นายน้อยเจ้าสำราญ 1159 รายงาน

Now you are reading นายน้อยเจ้าสำราญ Chapter 1159 รายงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1159 รายงาน

ณ พระราชวัง แคว้นซูเฟิง

“ฝ่าบาท…นี่เป็นรายงานด่วนที่สายสืบของพวกเราส่งมาจากแคว้นเทียนเย่าพะยะค่ะ!”

“เกิดอันใดขึ้น ? แคว้นเทียนเย่าจะเข้ามารุกรานแคว้นของพวกเราเยี่ยงนั้นหรือ ? ” จักรพรรดิซูลี่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เพราะหากแคว้นเทียนเย่าบุกรุกเข้ามาอีกครา ศึกครานี้คงจะเป็นศึกที่สาหัสสากรรจ์น่าดู !

ขันทีผู้หนึ่งได้ส่งมอบรายงานฉบับนี้ให้แก่เขา เมื่อเขาเปิดอ่านก็ตื่นตกใจเสียจนสะดุ้งโหยง เหล่าเสนาบดีเมื่อเห็นดังนั้นก็ตื่นตกใจไปตาม ๆ กัน หรือว่าสิ่งที่ฝ่าบาททรงตรัสจะเป็นเรื่องจริง ?

“ต้องทำศึกอีกคราเยี่ยงนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“เยี่ยงนั้นต้องรีบรวบรวมเสบียงแล้ว ! ”

“แจ้งข่าวให้แคว้นซ่างหลัวทราบสักหน่อย จริงสิ ! แคว้นซ่างหลัวมีกองทัพต้าเซี่ยคอยหนุนหลังอยู่มิใช่หรือ ? ”

“หรือว่าพวกเราจะไหว้วานให้จักรพรรดิแคว้นซ่างหลัวขอร้องกองทัพต้าเซี่ยให้ออกรบแนวหน้าเพื่อทำลายความเหิมเกริมของแคว้นเทียนเย่าดี ? ”

เหล่าขุนนางกระซิบกระซาบกันเสียงดังเซ็งแซ่

ทว่าอยู่ ๆ ซูลี่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำเอาเหล่าเสนาบดีงุนงงไปตาม ๆ กัน พวกเขาหันไปมององค์จักรพรรดิโดยพร้อมเพรียง นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ?

“ข่าวดี…ช่างเป็นข่าวดีเสียจริง ! ”

ซูลี่ชูกระดาษรายงานขึ้นมาพลางเอ่ยว่า “แคว้นเทียนเย่าถูกกองทัพต้าเซี่ยทำลายล้างจนย่อยยับแล้ว ! ”

เขาประกาศรายงานด่วนเสียงดัง เขาคิดว่าเหล่าเสนาบดีด้านล่างต้องโห่ร้องด้วยความดีใจเป็นแน่ แต่คาดมิถึงว่าเมื่อสิ้นเสียงประกาศของเขา ขุนนางเหล่านี้จะเงียบกริบ

เสนาบดีเหล่านั้นรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อจนเกินไป มิมีผู้ใดเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

ที่พวกเขามิเชื่อก็มิได้ผิดอันใด เพราะแคว้นเทียนเย่าเป็นแคว้นที่แข็งแกร่ง มีผืนปฐพีอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นแคว้นที่เทพพระเจ้าประทานภูเขาทองคำให้ถึงสามลูก

จักรพรรดิเทียนเย่าก็ยังหนุ่มยังแน่น เขามีกองทัพเทียนเย่าที่มีทหารมากถึง 100,000 นาย ทั้งยังถูกขนานนามว่าเป็นกองทัพไร้พ่ายอีกต่างหาก กองทัพต้าเซี่ยเพียงแค่ 3,000 นายบุกรุกและทำลายแคว้นเทียนเย่า เหมือนจะเกินจริงไปสักหน่อย…

ครานี้ซูลี่ถึงได้สติกลับคืนกลับมา อ่า…หรือว่านี่จะเป็นข่าวปลอม !

พวกสายสืบต้องเข้าใจอันใดผิดเป็นแน่ เรื่องจริงมันควรจะเป็นกองทัพต้าเซี่ย 3,000 นายบุกเข้าไปยังแคว้นเทียนเย่า จากนั้นพวกเขาก็ถูกแคว้นเทียนเย่าทำลายจนราบมากกว่าสิ !

ซูลี่ถอนหายใจยาวออกมา ข่างเถิด ! วางเรื่องนี้เอาไว้ก่อน มาถกเถียงเรื่องการบ้านการเมืองดีกว่า

“คณะของราชทูตที่เดินทางไปยังแคว้นซ่างหลัวได้ส่งรายงานกลับมาแล้ว” รายงานฉบับก่อนหน้าร่วงลงมาจากมือของซูลี่ ทั้งยังถูกเขากระทืบซ้ำอีกสองครา เขาหยิบจดหมายหนึ่งฉบับที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน

“แคว้นซ่างหลัวเริ่มมีการอพยพประชาการเข้าไปอยู่อาศัยบนที่ราบอาลันล่าแล้ว ว่ากันว่านี่คือพระราชดำริของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ที่ราบอาลันล่านั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เป็นศูนย์รวมของแม่น้ำหลายสายที่ไหลผ่าน เป็นพื้นที่เขียวชอุ่ม ตามนโยบายเดิมของแคว้นซูเฟิงก่อนหน้านี้ ข้าจะต้องแย่งชิงพื้นที่อุดมสมบูรณ์แห่งนั้นมาให้ได้”

“นโยบายของแคว้นมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ บัดนี้กองทัพของต้าเซี่ยทั้งสามพันนายถูกแคว้นเทียนเย่ากำจัดจนราบคาบ นี่ถือเป็นการหลู่เกียรติของต้าเซี่ยอย่างมิน่าให้อภัย กองทัพของต้าเซี่ยย่อมจะส่งทหารไปเอาคืนแคว้นเทียนเย่าอย่างแน่นอน”

“กองทัพต้าเซี่ยมีทหารเพียงแค่ 20,000 นายเท่านั้น เมื่อถูกแคว้นเทียนเย่าเขมือบไปแล้ว 3,000 นาย ครานี้ก็จะเหลือเพียงแค่ 17,000 นาย… คาดว่าทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายนี้จะถูกกลบฝังอยู่ที่ฝืนปฐพีของแคว้นเทียนเย่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเสียหายทั้งสองฝ่าย”

“นี่ถือเป็นโอกาสทองของแคว้นซูเฟิงของเรา ! ”

“จงรับราชโองการ ! ให้กองทัพที่สองที่ประจำการอยู่ ณ เทือกเขาพีเรียเตรียมพร้อมทำศึก ! กรมคลังจงส่งเสบียงไปยังเทือกเขาพีเรียโดยเร็วที่สุด ! ”

“1 เดือน ! ข้าให้เวลาพวกเจ้าเพียงแค่ 1 เดือน จงไปยึดครองที่ราบอาลันล่ามาให้ได้ ให้กองทัพที่สองเคลื่อนพลออกจากหุบเขาลั่วหลาง เพื่อป้องกันมิให้กองทัพซ่างหลัวโจมตีกลับมาได้ ! ”

ซูลี่ออกคำสั่งกรีธาทัพไปยึดครองที่ราบอาลันล่า มิมีเสนาบดีคนใดคัดค้านห้ามปรามแม้แต่คนเดียว เพราะพวกเขาคิดเหมือนกันกับซูลี่ทุกประการ

เพราะกองทัพเทียนเย่า 100,000 นายนั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถึงกองทัพต้าเซี่ยจะเก่งกาจ ทว่าพวกเขาก็มีกำลังพลเพียงแค่ 20,000 นายเท่านั้น อีกทั้งสนามรบยังเป็นอาณาเขตของแคว้นเทียนเย่าอีกต่างหาก

ปัจจัยใดคือตัวตัดสินว่ากองทัพใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะเล่า ?

มันย่อมเป็นกองทัพที่มีกำลังพลมากกว่า เป็นกองทัพที่มีกองหนุนและเสบียงเพียบพร้อม แคว้นเทียนเย่าได้เปรียบในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นผลของสงครามในครานี้จึงคาดเดาได้ง่ายดายมากยิ่งนัก

ซูลี่เลยเลือกที่จะส่งทหารไปบุกยึดที่ราบอาลันล่าทันที เพราะนี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดอย่างมิต้องสงสัย

และแล้วราชโองการจากพระราชวังก็ถูกส่งออกไป กองทัพที่สองซึ่งประจำการอยู่ที่เทือกพีเรียได้รับราชโองการหลังจากนั้นหนึ่งวัน

ผู้บัญชาการอัลดูลาเฝ้ารอที่จะบุกยึดที่ราบอาลันล่ามาเนิ่นนานแล้ว สำหรับเขา การยึดที่ราบอาลันล่าซึ่งมิมีแนวป้องกันใด ง่ายดายเสียยิ่งกว่าการปอกกล้วยเข้าปาก

กองทัพที่สองมีความคุ้นเคยกับที่ราบแห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะในอดีตเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวของแคว้นซ่างหลัว พวกเขาก็มักจะส่งทหารเข้าไปกวาดต้อนเสบียง ในช่วงแรก ๆ นั้น พวกเขากรรโชกเอาผลผลิตที่พอกินเป็นเวลา 1 ปี ทว่าในช่วงหลัง ๆ ชาวซ่างหลัวเริ่มมีประชากรลดน้อยลงเรื่อย ๆ การแย่งชิงผลผลิตทางการเกษตรจึงยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดจึงทำให้ที่ราบอาลันล่าต้องมีสภาพรกร้างผู้คนเฉกเช่นตอนนี้

แคว้นซ่างหลัวเป็นแคว้นที่อ่อนแอ มิมีกำลังความสามารถที่จะประจันหน้ากับทหารจากแคว้นซูเฟิงบนที่ราบอาลันล่า พวกเขาจึงถอยไปประจำการอยู่ที่หุบเขาลั่วหลาง

ในที่สุดก็ได้รับราชโองการจากฝ่าบาทเสียที อัลดูลาเรียกทหารภายใต้บังคับบัญชาให้มารวมตัวกัน หลังจากจัดระเบียบกองทัพเรียบร้อยแล้ว เขาก็มิได้รีรอเสบียงและยุทโธปกรณ์ที่กำลังลำเลียงมาแต่อย่างใด

เพราะมันมิมีความจำเป็นใด ๆ กองทัพ 50,000 นายของเขาจะกวาดล้างที่ราบอาลันล่าด้วยความเร็วดั่งลมพายุ ห้าวันหลังจากนั้น เขาก็ได้นำทัพไปถึงหุบเขาลั่วหลาง

หุบเขาลั่วหลางมีทหารของซ่างหลัวประจำการอยู่เพียงแค่ 30,000 นาย แม้ว่าพวกเขาจะสร้างด่านขึ้นมาตรงหุบเขา ทว่ามันกลับดูไร้ควาหมายสำหรับอัลดูลา เพราะลักษณะภูมิประเทศของเทือกเขาสองฝั่งมิได้สูงชัน ทหารของเขาสามารถข้ามเทือกเขาทั้งสองฝั่งเข้าไปสังหารทหารซ่างหลัวที่หุบเขาลั่วหลางได้อย่างสบาย ๆ

กองทัพของเขาต้องการเสบียงสำหรับห้าถึงหกวันเท่านั้น เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าชาวซ่างหลัวจะมิมีแม้แต่โอกาสเผาทำลายเสบียง

กองทัพได้เดินทางออกจากฐานที่มั่นอย่างฮึกเหิมในวันนั้นนั่นเอง กองทัพ 50,000 นายข้ามเทือกเขาพีเรียเข้าไปยังอาณาเขตของแคว้นซ่างหลัวราวกับน้ำป่าไหลหลาก จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังหุบเขาลั่วหลางอย่างฉับพลัน

ในขณะที่อัลดูล่านำกองทัพย่างกรายเข้าไปยังที่ราบอาลันล่าเป็นวันที่สอง ทางฝั่งจักรพรรดิของแคว้นซูเฟิงก็ได้รับรายงานที่ส่งมาจากแคว้นเทียนเย่าอีกครา

“กองทัพต้าเซี่ยโรยตัวลงมาจากท้องนภา เวลาเพียงอึดใจเดียวก็สามารถยึดครองพระราชวังเอาไว้ได้แล้ว จักรพรรดิแคว้นเทียนเย่า สมาชิกราชวงศ์และเสนาบดีทุกคนล้วนถูกพวกเขาจับตัวเอาไว้แล้ว ! ”

“ประชากรเมืองเทียนเย่าต่างก็ตกอยู่ในสภาวะหวั่นวิตก บัดนี้กองทัพต้าเซี่ยยังคงประจำการอยู่ในพระราชวัง ยังมิเห็นความเคลื่อนไหวใดและมิอาจทราบได้ว่าสิ่งใดคือแรงจูงใจในการทำสงครามครานี้”

“นอกเหนือจากนี้ยังมีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้รายงานมาว่า ผู้บัญชาการกองทัพต้าเซี่ยได้จับกุมตัวจักรพรรดิเทียนเย่า จากนั้นก็ออกเดินทางจากพระราชวังไปยังภูเขาทองคำที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด กระหม่อมคาดเดาว่าที่ทหารต้าเซี่ยบุกรุกในครานี้ มีเหตุฉนวนมาจากภูเขาทองคำสามลูกนั้น”

“กองทัพต้าเซี่ยมีกำลังพลเพียงแค่ 3,000 นาย ทว่าเขากลับกำจัดกองทัพเทียนเย่าที่มีกำลังพล 100,000 นายได้ ทั้งยังสามารถยึดครองเมืองเทียนเย่าได้สำเร็จอีกด้วย พวกเขาสวมชุดเกราะสีเงินที่ฟันแทงมิเข้า พวกเขามีระเบิดสายฟ้าที่มีพลังทำลายสูง ฝีมือในการรบของพวกเขาเก่งกาจมากยิ่งนัก ทั้งยังบินได้อีกด้วย ! ”

“กระหม่อมใคร่กราบบังคมทูลฝ่าบาทให้มุ่งหน้าไปยังเมืองซ่างหลัวโดยเร็วที่สุด ไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิต้าเซี่ยเพื่อสวามิภักดิ์และส่งมอบเครื่องบรรณาการเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับจักรพรรดิต้าเซี่ย มิเช่นนั้น…ถ้าหากต้าเซี่ยส่งกองทัพเข้ามายังแคว้นซูเฟิง 3,000 นาย แคว้นซูเฟิงก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวดเช่นกัน ! ”

ซูลี่ตื่นตกใจจนตาเบิกโพลง จากนั้นก็อ่านจดหมายฉบับนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงสามครา !

เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์ “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ? ”

“ผู้ใดสามารถบอกข้าได้บ้างว่ากองทัพ 100,000 นายพ่ายแพ้ให้กับกองทัพ 3,000 นายได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“พวกเจ้าไปสืบมาอีก ข้าอยากรู้ทุกรายละเอียดเกี่ยวกับแคว้นเทียนเย่า ! ”

“จำต้องออกราชโองการให้กับกองทัพที่สองหยุดการโจมตี จากนั้นให้พวกเขาถอนทัพออกจากเทือกเขาพีเรียโดยด่วน ! ”

เหล่าเสนาบดีต่างก็ตกตะลึงมากยิ่งนัก

ถ้าหากรายงานฉบับนี้เป็นเรื่องจริงล่ะก็…กองทัพต้าเซี่ยจะเก่งกาจถึงเพียงใดกัน ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด