรัสเช่นนั้นเลยเพคะ เยี่ยงไรเสียพวกเราสองคนก็เติบใหญ่มาด้วยกัน นับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกันมาตั้งแต่ยังเยาว์”
“อย่าเรียกข้าว่าองค์หญิงอีกเลย แคว้นหลิว…จบสิ้นไปเนิ่นนานแล้ว”
นี่ช่างเป็นประโยคสนทนาที่ค่อนข้างเศร้าโศกเลยทีเดียว เถิงหยวนจี้เซียงจึงรีบยกยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยขอโทษทันใด ก่อนจะแก้ไขคำเอ่ยเป็น “พี่ยิงฮวาเชิญขึ้นรถม้าเถิด”
“อืม…รบกวนน้องจี้เซียงนำทางด้วย”
ขบวนรถม้ายาวเหยียดเดินทางออกจากท่าเรือเซียอี๋ วิ่งไปบนถนนในเมืองเซียอี๋ เลี้ยวไปมาราวครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งมาถึงตรอกที่เงียบสงบ จากนั้นก็หยุดอยู่หน้าประตูเรือนหลังใหญ่หลังหนึ่ง
“ถึงแล้ว ด้านในนี้ได้ก่อสร้างให้คล้ายคลึงกับเจียงหนาน เรือนนี้มีเรือนรับรอง 5 แห่ง ตกแต่งได้งดงามมากยิ่งนัก เพียงแต่ราคาค่อนข้างสูงไปสักหน่อย ทว่าอยู่แล้วสบายใจ เรือนของข้าอยู่ถัดไปจากนี้อีก 5 ห้อง นับจากนี้ไปพวกเราสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา”
“คนที่ซื้อเรือนเหล่านี้ล้วนเป็นชาวเซียอี๋ทั้งหมดเลยหรือ ? ” หยูซูหรงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“มิใช่หรอก ! ล้วนเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาจากต้าเซี่ย ข้าง ๆ เรือนของท่านเป็นเรือนของตระกูลซือหม่าพ่อค้าผ้าไหมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในต้าเซี่ย ทว่าพวกเขามิค่อยอยู่ที่นี่หรอก อ้อจริงสิ ! พวกท่านเพิ่งจะเดินทางมาคาดว่าคงจะยังมิรู้ บัดนี้ในทะเลกำลังจะเกิดสงคราม”
หยูซูหรงชะงักงันลงทันใด “สงครามเยี่ยงนั้นหรือ ? รบกับผู้ใดกัน ? ”
“ข้าได้ยินท่านพ่อเอ่ยว่าทำสงครามกับฝูหล่างจี…ก็คือฝูหล่างจีที่เคยโค่นล้มแคว้นหลิวในตอนนั้น ทว่าบัดนี้กองทัพเรือที่หนึ่งยังมิได้ส่งข่าวคราวมา มิรู้ว่ากองทัพเรือของต้าเซี่ยของพวกเราได้เผชิญหน้ากับฝูหล่างจีแล้วหรือยัง”
จากความสามารถของต้าเซี่ย หยูซูหรงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทหารของต้าเซี่ยเก่งกาจมิมีแคว้นใดเทียบเคียงได้หากทำสงครามบนบก แต่สงครามทางทะเลนั้น…
นี่เป็นคราแรกที่หยูซูหรงได้พบกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ นางจึงเพิ่งจะเข้าใจว่ามหาสมุทรนี้กว้างขวางเกินกว่าจะจินตนาการ
หากต้องทำสงครามกลางท้องทะเล ทหารเรือของต้าเซี่ยที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียงแค่ 3 ปี เคยทำสงครามเพียงแค่หนึ่งครา แม้จะชนะ แต่ก็ได้ยินมาว่าสูญเสียมากมายเลยทีเดียว
ในครานี้มิรู้ว่าศัตรูจำนวนมากเท่าใด กองทัพเรือของต้าเซี่ยจะสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้หรือไม่ ?
หากว่าสู้มิได้ กองทัพเรือของฝูหล่างจีก็จะตรงเข้ามายังหยวนตงเต้า และสถานที่แห่งนี้เกรงว่าจะถูกทำลายอีกครา
ดูเหมือนว่านางจะเดินทางมามิถูกจังหวะเสียแล้ว
“เข้าไปด้านในเถิด พวกท่านมิต้องกังวลไป พวกเราได้เห็นการฝึกของทหารเรือต้าเซี่ยมาแล้ว ท่านพ่อกล่าวว่าแม้เรือรบของพวกเราจะน้อยไปสักหน่อย ทว่าย่อมสามารถรบชนะได้อย่างแน่นอน”
เรื่องเกี่ยวกับสงคราม สตรีทั้งสามคนมิมีความรู้สักเท่าใดนัก พวกนางจึงได้ปล่อยวางเรื่องสงครามลง แล้วเดินตามเถิงหยวนจี้เซียงเข้าไปด้านใน
เป็นจริงดังนั้น การประดับตกแต่งช่างคล้ายคลึงกับเจียงหนานที่คุ้นเคย
หยูซูหรงกำชับให้บ่าวรับใช้นำกล่องสมบัติทรัพย์สินเงินทองเข้ามาด้านใน ทั้งสามคนเดินมาถึงศาลาข้างสวนดอกบัวด้านในเรือนหลัก จากนั้นจึงนั่งลงพักผ่อน
ยิงฮวากวาดสายตามองไปรอบ ๆ อยู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าเรือนนี้มิมีร่องรอยของแคว้นหลิวอยู่เลย
นางเคยเดินทางมาที่เซียอี๋ก่อนหน้านี้ ในตอนนั้นสถานที่แห่งนี้ทุรกันดารเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นที่อยู่ของชาวประมง พวกเขาหาปลาเพื่อประทังชีวิตทั้งสี่ฤดู ทว่าบัดนี้เล่า ?
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าได้ก่อตั้งโรงงานอาหารกระป๋องขึ้นมาแห่งหนึ่งเยี่ยงนั้นหรือ ? ” ยิงฮวาเอ่ยถาม
เถิงหยวนจี้เซียงยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับว่า “เดิมทีมีอยู่แห่งหนึ่ง ทว่าบัดนี้…ขยับขยายเป็น 5 แห่งแล้ว”
“คงได้กำไรดีเลยทีเดียวสินะ ? ”
“ก็พอได้บ้าง ที่สำคัญคือบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) ลงทุนมากมายเลยทีเดียว มิเช่นนั้นคงมิอาจพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หรอก”
หยูซูหรงชะงักเล็กน้อย บริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปมีอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้สังกัดมากมาย แม้แต่อุตสาหกรรมในหนานซานของนางก็ได้ขายให้กับบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปนี้
นางรู้สึกว่าบริษัทนี้มีเงาของฟู่เสี่ยวกวนอยู่ แต่เมื่อลองคิดดูอีกที บัดนี้ฟู่เสี่ยวกวนก็เป็นถึงองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยแล้ว เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ
แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังบริษัทจินเฟิ่งต้าเซี่ยกรุ๊ปคือผู้ใดกัน ?
“ข้าจำได้ว่าที่เซียอี๋นี้เดิมทีล้วนเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมง”
“ถูกต้องแล้ว บัดนี้ก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเขาอยู่ เพียงแต่พวกเขาได้ขึ้นมาอยู่อาศัยบนบกแล้ว มิได้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือเฉกเช่นแต่ก่อน บรรดาชายหนุ่มก็ยังคงออกเรือไปจับปลา ทว่าเหล่าสตรีทั้งหลายจะคอยอยู่ที่เรือน โรงงานของข้าเต็มไปด้วยสตรี และรายได้ที่พวกนางได้รับก็มิน้อยไปกว่าสามีของพวกนางเลย ดังนั้นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเซียอี๋ก่อนหน้านี้จึงได้ซื้อบ้านและลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่จำนวนมากเลยทีเดียว”
“เมื่อบุตรหลานของพวกเขาอายุได้ 6 ปีก็จำต้องเข้ารับการศึกษาในโรงเรียน ข้าคิดว่าอีกราวสองชั่วอายุคน ศิลปะการจับปลาเหล่านี้เกรงว่าจะสูญหายไปเสียแล้ว”
ยิงฮวารับฟังอย่างเงียบ ๆ ขณะเดียวกันนางก็คิดถึงฟู่เสี่ยวกวนด้วยเช่นกัน
บรรดาประชากรในหยวนตงเต้าต่างก็มีชีวิตที่ดีขึ้น หากเปรียบเทียบกับอดีตแคว้นหลิว คงจะดีกว่ามิรู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เมื่อชีวิตดีขึ้นเช่นนี้ ประชากรในหยวนตงเต้าก็คงจะมินึกถึงแคว้นหลิวในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผ่านไปแล้ว บัดนี้เป็นหนังสือบทใหม่ พี่ยิงฮวาพวกท่านพักอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนเถิด หากพวกท่านสมัครใจก็สามารถทำการค้าที่นี่ได้ ประชากรในต้าเซี่ยเดินทางมาที่นี่มากมายเลยทีเดียว จริง ๆ ในตอนนี้แทบมิมีคนใดที่บอกว่าตนเป็นชาวหลิวดั้งเดิมแล้ว”
ยิงฮวาพยักหน้าตอบรับแล้วฝืนยิ้มขึ้นมา “สามีของเจ้าคือผู้ใดกัน ? จะต้องเป็นบุตรของขุนนางใหญ่เป็นแน่”
ริมฝีปากของเถิงหยวนจี้เซียงเผยอขึ้นเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาสีคราม นั่นสินะ…เขาเป็นบุตรของขุนนางใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ
“เขาน่ะหรืองานยุ่งมากยิ่งนัก ยุ่งเสียจนมิมีเวลาเดินทางกลับมาเลยล่ะ คาดว่าพวกท่านคงยากที่จะได้พบแล้วล่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าจงระมัดระวังเอาไว้ ชายหนุ่มที่มิมีภรรยาคอยอยู่ข้างกายก็เปรียบเสมือนกับแมวที่มักจะขโมยกินปลาทู ! ”
เถิงหยวนจี้เซียงก้มมองทารกน้อยในอ้อมอก จากนั้นก็หัวเราะเยาะตนเองว่า “จะให้ข้าทำเยี่ยงไรเล่า ? ผู้ใดใช้ให้เขามีความสามารถกัน มีความสามารถจนข้ามิอาจหยุดใจของตนเองได้”
Comments