นายน้อยเจ้าสำราญ 1166 ตามรอยชายอ้วน
ตอนที่ 1166 ตามรอยชายอ้วน
ขบวนของฟู่เสี่ยวกวนออกเดินทางจากเมืองซ่างหลวง โดยมีโดฮาและองค์รัชทายาทอันเอ๋อร์คอยติดตามมาด้วย พวกเขาเดินทางมายังชายฝั่งเอเบลเพื่อไปยังหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ แห่งนั้น
เขาค้างคืนอยู่ในหมู่บ้านประมงเป็นเวลา 10 วัน
สิบวันหลังจากนั้น ช่างฝีมือที่เดินทางมาจากต้าเซี่ยก็ได้เริ่มก่อสร้างท่าเรือประจำแผ่นดินใหญ่ลีอาห์
ประมุขของแคว้นซ่างหลัว แคว้นซูเฟิงและแคว้นเทียนเย่าได้เดินทางมาเข้าเฝ้าอย่างรีบร้อนพร้อมกับนำแรงงานจำนวนมหาศาลมาช่วยเหลือ ช่วงนี้ฟู่เสี่ยวกวนกำลังวุ่นกับการออกแบบเมือง เขาได้ตั้งชื่อเมืองแห่งนั้นว่าเมืองอาเรีย
“เมืองนี้ถือเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีระหว่างต้าเซี่ยและแคว้นของพวกท่าน ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองจักรพรรดิทั้งสามคนแล้วยกยิ้มออกมา “เมืองอาเรียจะมีบทบาทเป็นเมืองศูนย์รวมทางการค้าระหว่างพวกท่านกับต้าเซี่ย เมืองแห่งนี้มิว่าผู้ใดก็สามารถเข้าออกได้อย่างเสรี พวกท่านจะได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของที่นี่และพวกท่านจะสามารถเข้าถึงสินค้าต่าง ๆ รวมถึงข่าวสำคัญได้จากเมืองนี้…”
“จะมีการก่อสร้างพระราชวังขึ้นที่นี่ เมื่อสร้างเสร็จ…ให้อาเรียเข้าไปอาศัยในพระราชวัง ทว่านางมิอาจเข้าไปแทรกแซงการก่อสร้างและพัฒนาเมืองแห่งนี้ได้”
“ข้าจะต้องกลับแล้ว ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งสามจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หวังว่าพวกท่านทั้งสามจะจับมือกันพัฒนาบ้านเมือง ! ”
“ข้าได้สั่งให้กองทัพประจำการอยู่ที่นี่ 10,000 นาย พวกเขาจะคอยรักษาความปลอดภัยของแผ่นดินใหญ่ลีอาห์แห่งนี้ ส่วนพวกท่านก็มิจำเป็นต้องมีทหารเป็นของตนแม้แต่นายเดียว ! ให้จำเอาไว้ว่าภารกิจที่สำคัญที่สุดของพวกท่านก็คือดำเนินนโยบายการเกษตรคู่การค้า พวกท่านจะต้องทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดไปกับเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ราษฎรได้อยู่ดีกินดี…”
ฟู่เสี่ยวกวนให้เรือรบ 30 ลำประจำการอยู่ที่นี่ เขานำเรือรบ 2 ลำและเรือขนส่งสินค้าอีก 3 ลำบรรทุกทองคำแท่งแล้วเดินทางออกจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์
เดิมทีเขาอยากเดินทางไปอะแลสกาสักครา แต่ด้วยความปรารถนาที่จะกลับบ้านมีมากกว่าทำให้ตนต้องละทิ้งแผนการนี้ไป
เมื่อท่าเรืออาเรียสร้างเสร็จเมื่อใด จากที่นั่นไปอะแลสกาก็คงมิไกลเท่าใดแล้ว
อาเรียยืนอยู่ริมชายหาดพื่อส่งขบวนเรือของต้าเซี่ยที่กำลังจากไป นางยืนมองขบวนเรืออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมันหายลับไปจากเส้นขอบฟ้าแล้ว นางยืนนิ่งอยู่เนิ่นนานพลางลูบคลำท้องของตนเอง ความเศร้าโศกจากการถูกทิ้งได้อันตรธานหายไปแล้ว ประกายที่เปี่ยมล้นด้วยความสุขเข้ามาแทนที่
การก่อสร้างที่เกิดขึ้นอย่างอึกทึกครึกโครมนี้ นางเชื่อว่าในอนาคตเมืองอาเรียจะต้องงดงามอย่างแน่นอน และนางก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าสักวันหนึ่งในอนาคต นางจะได้พบเขาอีกคราในพระราชวังแห่งนั้น
……
……
ณ กวนหยุนถาย เมืองกวนหยุน
จัวอี้สิงและหนานกงอี้หยู่กำลังเล่นหมากรุกอยู่ใต้ต้นสนโบราณต้นนั้น
บัดนี้ทั้งสองกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด จัวเปี๋ยหลีเสนาบดีกรมกลาโหมเดินเข้ามา เขานั่งลงเงียบ ๆ พลางจ้องมองทั้งสองเล่นหมากรุกโดยมิได้ปริปากเอ่ยอันใดออกมา จนกระทั่งศึกหมากรุกนั้นได้ผลแพ้ชนะ
“มีธุระอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ” จัวอี้สิงพ่ายแพ้ เขาเอ่ยถามด้วยความหัวเสีย
“มีรายงานจากหอเทียนจีขอรับ ทางเหนือได้ค้นพบเทือกเขาสูงเทียมเมฆาแห่งหนึ่ง เมื่อข้ามเทือกเขาแห่งนี้ไป อีกฟากหนึ่งของเทือกเขามีประเทศขนาดใหญ่มหึมาและแข็งแกร่งอยู่ประเทศหนึ่ง ที่นั่นเรียกว่าจักรวรรดิโมริยะ…ว่ากันว่าเป็นสถานที่ที่งดงามมากยิ่งนัก ! ”
หนานกงอี้หยู่ลูบเครายาว ขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยถามว่า “อยู่ห่างจากต้าเซี่ยเท่าใดกัน ? ”
“ห่างจากหยวนเป่ยเต้าราว 2,000 ลี้ขอรับ”
ก็ไกลใช้ได้อยู่… “คนของหอเทียนจีไปทำอันใดที่นั่นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ได้รับพระเสาวนีย์จากไทเฮาให้ออกตามหาจักรพรรดิพระเจ้าหลวงขอรับ”
จัวอี้สิงผงะ “ชายอ้วนเผ่นไปราชวงศ์โมริยะอันใดนั่นหรือ ? ”
“ใช่ขอรับ ! พระองค์ได้ข้ามภูเขาหิมะสูงใหญ่นั้นไป บัดนี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปที่นั่น”
“ที่นั่นอันตรายหรือไม่ ? ”
“จากการวิเคราะห์ของสายลับของหอเทียนจี พวกเขาบอกว่าอาจจะมีอันตราย เพราะที่จักรวรรดิโมริยะก็มีอาวุธปืนเช่นเดียวกัน และหนึ่งในอาวุธปืนของพวกเขามีพลังทำลายล้างสูงมากยิ่งนัก…มิได้แตกต่างกับปืนเหมาเซ่อของพวกเรามากนัก”
จัวอี้สิงขมวดคิ้วแน่น ชายอ้วนจะเดินทางไปยังสถานที่แบบนั้นเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ?
จะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมก็มิได้ !
เพราะเขาเป็นบิดาที่เลี้ยงดูฝ่าบาทมาจนเติบใหญ่ ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นถึงจักรพรรดิพระเจ้าหลวงแห่งต้าเซี่ย ถ้าหากเขาถูกทางจักรวรรดิโมริยะผลักไสไล่ส่งก็จะทำให้ต้าเซี่ยเสียหน้าเอาได้ !
ทุกวันนี้ต้าเซี่ยเป็นแคว้นที่เรืองอำนาจและสานสัมพันธ์ด้านการทูตกับประเทศรอบ ๆ กว่าสิบประเทศ ฝ่าบาททรงเดินทางไปบุกเบิกแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรด้วยพระองค์เอง นี่เป็นเวลาที่ต้าเซี่ยจะเจริญรุ่งเรืองดั่งแสงสุริยา ถ้าหากชายอ้วนก่อเรื่องที่จักรวรรดิโมริยะ ต้าเซี่ยก็จะกลายเป็นตัวตลกของประเทศเหล่านี้ไปทันที !
“จำต้องตามตัวชายอ้วนกลับมา ! ” จัวอี้สิงทุบโต๊ะดังปัง ! หนานกงอี้หยู่เห็นพ้องต้องกัน
“สายลับของหอเทียนจีจนปัญญาโน้มน้าวจักรพรรดิพระเจ้าหลวงแล้ว พระองค์มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะไปเที่ยวชมจักรวรรดิโมริยะ”
“เขาเพียงแค่อยากเที่ยวชมจริง ๆ หรือ ? ”
จัวเปี๋ยหลีส่ายศีรษะ “จากรายงานของหอเทียนจี เหมือนว่าจักรพรรดิพระเจ้าหลวงมีความคิดที่จะโจมตีจักรวรรดิโมริยะขอรับ”
หนานกงอี้หยู่ตกตะลึงเสียจนตาค้าง “เขานำกำลังพลไปด้วยเท่าใดกัน ? ”
“เพียงแค่ 3,000 นายเท่านั้นขอรับ ! ทว่าทั้งสามพันนายนั้นล้วนเป็นศิษย์สำนักเต๋า พวกเขาเป็นทหารดาบเทวะที่ซูม่อฝึกฝนมา ฝีมือการรบของพวกเขาย่อมไร้ข้อกังขา ทว่าปัญหาใหญ่ของพวกเขาก็คือพวกเขานำอาวุธติดมือไปมิมาก”
พวกเขาออกเดินทางอย่างรีบเร่ง พวกเขาแต่ละคนมีกระสุนติดตัวแค่คนละ 10 นัดเท่านั้น แม้ว่าปืนเหมาเซ่อจะร้ายกาจมากเพียงใด ทว่าหากไร้ซึ่งกระสุน มันก็มิต่างอันใดกับไม้กระบองที่ใช้จุดไฟ
พวกเขาได้ออกเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อไปยังแคว้นที่มิมีผู้ใดรู้จักมาก่อน เสบียงหนุนย่อมขาดแคลนเป็นธรรมดา ถ้าหากชายอ้วนคิดจะทำศึกกับแคว้นนั้นจริง ๆ สนามรบในศึกครานี้ก็จะเป็นดินแดนของศัตรู !
เมื่อทหาร 3,000 นายของชายอ้วนยิงกระสุนออกไปจนหมดเกลี้ยง แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นเลิศด้านวรยุทธ์ ทว่าเยี่ยงไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง !
พวกเขาจะถูกศัตรูเล่นงานจนหมดแรง !
“ให้สายลับคอยจับตาดูชายอ้วนอย่างใกล้ชิด ! อีกอย่างคงต้องขอร้องทางหอเทียนจีให้ส่งสายลับเข้าไปในจักรวรรดิโมริยะให้มากขึ้น ! ว่ากันว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับมา พระองค์คงต้องการทราบข้อมูลของจักรวรรดิโมริยะโดยละเอียด”
จัวอี้สิงยืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อีกอย่างหนึ่ง เจ้าจงส่งกองทัพตามเขาไปยังจักรวรรดิโมริยะ ถ้าหากชายอ้วนมีการเคลื่อนไหวอันใดที่มิชอบมาพากลให้นำตัวเขากลับมาที่ต้าเซี่ยทันที ถ้าหากเขาเข้าปะทะกับจักรวรรดิโมริยะ…เช่นนั่นก็จงเข้าไปช่วยเหลือ”
“ข้าเห็นด้วยกับใต้เท้าจัว ! ” หนานกงอี้หยู่ลุกพรวดขึ้นมา
สิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกเดินทางก็คือ ถ้าหากเรื่องใดได้รับการเห็นชอบจากเสนาบดีอาวุโสทั้งสองแล้ว เรื่องนั้นก็สามารถดำเนินการได้ทันที
จัวเปี๋ยหลียืนขึ้นคารวะ “ข้าจะส่งกองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซีให้ติดตามสายลับของหอเทียนจีออกไป ! ”
คำสั่งทางการทหารได้ถูกส่งจากเมืองกวนหยุนไปยังหยวนเป่ยเต้าอย่างเร่งด่วน หนานกงอี้หยู่จ้องมองจัวอีสิงด้วยสีหน้ากังวลใจ “จากลักษณะนิสัยของเจ้าหมอนั่น…ข้ากังวลว่าจะสายเกินไปแล้วน่ะสิ ! การเดินทางครานี้มีระยะทางนับสองพันกว่าลี้ ไหนจะต้องข้ามภูเขาสูงเทียมเมฆานั่นอีก…”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ทอดสายตามองทะเลหมอกเบื้องหน้าพลางถูมือไปมา “เหตุใดใต้หล้าถึงใหญ่โตถึงเพียงนี้กันนะ ? ”
“แม้ว่าจะสาย เยี่ยงไรก็ต้องไป ถือว่าไปเก็บศพเขากลับมาก็แล้วกัน ถ้าเกิดชายอ้วนสิ้นใจบนจักรวรรดิโมริยะอย่างแท้จริง… เจ้าคิดว่าเมื่อฝ่าบาทเสด็จกลับมา พระองค์จะนำทัพเข้าไปโจมตีด้วยตนเองหรือไม่ ? ”
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมากยิ่งนัก เพราะฟู่เสี่ยวกวนและชายอ้วนสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
“จำต้องเตรียมพร้อมเผื่อฝ่าบาทจะเดินทางไปโจมตีด้วยพระองค์เอง… ไปกันเถิด พวกเราเดินทางไปหาเมิ่งฉางผิงกัน อย่างน้อย ๆ ก็จำต้องส่งเสบียงและยุทโธปกรณ์สำหรับสองถึงสามกองทัพล่วงหน้าไปที่หยวนเป่ยเต้า จากนั้นให้จัวเปี๋ยหลีระดมพลทหารสักสองถึงสามกองทัพที่หยวนเป่ยเต้าเพื่อเตรียมการป้องกัน ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ระหว่างทางกลับประเทศ เขามิรู้ว่าชายอ้วนได้ก่อเรื่องวุ่นวายจนแทบจะเอาตนเองมิรอดที่จักรวรรดิโมริยะ
รัชสมัยต้าเซี่ยที่สอง เดือนสี่ วันที่สิบเจ็ด หลังจากที่เรือรบของต้าเซี่ยเดินทางล่องมหาสมุทรราวหนึ่งเดือนครึ่ง บัดนี้ได้ล่องมาถึงแม่น้ำฉางเจียงและจอดเทียบท่าที่เมืองเจียงเฉิงเรียบร้อยแล้ว
ฟู่เสี่ยวกวนได้กลับมาเหยียบย่ำบนผืนปฐพีต้าเซี่ยอีกครา เขารู้ตัวได้ทันทีว่าตนยังมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับผืนปฐพีแห่งนี้มิเสื่อมคลาย
Comments